บทที่ 3 ลูกสาวมาเฟีย
เขาสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกนั้นทิ้งไป พร้อม ๆ กับภาพใบหน้าของเธอคนนั้นที่เขาได้ช่วยเหลือไว้โดยบังเอิญ กระนั้นถึงจะเป็นช่วงเวลาเพียงแวบเดียว
“ ช่วยป่านด้วยค่ะ ”
แต่เขากลับจำชื่อเธอได้ไม่ลืม รอนสาวเท้าออกมาจากห้องน้ำ ปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉยพยักหน้าเพียงนิดให้กับบอดี้การ์ด
“ กลับกันเถอะ ” เหล่าองครักษ์พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายออกมายังลานจอดรถของโรงแรม นายโชครีบเดินมาเปิดประตูให้เจ้านายก่อนจะรีบอ้อมไปนั่งข้างคนขับ
“ กลับบ้านสวน ” รอนสั่งคนขับก่อนจะเอนร่างสูงพิงพนักเบาะหนังแล้วหลับตาลง นึกถึงใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตน
‘ ยัยหนูเล็ก ' ลูกสาววัยหกขวบของเขาที่แสนจะดื้อรั้นเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ ด้วยความที่ปล่อยให้พ่อของเขาเลี้ยงหลานปู่เองหลังจากที่เสียภรรยาไป ปู่กับย่าจึงพากันตามใจจนเสียเด็ก เขาเห็นท่าจะไม่ดีเลยขอแยกตัวลูกสาวมาดูแลเอง
และปัญหาที่ตามมาก็คือ การต่อต้านอย่างรุนแรงของหนูเล็กที่ทำเอาพี่เลี้ยงหลายรายทนอยู่ไม่ไหวถึงแม้เขาจะจ่ายด้วยเงินเดือนแพงลิ่วถึงเดือนละสามหมื่นพร้อมที่พักและอาหารก็เถอะ รายล่าสุดพึ่งจะเก็บกระเป๋าออกไปหมาด ๆ เพราะโดนลูกสาวเขาปาแจกันดอกไม้ใส่จนหัวแตก สาเหตุเพราะห้ามไม่ให้หนูเล็กเล่นเกมส์และบังคับให้ทำการบ้านให้เสร็จก่อน
รอนจ่ายเงินค่าทำขวัญให้กับพี่เลี้ยงคนนั้นไปมากโขด้วยความเห็นใจ เด็กรับใช้ในบ้านต่างขยาดไม่กล้าขัดใจ ยิ่งทำให้ลูกสาวเขาเสียนิสัยจนเขาเกรงว่าจะดัดยากเสียแล้ว ส่วนตัวเขาไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกเท่าไหร่นัก ทำแต่งาน ยอมรับว่าเขาอาจไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าที่ควรจะเป็นตั้งแต่ภรรยาตายจากไป
ตาย อย่างที่สมควรจะต้องตาย !
รถจอดลงหน้าบ้านสวน ' ราชพฤกษ์ ' ยามหน้าประตูเปิดประตูรั้วกั้นออกให้ พร้อมทั้งค้อมตัวทำความเคารพเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าไปภายใน เขาลืมตาขึ้นเมื่อรถจอดสนิทลงหน้าเรือนไม้สองชั้นหลังใหญ่
ชายหนุ่มลงจากรถโดยไม่รอให้คนสนิทมาเปิดประตูให้ สาวเท้ายาวๆเดินลิ่วเข้าไปภายในตัวบ้านพลางถอดเสื้อสูทออก แล้วส่งมันให้กับละออง เด็กรับใช้ที่รีบวิ่งมารับอย่างรู้หน้าที่
“ หนูเล็กกลับมารึยัง ” เขาถามพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วก้มลงถอดถุงเท้า
“ กลับมาแล้วค่ะนาย ”
“ ป่าป๊ากลับมาแล้ว ป่าป๊าขา ”
เสียงใส ๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าดังตึงตังของหนูเล็กที่วิ่งลงมาจากบันได
“ ค่อย ๆ เดินก็ได้ลูกเดี๋ยวได้ตกบันไดกันพอดี ”
ใบหน้ากลมแก้มยุ้ย ๆ ของเด็กหญิงซุกเข้าไปกับแผ่นอกของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน แววตาที่เย็นชาของรอน อ่อนแสงลงในทันที
“ หนูเล็กอยากกลับไปอยู่ที่บ้านตึกกับคุณปู่ค่ะ ที่นี่น่าเบื่อมีแต่ต้นไม้ หนูเล็กอยากไปเซเว่นฯอยากไปกินหนม ไปเล่นเครื่องเล่นที่ห้างก็ต้องออกไปตั้งไกล เพื่อนที่โรงเรียนหนูเล็กก็ไม่ชอบเลยนิสัยไม่ดี ฮึ ”
เด็กน้อยแหงนใบหน้าขึ้นฟ้องป่าป๊าของตัวเองพร้อมทั้งทำปากยื่น เป็นกิริยาที่เธอมักจะทำเมื่อไม่พอใจ
รอน ก้มหน้าลงมองลูกสาวแล้วยิ้มบาง ๆ อย่างรู้ทัน
“ ที่ว่าเพื่อนนิสัยไม่ดีหนูไม่ชอบ เขาทำอะไรรึเราถึงไม่ชอบเขาน่ะ หืม ” ถามพลางจ้องใบหน้าลูกสาวเพื่อสังเกตอากัปกิริยา หนูเล็กหลบสายตาลงต่ำ
“ ก็มีแต่คนขัดใจ งี่เง่ามาก หนูเล็กคิดถึงน้ำหวานไม่มีใครเป็นเพื่อนที่ดีแบบน้ำหวานเลยซักคน ”
