ตอนที่ 6 กางปีกปกป้อง
“ฮือ ฮือ คุณปาย”
ภาพความทรงจำในสมองไหลเวียนเข้ามาเป็นฉาก ๆ แผ่นดินในวัยห้าขวบที่สูญเสียบิดาไปอย่างไม่มีวันกลับหลังจากที่เสียมารดาไปด้วยโรคร้ายไม่นาน นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในมุมมืดของห้องนอนในเรือนพักคนงานของบ้านอธิพัฒน์โภคิน
ร่างบางของเด็กหญิงวัยเก้าขวบเดินเข้าไปหาเขาช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงรั้งร่างเล็กตัวสั่นเทาเข้ามากอดแนบอก
“ไม่เป็นไรนะดิน คุณปายอยู่นี่”
“พ่อของดิน...ฮึก ฮึก...พ่อของดิน...”
“พ่อของดินไปพักผ่อนแล้ว แต่ดินไม่ต้องกลัว คุณปายกับครอบครัวจะดูแลดินเอง”
“สัญญานะครับ”
“สัญญาสิ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
มือเล็กเช็ดน้ำตาบนใบหน้ามอมแมม ก่อนหน้านี้เธอเข้าไปหาเขาในห้องนอนที่อยู่ข้างกันเพื่อดูว่าเขาจะยังร้องไห้อยู่หรือเปล่าหลังจากเสร็จงานศพของคนเป็นพ่อ แต่ก็พบเพียงห้องว่างเปล่าไร้เงาของคนตัวเล็ก
จึงเดินลงมาตามหาเขาที่ห้องนอนห้องเดิมในเรือนพักคนงาน ก็เจอเขากำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ในคืนนั้น เขากับเธอนอนกอดกันบนเตียงที่เขาเคยใช้นอนกับพ่อจนถึงเช้า และหลังจากนั้นมา แผ่นดินตัวน้อยก็เดินตามคุณปายต้อย ๆ ยอมเป็นลูกไล่และทาสผู้ซื่อสัตย์มาโดยตลอด ทั้งยังเทิดทูนลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบ้านจนสุดหัวใจ
แม้ว่าลูกคนขับรถอย่างเขามันจะไม่ได้เรื่อง อ่อนแอไม่สู้คนจนกลายเป็นเธอเองที่ต้องคอยกางปีกปกป้องเขาบ่อย ๆ และแม้พยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อดูแลเธอก็ตาม แต่ด้วยวัยและขนาดของร่างกาย เด็กอย่างเขามันก็ยังไม่ได้เรื่องและเป็นภาระของเธออยู่ร่ำไป
“นี่แกกล้ารังแกคนของฉันเหรอ ไอ้โจอี้”
ปราลีในวัยสิบขวบกระโจนเข้ามาผลักเด็กชายวัยเดียวกันจนกระเด็นหลังจากที่หมอนั่นเอากบตัวใหญ่มาแกล้งเด็กในบ้านของเธอที่กลัวจนทิ้งตัวลงนั่งเบิกตากว้าง ขาแข้งไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะลุกหนี
“เฮ้ย อะไรวะ แกอย่ามายุ่งดีกว่า ไอ้เด็กนี่มันต้องมาเป็นทาสฉัน”
เด็กชายลูกครึ่งจอมเกเรก้าวเข้าหาเธอด้วยความกร่าง ก่อนมือนั้นจะผลักไหล่จนปราลีร่างผอมบางกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว แต่คนใจกล้าก็กระโจนเข้าต่อยตีกับเด็กผู้ชายอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อปกป้องเขา ทั้งที่ตัวเองก็โดนหมอนั่นผลักกระเด็นไปหลายรอบ
“ดินเป็นคนของฉัน ถ้าแกไม่อยากตาย ก็อย่ามายุ่งกับดินอีก”
คนสวยผมเผ้ารุงรัง ชุดนักเรียนของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังฉีกขาดยืนชี้หน้าเด็กเกเรที่ล้มลงกับพื้นอย่างหมดท่า ก่อนเด็กคนนั้นจะวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
“ดิน เป็นยังไงบ้าง”
