บทที่ 2 สุภาพบุรุษในฝัน
“ นายครับ แต่ว่าเราสายแล้วนะครับ ”
เสียงนายโชคลูกน้องคนสนิทเตือนเขาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม รอนตวัดสายตาคมดุไปมองหน้าลูกน้อง เพียงแค่นั้นคนเตือนก็ก้มหน้าลงด้วยความยำเกรง ชายหนุ่มโอบร่างบางที่ตัวสั่นเทาอยู่ข้างหลังมาชิดแนบสีข้างก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าวดังกังวาน
“ ไม่ว่าพวกแกจะเป็นใคร อย่าสะเออะมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน ไสหัวกลับไปบอกเจ้านายพวกแกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นของ รอน ราชพฤกษ์ ถ้าอยากได้คืนให้มันมาคุยกับฉันเอง เอานามบัตรให้มันไปสิโชค ”
“ ครับนาย ”
คนสนิทรีบหยิบนามบัตรที่ขอบขลิบด้วยสีเงินในกระเป๋าไปยื่นให้กับลูกน้องของเสี่ยอ้วน มันจับไปอ่านดูแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะมันไม่รู้จัก รอน คือใครใหญ่มาจากไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือถ้ามันทำงานไม่สำเร็จคงจะได้กินตีนเสี่ยอ้วนแทนข้าวเย็นอย่างแน่แท้
“ กูไม่สนหรอกนะ ว่าพวกมึงจะเป็นใคร เฮ้ย ไปจับตัวคุณป่านมาสิวะ เร็ว ไม่งั้นมึงได้กินตีนเสี่ยแน่ถ้าทำงานพลาด ”
ลูกน้องได้ยินลูกพี่ขู่เช่นนั้นก็จำใจต้องขยับตัวพุ่งไปข้างหน้า แต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวเธอกับรอน ฝูงบอดี้การ์ดของเขาก็ดาหน้ากันออกมายืนจังก้า มือล้วงเข้าไปในเสื้อสูทกุมอยู่ตรงบั้นเอวเหมือนจะเตือนอยู่ในทีว่า
“ ถ้ามึงเข้ามาอีกก้าวเดียว คงได้ไปรายงานตัวกับพี่ยมแน่ ”
นักเลงปลายแถวชะงักกึกอย่างกลัวตาย รีบถอยทัพกลับอย่างรวดเร็วเมื่อเจอของจริงเข้าเต็ม ๆ เจ้าลูกพี่ยังหันกลับไปพูดก่อนจะเดินจากไปด้วยกลัวจะเสียฟอร์ม
“ ถือว่าพวกเยอะกว่ารึไง ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้กูเจออีกนะพวกมึง ”
ลูกน้องสามคนรีบเดินหนีไปในทันทีที่ลูกพี่พูดยังไม่ทันจบ ด้วยเกรงจะเป็นไข้โป้งป้างขึ้นมา ทำเอาไอ้ลูกพี่รีบสาวเท้าตามแทบไม่ทัน
“ ขอบคุณมากนะคะคุณ เอ่อ รอนใช่มั้ยคะ”
เธอรีบยกมือขึ้นไหว้ด้วยความซาบซึ้งใจที่เขาช่วยเหลือให้พ้นจากเงื้อมมือของไอ้เสี่ยพุงพลุ้ยนั่น ถ้าต้องยอมตกเป็นเมียมันเธอยอมกลั้นใจตายเสียยังดีกว่า
“ ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย คุณจะไปไหนต่อ ผมจะให้คนไปส่ง ”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเกรงใจ คือว่า... ”
“ พวกนายคนหนึ่ง ไปส่งคุณผู้หญิงคนนี้ให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ”
ออกคำสั่งโดยไม่ฟังเธอพูดจนจบประโยค นั่นแสดงให้เห็นถึงความคุ้นชินกับอำนาจที่คนอื่นต้องศิโรราบ แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงที่เขามีต่อเธอ
“ ขอบคุณมากนะคะ หากมีอะไรที่ฉันจะพอตอบแทนได้ เอ่อ... ” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเขาก็จ้ำอ้าวจากไปพร้อมบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังเสียแล้ว เหลือเพียงหนึ่งคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาพูดกับเธออย่างสุภาพ
“ เชิญคุณผู้หญิงครับ รถจอดอยู่ทางนี้ บอกจุดหมายปลายทางมาเลย ผมจะส่งถึงที่โดยสวัสดิภาพ ”
หญิงสาวละสายตาจากแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มผู้เปรียบเสมือนอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอไว้ และเดินตามบอดี้การ์ดของเขาไปที่รถหรู เขาเปิดประตูรถด้านผู้โดยสารให้
“ เชิญครับ ”
“ ขอบคุณค่ะ ” เธอกล่าวขอบคุณก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งตัวลีบอยู่ในรถพร้อมกับบอกจุดหมายปลายทางซึ่งก็คือบ้านของอนงค์นาถเพื่อนรักของเธอนั่นเอง
รอน ราชพฤกษ์ ย่างก้าวออกจากห้องประชุมด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย หลังจากใช้เวลาพูดคุยเรื่องงานกับบรรดาผู้บริหารเครือข่ายระดับจังหวัดเป็นเวลาชั่วโมงเศษ ๆ
เขาเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ โดยมีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องสองคน
แม้แต่เวลาจะถ่ายหนักถ่ายเบายังไม่เป็นส่วนตัว เป็นความรู้สึกที่เขาโคตรจะอึดอัดใจ
ชายหนุ่มล้างมือในอ่างหน้ากระจก เงยหน้าขึ้นมองสำรวจตัวเองแล้วนิ่วหน้า ก้มลงมองรอยสีแดงเป็นปื้นบนเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในของตัวเอง
“ รอยอะไรวะ ? ” รอนเขม้นมองผ่านกระจกพิจารณาดู ก็พบว่ารอยแดงที่ว่านั้นมันดูคล้ายรูปปาก ก็ถึงบางอ้อในทันที ใบหน้าของหญิงสาวที่มี นัยน์ตาคู่งามรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแวบเข้ามาในมโนภาพ
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอ่อนไหวแบบนี้ ก็นานพอดูล่ะตั้งแต่…ชายหนุ่มขบกรามจนขึ้นสันนูนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำเอาเขาเจ็บจนฝังรากลึกลงในใจ