หนูน้อยเอ่ยถึงเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่โรงเรียนเดิมเมื่อครั้งอยู่บ้านคุณปู่
“ ฟังป่าป๊านะหนูเล็ก เราพึ่งมาอยู่ใหม่คงจะยังไม่สนิทกับใคร ถ้าหนูไม่เอาแต่ใจกับเพื่อนมากไป ป่าป๊าเชื่อว่าหนูต้องมีเพื่อนที่ดีแบบน้ำหวานอีกหลายคนเลยนะคะ ”
ยามเขาอ่อนโยนกับลูกสาว ราวกับเป็นคนละคนกับเวลาที่อยู่ต่อหน้าลูกน้องอย่างสิ้นเชิง รอนกอดร่างป้อมของลูกสาวไว้อย่างรักใคร่ แต่แม่หนูน้อยก็ยังทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจอยู่ดี
“ แล้วมีการบ้านรึเปล่าคะวันนี้ ”
“ มีค่ะ แต่หนูเล็กทำเสร็จหมดแล้ว ”
รีบตอบโดยไว ดวงตากลมโตสุกใสหันไปมองหน้าละอองสาวใช้ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างมีพิรุธจนรอนจับสังเกตได้ ละอองก้มหน้าลงหลบตาผู้เป็นนายทันที
“ หนูจะให้พี่ละอองเขาทำการบ้านให้ไม่ได้นะ หนูเล็ก ”
รอน กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดุ เริ่มไม่พอใจที่ลูกสาวทำตัวเหลวไหล
“ ไม่ใช่ซะหน่อยหนูเล็กทำเอง ป่าป๊ารู้ได้ยังไงพี่ละอองฟ้องป่าป๊าใช่มั้ย นี่แน่ะ! ”
เด็กหญิงโผเข้าหาละออง กำปั้นน้อยๆทุบลงไปบนร่างของสาวใช้ ด้วยความเจ้าอารมณ์ ละอองปัดป้องพัลวัน
“ โอ๊ย คุณหนูละอองไม่ได้ฟ้องนะคะ โอ๊ย ”
“ ยัยหนูเล็กหยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ” รอนตวาดเสียงดัง ดึงตัวลูกสาวออกมาจากสาวใช้ แล้วฟาดมือไปที่ก้นของลูกสาวเบา ๆ อย่างลืมตัว แต่เบาของเขานั้นสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยมันก็เจ็บจนร่างแอ่นไปข้างหน้าเลยทีเดียว
“ ป่าป๊าตีหนูเล็ก ป่าป๊าใจร้าย ฮือ ๆ ๆ ”
เด็กหญิงเอาสองมือป้อมปิดหน้าร้องไห้โฮ แล้ววิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที รอน ได้สติเขามองมือของตัวเองที่ฟาดก้นลูกสาวด้วยความเสียใจ ก่อนจะกระแทกร่างนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
“ โธ่โว้ย! เธอเป็นอะไรรึเปล่าละออง ” เขาหันมาถามสาวใช้ที่โดนเจ้านายน้อยทุบตีด้วยความเห็นใจ
“ ไม่ค่ะนาย ไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ ”
ละอองตอบพร้อมกับยิ้มแหย รอนได้แต่ถอนใจเหนื่อยหน่าย จัดการกับลูกน้องตั้งมากมายยังง่ายซะกว่าจัดการกับลูกสาวของตัวเองเพียงคนเดียวเสียอีกพับผ่าสิ
ระหว่างนั้น ละไม แม่บ้านเดินถือถาดน้ำใบเตยเข้ามาเสริ์ฟให้พอดี
“ ละไม มีคนมาสมัครเป็นพี่เลี้ยงบ้างรึยัง ที่ให้ไปถามในหมู่บ้านน่ะมีใครสนใจบ้างมั้ย ”
รอนถามแม่บ้านด้วยน้ำเสียงห้วนห้าว ละไมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อย
“ ไม่มีเลยค่ะนาย ขนาดบอกว่าให้เงินเดือนตั้งสามหมื่นนะคะ นังแก้วคนก่อนที่หัวแตกไปคงจะป่าวประกาศไปทั่ว เลยมีแต่คนขยาดน่ะค่ะ ”
รอนยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างหัวเสีย ใบหน้าบึ้งตึง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด เหลือบไปเห็นนายโชคเดินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาเก็บพอดี
“ โชค นายให้คนประกาศลงในอินเตอร์เน็ตหาพี่เลี้ยงให้ลูกสาวฉันทีสิ เงินเดือนสามหมื่นพร้อมที่พักอาหารฟรี อยู่ถึงหกเดือนฉันจะจ่ายโบนัสเป็นสองเท่าของเงินเดือน ไปจัดการเดี๋ยวนี้ ! ”
รอนสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แล้วยกน้ำใบเตยขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ ครับนาย ” นายโชครับคำพร้อมทั้งส่งสายตาห่วงใยไปยังละอองสาวใช้ที่เขาแอบชอบพอกันอยู่ เธอจึงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไป เพื่อให้รู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร
