6
การเดินทางกลับเรือนในเขตป่าไผ่ พวกเขาต้องมายังที่จุดพักรถม้าซึ่งซ่อนจากสายตาผู้อื่น ฝ่ายคนดูแลชื่อลุงกัง หรือ กังซื่อ อายุเขาอยู่ในวัยกลางคน แต่ดูแข็งแรง และตาบอด เยี่ยงนั้นเขานำทางเด็กทั้งสองคนกลับเรือนได้อย่างไร นั่นเป็นเพราะม้าตัวโตสองตัวถูกฝึกอย่างดี มันชำนาญทาง ส่วนกังซื่อใช้ประสาทสัมผัสด้านอื่นแทนตา ซึ่งก็คือการตามกลิ่นต้นไม้หอมพันลี้ที่ปลูกอยู่ในเขตเรือนไม้กลางป่าไผ่
ฝ่ายเด็กชายทั้งสองคนมีหลายสิ่งอยากถามไป๋ซินหลิวฝู ถึงตอนแรกไว้ใจนาง ทว่าอย่างไรพวกเขา เป็นแค่เด็กชายวัยสิบขวบกับห้าขวบ
หญิงสาวคอยสังเกต และเห็นคนเป็นพี่ทำหัวคิ้วขมวดมุ่น ส่วนน้องชายก็ทำปากขมุบขมิบเถียงกันไปมาไม่หยุด
รถม้าออกเดินทางได้ระยะหนึ่ง หญิงสาวก็ขยับตัวมาด้านหน้า แล้วเปิดประตูออก ด้วยมีหลายสิ่งที่คิดว่า กังซื่อต้องการรู้จากนาง
ฝ่ายกังซื่อแม้จะเป็นบ่าว แต่เขามีเรื่องคาใจอยากถามไป๋ซิน
หลิวฝู เพื่อไม่ให้นำภัยกลับไปยังเรือนที่อยู่กลางป่าไผ่
“แม่นาง ไม่ว่าท่านจะมาดีหรือร้าย อย่างไรเสียจงเมตตาเด็กๆ ให้มาก” น้ำเสียงกังซื่อไม่ได้เจือความสงสัยอันใด เขาเป็นชายตาบอด ที่ดูจิตใจดีด้วยซ้ำ ดังนั้นความตึงเครียดก่อนหน้านี้จึงสลายไป
“อย่ากังวลเลยท่านลุง ตัวข้าอยากมีที่พัก อีกอย่างรับงานเป็นมารดาของพวกเขา ก็เหมือนทำบุญครั้งใหญ่ ข้ารู้สึกดีมากด้วยซ้ำ”
ไป๋ซินหลิวฝูตอบ และมองภาพของตัวเองในภายภาคหน้าในหัว ขณะเดียวกันนางย้อนถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเล็กๆ นี้
ชายตาบอดได้ยินแล้วจึงหัวเราะ
“แม่นาง ท่านคงคาดการณ์บางสิ่งผิดไป เด็กๆ ที่ท่านต้องดูแลนั้น พวกเขาล้วนเป็นจอมมารน้อย มั่นใจหรือว่าจะรับมือไหว”
ไป๋ซินหลิวฝู พอจะทราบเรื่องนี้จากภาพที่เห็นในหัว แต่นางยืนยันกับกังซื่อว่า
“เมื่อข้ารับค่าจ้างพวก ท่านลุงอย่าได้ห่วง อีกอย่างสตรีผู้นี้ ซื่อสัตย์ยิ่งนัก”
“น้ำเสียงแม่นาง ฟังแล้วเชื่อถือได้ แต่ข้าเตือนไว้อย่าง บิดาของเด็กๆ มิใช่คนธรรมดา อย่างไรจงเตรียมรับมือไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมเป็นการดี”
“ฮึ ท่านลุงจะบอกข้าอีกคนว่า อย่าได้หลงความหล่อเหลาของเขาอีกสินะ”
กังซื่อส่ายหน้า และพูดกับหญิงสาวอย่างตรงไปตรง
“เรื่องนั้นเล็กน้อย สิ่งที่แม่นางต้องตระหนักคือ ช่วงเวลานี้ ข้าคะเนได้ว่า ศัตรูนายท่าน อาจแกะรอยบางอย่างได้แล้ว ไม่ช้าอาจมีเรื่องยุ่งยากตามมา ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เลี้ยงเด็กๆ คงเหมารวมถึงดูแลนายท่าน พร้อมกับระแวดระวังวัยที่อาจมาถึงตัวได้ทุกเมื่อ”
เมื่อเขาเตือนนางก็รับฟัง
“ขอบคุณท่านลุง เช่นนี้ข้าในฐานะแม่ของเด็กๆ ย่อมต้องรอบรู้หลายสิ่ง และไม่ประมาทต่อสิ่งใดย่อมเป็นการดีที่สุด”
เมื่อกล่าวจบ นางก็เข้ากลับไปด้านในรถม้า และเห็นว่าห่าวอู๋นั้นกำลังหลับ ส่วนห่าวปู้อี้วาดมือไปในอากาศเลียนแบบท่าทางของไป๋ซินหลิวฝูที่จัดการกับงูเห่าสองตัวก่อนหน้านี้
