บทที่ 1 รักแรกพบ
รอน ราชพฤกษ์ ก้าวขาลงจากรถเบนซ์คันหรูสีดำมันปลาบแล้วขยับสาบเสื้อสูทให้กระชับเข้ากับแผงอกกว้าง ถอดแว่นกันแดดออกส่งให้กับลูกน้องคู่ใจรับไปเก็บไว้ เผยให้เห็นดวงตาคมดุสีสนิมดูสุขุมทรงอำนาจ
ร่างสูงใหญ่ของเขามองดูเด่นท่ามกลางผู้คนรายล้อมรอบตัว ความจริงเขาไม่ค่อยชอบนั่งรถหรูสักเท่าไหร่นักหรอกหากไม่ใช่งานสำคัญใหญ่ ๆ เช่นงานประชุมลูกน้องระดับหัวหน้าเครือข่ายธุรกิจเงินกู้ทั่วประเทศของเขาเช่นนี้ก็ต้องให้ดูสมเกียรติสมศักดิ์ศรีนายใหญ่สักหน่อย จะให้เขาควบเจ้าม้าขาวออฟโรดคันโปรดของตัวเองที่ชอบใช้ในบ้านสวนมาก็ใช่ที่จริงไหม
บอดี้การ์ดร่างใหญ่ปิดประตูรถให้พร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปยังด้านในของโรงแรมระดับห้าดาว ชายฉกรรจ์ในชุดสูทเดินนำหน้าสองคน เดินตามระวังหลังอีกสองคนและคนสนิทเดินถือกระเป๋าเอกสารขนาบข้างเขาอีกคน อย่างกับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ปาน
รอนแสนจะอึดอัดกับบรรยากาศที่เป็นพิธีรีตองแบบนี้อย่างที่สุด แต่จะทำยังไงได้ธุรกิจของพ่อที่เขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวจำเป็นต้องสานต่อ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะวางมือกับมันเพื่อมาทำสวนทำไร่อยู่อย่างสมถะก็เถอะ พ่อเขาคงได้ตัดออกจากกองมรดกอย่างแน่แท้ อีกอย่างมีอีกหลายร้อยหลายพันชีวิตที่ต้องตกงานหากเขาล้มเลิกธุรกิจนี้ลง ครอบครัวของคนเหล่านั้นเล่าจะเอาอะไรกิน นี่คือคำพร่ำบ่นที่พ่อเขาพ่นใส่สมองเขาอยู่เสมอ รอนจึงจำเป็นต้องมายืนในจุดนี้โดยไม่สมัครใจ
ขบวนบอดี้การ์ดและร่างสูงของรอนกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในโรงแรม ทันใดนั้นเสียงตะโกนเอะอะของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น
“ เฮ้ย ! โน่นคุณป่านวิ่งไปทางโน้นแล้ว พวกมึงรีบไปดักเอาไว้เร็วเข้า ” คนตัวใหญ่สุดตะโกนสั่งการคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า พวกลูกกระจ๊อกรีบวิ่งนำหน้าไปตามคำสั่งทันที
ชายหนุ่มหันมองตามต้นเสียงนั้น แล้วพบหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดไทยสีแดงเลือดหมู มือหนึ่งจับกระเป๋าเป้ที่สะพายหัวไหล่ไว้มั่น อีกข้างรวบชายผ้านุ่งถลกขึ้นสูงแล้ววิ่งหน้าตั้งมาทางเขา สลับกับหันไปมองด้านหลังอย่างระแวดระวังว่าพวกนั้นจะตามมาทัน
“ เฮ้ย ๆ ๆ อะไรวะน่ะ !? ” ได้ยินเสียงหนึ่งในบอดี้การ์ดอุทานขึ้นก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ากลางวงล้อมแล้วชนเข้ากับแผงอกของผู้เป็นนายเข้าอย่างจัง !
“ โอ๊ย ! ” เธออุทานแล้วกระเด็นออกมาเมื่อปะทะกับความแข็งแกร่ง หงายหลังจะล้มแต่แขนแข็งแรงก็เอื้อมคว้าเอวคอดไว้ได้ทันก่อนดึงเข้าหาตัว
“ ขะ ขอโทษค่ะคุณ ” ร่างเล็กในอ้อมแขนเขาเงยหน้าขึ้นสบตาสีสนิมคมกล้าที่จ้องมองลงมา เธอตะลึงมองใบหน้าหล่อเหลาและแววตาลุ่มลึกที่เหมือนมีมนต์สะกดให้เธอนิ่งงัน จนกระทั่ง...
“ นั่นไง คุณป่านอยู่นั่น แต่ว่านั่นมันใครกันน่ะลูกพี่ ”
เสียงตะโกนของกลุ่มชายที่ไล่กวดเธอวิ่งตามมาถึงตรงที่หญิงสาวยืนอยู่กับรอน ห่างกันประมาณสองวาเห็นจะได้ ไอ้คนตัวโตที่เป็นลูกพี่ตะโกนบอกรอนด้วยน้ำเสียงที่อวดเบ่งเต็มที่
“ เฮ้ย! ไม่ว่าพวกมึงจะเป็นใคร ส่งตัวคุณป่านมาให้พวกกูเดี๋ยวนี้ ”
เธอได้สติหันขวับกลับไปมองหน้าพวกมัน แววตาตื่นกลัวเหมือนกวางน้อยถูกฝูงหมาป่าไล่ต้อนมาจนมุม เธอรีบเบี่ยงกายจากอ้อมแขนของเขาไปแอบอยู่ด้านหลัง เหมือนจะใช้ร่างสูงใหญ่ของเขากำบังป้องกันภัย
“ คุณคะช่วยด้วยค่ะ ป่านถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้านายมัน อย่าส่งตัวป่านให้มันเลยนะคะ ขอร้องล่ะช่วยป่านด้วย ”
เธออ้อนวอนน้ำตาไหลพราก มือน้อยเย็นเฉียบเกาะกุมมือใหญ่ไว้แน่น ดวงตาฉ่ำน้ำที่จ้องมองมานั้นมีแววทุกข์ระทมคละเคล้าเว้าวอนขอความเมตตา
แปลกนัก หัวใจที่เย็นเยียบเฉียบกระด้างของผู้ชายที่ชื่อรอนกลับอ่อนยวบได้ง่าย ๆ ด้วยน้ำตาของหญิงแปลกหน้าคนนี้ ประสบการณ์ในชีวิตที่ไม่ได้ขาวสะอาดสอนสั่งเสมอว่าอย่าได้ไว้ใจใครง่าย ๆ แต่สำหรับเธอมันแตกต่าง
เขาสงสาร เห็นใจ ไม่อาจปล่อยให้เธอเดียวดายทุกข์ระทม อยากดูแล อยากปกป้อง รอนแค่นยิ้ม นี่เขากลายเป็นพ่อพระตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ ?!