ปราลีวิ่งไปประคองคนตัวผอมและเตี้ยกว่าเธอมากให้ลุกขึ้นยืน แม้พ่อของเธอจะส่งเสียให้เขาได้เข้ามาเรียนโรงเรียนเดียวกันกับเธอและพี่ชาย แต่เมื่อเด็กเกเรรู้เข้าว่าเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าในความดูแลของคนตระกูลอธิพัฒน์โภคิน เขาก็ถูกรังแกทุกวัน แต่กลับไม่ยอมปริปากบอกใครจนเธอรู้เข้าด้วยความบังเอิญ จากนั้นเธอก็จะคอยตามสอดส่องดูแลและเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ได้ทันตลอด
“ดินไม่เป็นอะไรครับ คุณปายเจ็บไหม”
มือเล็กเปื้อนดินยื่นไปหวังจะจับรอยช้ำตรงมุมปาก แต่ก็ต้องหดมือตัวเองกลับมาเมื่อเห็นว่ามันสกปรกและเขาไม่ควรแตะต้องร่างกายของเธอ แต่เธอกลับจับมือเขามาเช็ดที่กระโปรงแล้วนำมือนั้นขึ้นมาแตะยังมุมปาก
“เจ็บเหมือนกันนะ ทำไมนายถึงยอมให้พวกมันรังแกอยู่ได้ นายโตแล้วนะดิน หัดสู้คนเสียบ้าง”
ดวงตากลมโตวาววับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งถูกเด็กเกเรรังแกไม่เว้นวัน รู้สึกหงุดหงิดที่คนตัวเล็กชอบทำตัวอ่อนแอและไม่สู้คนด้วยความเจียมตัวในสถานะลูกคนงานในบ้านที่ไม่ได้มีอะไรทัดเทียมเด็กในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงแสนแพงนี้ได้เลยสักคน
“ดิน คือ ดิน...”
“นายอายุหกขวบแล้วนะ นายกำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ จะไปยอมให้ไอ้โจอี้มันรังแกอยู่ได้ยังไง คราวหลังถ้ามันรังแกนายอีก นายต้องต่อยมันกลับ เข้าใจไหม ถ้าไม่อย่างนั้นคุณปายจะบอกพ่อ ว่านายโดนแกล้งที่โรงเรียนทุกวัน”
“อย่านะครับ อย่าฟ้องคุณผู้ชายนะครับคุณปาย ดินไม่อยากให้คุณผู้ชายลำบากใจ”
เด็กตัวเล็กที่พอกลับถึงบ้านก็ก้มหน้าก้มตาช่วยงานในสวนหรือในครัว ซ่อนร่องรอยบอบช้ำตามร่างกายจากผู้ใหญ่ในบ้าน ไม่ยอมเผยอหน้าตีเสมอด้วยการร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านายและยังคงใช้ชีวิตคนเดียวในห้องพักของคนงานแม้ว่าบนตึกจะมีห้องที่จัดรอให้เขาขึ้นไปนอนก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นนายต้องเข้มแข็งสิ ทำตัวให้แข็งแรง กินนมเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ ใครจะได้ไม่มารังแกนายอีก”
“ครับคุณปาย ดินจะกินนมเยอะ ๆ”
“เหอะ ไม่ทันแล้วมั้ง ไอ้ขี้ดิน”
โจอี้ที่ใบหน้าเขียวช้ำเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมพวกอีกหลายคน ปราลีตรงเข้ายืนบังคนตัวเล็กเอาไว้ เธอเชิดหน้าขึ้นสูงแม้ว่าจะใจสั่นด้วยความกลัวก็ตาม
“พวกแกมีอะไร”
“มีอะไรงั้นเหรอ เธอต่อยฉันจนหน้ายับ ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าพวกฉันต้องการอะไร”
“แกก็ต่อยฉันเหมือนกัน ก็จบกันไปสิ จะยกพวกมารุมฉันแบบนี้มันไม่หน้าตัวเมียไปหน่อยเหรอ”
“หน้าตัวเมีย แปลว่าอะไรวะ”
เด็กที่มีพ่อเป็นชาวต่างชาติหันไปถามเพื่อนว่าสิ่งที่โดนด่ามันหมายความว่าอย่างไร ก่อนจะถลึงตามองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเมื่อเพื่อนอีกคนกระซิบบอกเป็นภาษาอังกฤษ