เมื่อใกล้ถึงเรือนพัก รถม้าก็จอดอยู่ด้านนอก และมองไปพื้นที่ด้านใน เห็นเป็นป่าไผ่หนาตา
ห่าวปู้อี้ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อตน เขาได้ขวดเล็กๆ ออกมา เมื่อเปิดฝาออก ก็ส่งกลิ่นหวานหอมจัด ใช้สำหรับล่อผึ้ง และพวกมันจะทำทางกลับเรือนนั่นเอง
“ข้าไว้ใจท่าน จึงยอมพากลับเรือนด้วย หวังว่าท่านจะเป็นมารดาได้จริงๆ ไม่ใช่คิดหลอกลวงเด็กน้อย”
สิ่งที่เขากล่าว ทำให้ไป๋ซินหลิวฝูตระหนักว่า เด็กชายเป็นคนที่กล้าหาญ และนางชอบนิสัยเช่นนี้
“อย่างที่บอกไว้ ข้าไม่เข้าครัว ไม่อาบน้ำให้เด็กๆ อ่อ... ไม่ทำงานบ้านด้วย แต่นอกเหนือจากนั้น สตรีผู้นี้จะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี ขอเพียงอย่าร้องไห้งอแงง เหมือนเด็กเล็กๆ”
“ท่านแม่ แต่น้องสี่ เจ้าน้ำตา และนางชอบดูดนมจ๊วบๆ บางทีข้าก็ดูดด้วยอิๆ ๆ แข่งกันดูสนุกสนานมาก”
คนแก้มย้อยว่า และหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนทำตาแป๋วมองนาง
“นมหรือ... เอาล่ะ นางยังเด็ก ข้าจะพยายามหานมให้นางดื่ม แน่นอนคงไม่ใช่นมสุนัขอย่างที่พวกเจ้าพูดถึง ที่สำคัญตอนนี้มีคนป่วยใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง...” ห่าวปู้อี้ตอบ แล้วถอนหายใจแรงๆ ยามนี้เขาไม่เงินเหลือแล้ว เนื่องจากทำสิ่งผิดพลาดไป และยารักษาน้องสาวที่ต้องการก็หาไม่ได้ การกลับเรือนมือเปล่าทำให้ผิดหวังในตัวเอง
“ลูกอี้ เรียกข้าว่า ‘ท่านแม่’ ให้ชื่นใจสักหน่อยสิ แล้วข้าจะช่วยน้องรองของเจ้าหายดี”
“ท่านแม่!”
แทนที่เสียงดังกล่าวจะเป็นของห่าวปู้อี้ แต่ห่าวอู๋ได้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแทน ก่อนชูสองแขนสูงๆ เพื่อขอขี่หลังนาง
“ไม่อยากเดินแล้ว ข้าเมื่อยท่านแม่ปราบงูได้ ก็ต้องให้ข้าขี่หลังได้เช่นกัน ไปเร็ว... เราไปรักษาพี่รองกันขอรับ”
ไป๋ซินหลิวฝูยอมให้เด็กชายขึ้นหลังแต่โดยดี จากนั้นนางก็ให้ห่าวปู้อี้นำทางตามผึ้งฝูงใหญ่ที่บินส่งเสียงหึง ๆ อยู่เบื้องหน้า
เมื่อถึงบริเวณเรือนพักของเด็กๆ ไป๋ซินหลิวฝู พบว่ามันไม่ได้เล็กเลย และแบ่งพื้นที่ต่างๆ ออกเป็นสัดส่วน ฝั่งปีกซ้ายขวาสำหรับเด็กๆ ตรงกลางเป็นที่พักอาศัยของตงฟางเซ่าหยาง ยามนั้นไป๋ซิน
หลิวฝูเริ่มร้อนใจ นางสังหรณ์ใจว่าเด็กหญิงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
พอก้าวไปถึงห้องโถงของเรือนหลักจึงพบว่าห่าวซวน (ซวนเจี๋ย) นอนอยู่อย่างอ่อนเพลีย มีกาต้มสมุนไพรที่มีไอน้ำพวยพุ่งออกมา อยู่รอบๆ ตัวนาง คนที่ดูแลซวนเจี๋ยย่อมรู้หลักการแพทย์มิน้อย
“หวังว่าข้าคงไม่มาช้าเกินไป”
กล่าวจบ นางก็เข้าไปสำรวจเนื้อตัวซวนเจี๋ย ใช้หลังมือสัมผัสหน้าผากอีกฝ่าย ตัวไม่ได้ร้อนมาก แต่สีหน้าซีด การหายใจไม่สะดวก
และเด็กหญิงรู้สึกตัวในอึดใจต่อมา นางฝืนลืมตา แล้วมองไป๋ซินหลิวฝู
“โอ้ เสี่ยวเจี๋ย คงตายแล้ว... มิเช่นนั้น คงไม่ได้พบท่านเป็นแน่อีก แม่จ๋า ทะ ท่านจะพาเสี่ยวเจี๋ยไปทีใด...”
ซวนเจี๋ยว่าอย่างคนเพ้อไข้ และหางตานั้นมีน้ำใสๆ ไหลออกมา