“นี่แกกล้าว่าฉันขนาดนี้เชียวเหรอ”
“ใช่ จะว่ามากกว่านี้อีกถ้าแกยังรังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่เลิก”
“เหอะ ฉันไม่สนใจหรอก อยากเกิดมาอ่อนแอทำไมวะ ไอ้ขี้ข้า หลบอยู่หลังผู้หญิง ให้เจ้านายมึงปกป้องต่อไปนะ พวกมึง รุมกระทืบไอ้สองคนนี้ให้ยับ”
เด็กเกเรหลายคนวิ่งกรูเข้าไปทำร้ายเธอกับเขา สองร่างทิ้งตัวลงนั่งแล้วกอดกันแน่นโดยที่คนตัวเล็กพยายามยกแขนเพื่อจะปกป้องเจ้านายสาว แต่ด้วยร่างกายที่เล็กกว่ามากก็ไม่อาจทำได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่กว่านี้ก็มีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยไว้ได้ก่อน
“พวกมึงหยุดรังแกน้องกูเดี๋ยวนี้”
ปารเมศวิ่งกระหืดกระหอบมาช่วยน้องทั้งสองหลังจากเพื่อนร่วมชั้นที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์แล้วรีบวิ่งไปบอก เขาตรงเข้าสาวหมัดใส่เด็กผู้ชายทีละคนจนพวกมันล้มลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงเบิกกว้างด้วยความกลัวของเด็กเกเรตัวต้นเรื่อง
“ไอ้โจอี้ มึงใช่ไหมที่รังแกน้องกู”
แม้ปารเมศจะเป็นเด็กตั้งใจเรียนและไม่เคยมีเรื่องชกต่อยเลยสักครั้ง แต่เพื่อปกป้องน้องทั้งสองทำให้เด็กวัยรุ่นวัยสิบสี่ปี ทำตัวต่อยตีเป็นอันธพาล
ทั้งหมดถูกครูเรียกเข้าพบพร้อมด้วยผู้ปกครองที่ต้องรีบเดินทางมาทันทีที่โรงเรียนโทรแจ้ง เด็ก ๆ ใบหน้าเขียวช้ำนั่งก้มหน้างุด ยกเว้นปราลีที่แม้มุมปากบวมช้ำ โหนกแก้มขึ้นสีม่วง แต่กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งกุมมือเล็กเปรอะเปื้อนของแผ่นดินตลอดเวลา
“ฉันไม่ยอมนะคะ ลูกชายของคุณโตจนป่านนี้แล้วยังมารังแกลูกฉันที่เพิ่งอายุสิบขวบ ดูสิ ลูกฉันกับเพื่อน ๆ หน้าแตกยับไปหมด ฉันจะเอาเรื่องลูกชายคุณให้ถึงที่สุดเลย”
ปรินทร์หันมองหน้าลูกชายคนโตที่ไม่ได้มีร่องรอยแม้แมวขีดข่วน ต่างจากลูกสาวและเด็กที่ตนรับอุปการะซึ่งใบหน้าเขียวช้ำ มุมปากแตกยับมีเลือดซิบก็ต้องกัดกรามแน่น
ตั้งแต่ลูกสาวของเขาเกิดมา แม้เธอจะดื้อแสนดื้อแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยตีหรือทำให้ลูกรักเจ็บตัวสักแอะ แต่ไอ้เด็กเกเรนั่นมันเป็นใคร ถึงกล้าทำลูกรักของเขาได้ขนาดนี้ แถมคนเป็นแม่ยังให้ท้าย ถึงว่าลูกชายตัวโตถึงมีนิสัยเกเรผิดกับเด็กคนอื่น ๆ ที่มีฐานะทางบ้านร่ำรวย
“คงได้มีเรื่องกันเหมือนกันครับ เพราะผมเองก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกสาวและหลานของผมฟรี ๆ”
ดวงตาคมกริบวาบลึกจนน่าขนลุกทำเอาแม่ของเด็กเกเรชะงักไป แต่ก็ยังโวยวายร้องขอความเป็นธรรมจากครูปกครอง
“ฉันไม่ยอมนะคะ ยังไงทางโรงเรียนก็ต้องไล่เด็กเกเรออก”
“ทางโรงเรียนมีมาตรการลงโทษเด็กเกเรที่ชอบสร้างปัญหาอยู่แล้วครับคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ตอนนี้ขอทางโรงเรียนสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นจากนักเรียนทั้งสองฝ่ายก่อนนะครับ เรื่องราวมันเป็นยังไง ใครจะบอกความจริงกับครูได้บ้าง”
“ปายเล่าเองค่ะ ปายกินข้าวเที่ยงเสร็จก็เดินตามหาดิน ปายกลัวจะมีเรื่องเพราะโจอี้ชอบทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ดินเองก็โดนโจอี้แกล้งประจำและปายก็ไปช่วยประจำค่ะ วันนี้ปายเจอโจอี้เอากบมาแกล้งดิน ปายเลยเข้าไปช่วย ก็เลยมีเรื่องกับโจอี้ แล้วโจอี้ก็ไปพาเพื่อนมารุมปายกับดิน สภาพก็อย่างที่เห็นค่ะ ปายกับดินอาจจะสลบคามือพวกเขาก็ได้ถ้าพี่แปงไม่เข้ามาช่วย”
“ไม่จริง ลูกฉันไม่ใช่เด็กเกเร นี่เด็กคนนี้หัดโกหกตั้งแต่เด็กเชียวหรือ”
ดวงตาที่ตกแต่งอย่างสวยงามถลึงมองเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องอย่างดูถูก
“ใจเย็นครับ เรื่องราวเป็นยังไงโจอี้ เล่าให้ครูฟังหน่อยสิ”
“เอ่อ คือ คือผมกับเพื่อนนั่งเล่นอยู่ ไอ้ขี้ดินมันก็เข้ามาหาเรื่อง เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็นิสัยไม่ดีแบบนี้แหละครับ ผมทนไม่ไหวเลยทะเลาะกัน ปายเดินเข้ามาก็ทำร้ายผม ผมกับเพื่อนก็เลยโกรธ เราเลยทะเลาะกันครับ”
“ไม่จริง โจอี้โกหก ปายกับดินไม่ได้ทำแบบนั้น”
“ฉันเชื่อลูกฉันค่ะ ทางโรงเรียนต้องจัดการเด็กโกหกให้ฉันนะคะ ไล่ออกให้หมดเลยค่ะ”
“ผมก็เชื่อลูกสาวผมเหมือนกัน หวังว่าถ้าหาข้อเท็จจริงได้ ทางโรงเรียนจะจัดการให้ผมนะครับ เพราะผู้ปกครองทุกคนคงไม่พอใจที่ลูกต้องเรียนร่วมกับเด็กเกเร”
“ใจเย็น ๆ ครับ ผมจะให้ความยุติธรรมกับเด็กทั้งสองฝ่ายแน่นอน เพราะบริเวณนั้นมีกล้องครับ ตอนนี้ทางฝ่ายเทคนิคส่งไฟล์มาให้ผมแล้ว ผมว่าเรามาเปิดดูพร้อมกันเลยดีกว่า”
โจอี้และกลุ่มเพื่อหน้าซีดเผือด แต่ปราลีกลับเหยียดยิ้มเยาะแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างเป็นต่อ
แล้วความจริงก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอฟ้องว่าโจอี้โกหกและปราลีพูดความจริง
“ทีนี้ทางโรงเรียนจะจัดการกับเด็กกลุ่มนี้ให้ผมยังไงครับ ลูกสาวกับหลานของผมไม่ผิด อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก หลานผมถูกรังแกด้วยเด็กกลุ่มนี้มาหลายครั้งแล้ว ผมไม่อยากให้เด็กคนไหนต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมคงไม่สบายใจที่จะให้ลูกหลานของผมเรียนที่นี่ เงินสนับสนุนรายปีที่ผมจ่ายก็คงจะจบสิ้นกันถ้าผมต้องพาเด็ก ๆ ออกไปเรียนที่อื่น”
“คุณปรินทร์ ใจเย็น ๆ ครับ ทางโรงเรียนจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างดีที่สุด จะไม่ให้มีเด็กคนไหนต้องถูกรังแกอีกแล้วครับ”
หลังจากที่ทางโรงเรียนจัดการเด็กเกเรด้วยการทำทัณฑ์บนขั้นเด็ดขาด โจอี้ก็สลดลงไปเยอะ ไม่กล้ารังแกใครแรง ๆ อีก และเรื่องในคราวนั้นก็ยิ่งทำให้เด็กกำพร้าอย่างเขาเทิดทูนปราลีจนหมดหัวใจ
ดวงตาคมกริบฉายแววหวานมองใบหน้างดงามของท่านรองประธานสาวอยู่นาน ก่อนจะชะงักเสมองไปทางอื่นเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม