EP 6
แล้วจ้องมองเจ้าของใบหน้าสวยใส เงยขึ้นมาหาเขาแล้วยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะค่อยๆ พนมมือขึ้นไหว้เขาอย่างนอบน้อม เหมือนเด็กเล็กๆ ไหว้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมานานปียังไงยังงั้น
“ขอบพระคุณมากนะคะที่กรุณาขนาดนี้ และไม่ทราบว่าถ้าคำตอบของฉันยังคงเป็นเหมือนเดิม คุณจะโกรธจนไล่ฉันออกจากงานหรือเปล่าคะ”
“ไม่แน่นอนครับ! ผมเป็นสุภาพบุรุษมากพออยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณ คุณมีสิทธิ์จะตัดสินใจยังไงก็ได้ ไม่ว่าข้อตกลงระหว่างเราจะออกมาเป็นยังไง เราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ และเราจะลืมว่าเคยคุยเรื่องนี้กัน”
เขาส่งท่าทางให้หญิงสาวเห็นว่า ไม่คิดจะถือโทษใดๆ ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดอย่างดิบดี
“ขอบพระคุณค่ะที่กรุณา”
พิมพ์ภิษายกมือไหว้อีกคำรบ เพื่อเป็นการยืนยันคำตอบเดิมโดยไม่ต้องตอกย้ำความพ่ายแพ้ ให้เขาขุ่นเคืองใจเปล่าๆ และดูเหมือนเขาก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้ ไม่มีท่าทีโกรธเคืองอะไรอย่างที่เธอกลัวไว้แต่แรก นั่นค่อยทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง
“คุณไม่เปลี่ยนใจใช่มั้ย หรือคุณมีคนที่หมายตาไว้อยู่แล้วครับ คือผมคิดว่าผมควรจะได้รู้เหตุผลที่แท้จริง ว่าแพ้เพราะอะไรจะได้เก็บไว้เป็นบทเรียนราคาแพงไงครับ”
พิมพ์ภิษายิ้มบางๆ แต่เขากลับยิ้มร่าออกมาอย่างคนไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ
“ก็อย่างที่เรียนให้คุณหมอทราบไปแล้วค่ะ ว่าฉันคงจะ...เอ่อ...กับผู้ชายที่ฉันไม่รักไม่ได้ค่ะ”
คฑาธรไม่ได้แปลกใจในคำตอบ แต่สะอึกกับหญิงสาวที่ยังคงมีความคิดคร่ำครึ บูชาความรักอยู่อีกในสมัยนี้ เพราะมันช่างตลกสิ้นดี แม้อยากจะถามต่อ ว่าเธอยังคงเก็บความสาวบริสุทธิ์ไว้ เพื่อรอชายที่จะรักและแต่งงานด้วยอีกเหรอ แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปาก เพราะไม่อยากให้ตัวเองเสียดายไปมากกว่านี้
“ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ” พิมพ์ภิษาไหว้อีกครั้งอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไร! ผมเป็นนักกีฬามากพอ รู้แพ้รู้ชนะและรู้อภัย คุณสบายใจได้”
แม้จะบอกแบบนั้น แต่คนอย่างเขา ก็ไม่เคยมีคำว่า ‘แพ้’ อยู่ในพจนานุกรมแน่ วันนี้เจ้าหล่อนไม่ยอม แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เปลี่ยนใจไม่ได้ ในเมื่อไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนปฏิเสธเขาได้ลง หรือถ้าเจ้าหล่อนจะใจแข็ง แล้วไม่ยอมจริงๆ เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองจะรู้สึกยังไง แต่เชื่อว่าจะไม่มีวันนั้นแน่
‘นายคฑาธรไม่เคยแพ้ใคร โดยเฉพาะผู้หญิง’
“ขอบพระคุณค่ะ”
อีกครั้งที่พิมพ์ภิษาไหว้อย่างนอบน้อม แล้วนั่งนิ่งด้วยท่าหลังตรง เพื่อรอให้เขาเอ่ยปากเชิญให้ออกจากห้อง แต่เธอจะไม่เอ่ยก่อนเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้เขาไม่พอใจได้
“ถ้าคุณไม่รับอะไรเพิ่มแล้ว งั้นผมไปส่งที่รถนะครับ”
“เอ่อ! ไม่เป็นไรค่ะ พอดีฉันมากับเพื่อนน่ะค่ะ งั้นขอลาตรงนี้เลยนะคะ ขอบคุณสำหรับอาหารและกรุณายอมรับกับคำตอบของฉันค่ะ”
คฑาธรยกมือรับไหว้และยังคงยืนเก้ออยู่ตรงนั้น สายตาคู่คมจ้องมองเจ้าของรูปร่างเย้ายวนใจ แม้ชุดจะมิดชิดยังไงก็ตาม เขาหันพยายามดูว่าเพื่อนที่เธอหอบมานั้นเป็นใคร เมื่อเห็นว่าเป็นหญิง ก็ไม่ได้ขัดเคืองอะไรนัก แต่ถ้าเป็นชาย คงได้ออกเดินไปตะบันหน้าเจ้านั่นบ้างล่ะ
‘หรือจะเป็นเลสเบี้ยนวะ!’
คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวอย่างง่ายดาย แต่เขาหรือจะแคร์ก็
‘แค่ผู้หญิงตีฉิ่ง’
มันจะเสียหายหรือสึกหรออะไรนักหนา เขาบอกกับตัวเองว่าจะปล่อยเจ้าหล่อนเอาไว้ก่อน เพราะเห็นแก่การวางตัวเหมาะสม ซึ่งเดาออกได้ไม่ยากว่าเจ้าหล่อนไม่ปรารถนาจะเป็นของเล่นเขาจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งยื้อเวลา เพื่อโก่งค่าตัวเหมือนผู้หญิงหลายๆ คนที่เคยเห็นมา
‘คราวนี้อาจจะไม่ตกลงใจ แต่คราวต่อๆ ไปก็ไม่แน่นะสาวน้อย ไม่เคยมีใครชนะนายคฑาธรหรือเงินของนายคฑาธรไปได้สักคน มาดูกันว่าเสน่ห์ผมจะพังกำแพงความหยิ่งของคุณได้เมื่อไหร่’
คฑาธรยิ้มให้กับความเป็นคนไม่ยอมแพ้ของตัวเอง เพราะตั้งมั่นเอาไว้แล้ว ว่าสักวันจะต้องชนะเธอให้จงได้ และสิ่งที่จะช่วยเขาได้ก็คือ
‘เงินกับเวลา’
ไม่มีใครชนะสองสิ่งนี้ไปได้แน่ หรืออย่างน้อยๆ เขาก็ยังไม่เคยเห็นกับตัวหรือกับเพื่อนฝูงคนไหนเลย
ไม่มีคำว่าแพ้
พิมพ์ภิษาจอดรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ไว้ แล้วสะพายกระเป๋าเข้าประตูหลังที่พนักงานต้องใช้ประจำ เดินไปไม่เท่าไหร่ก็ถึงฟู้ดคอร์ต มีเพื่อนร่วมงานที่คบหาไว้ไม่กี่คนนั่งอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นกวักเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน แต่ไม่ได้คุยอะไรมากมาย นอกจากเรื่องละครน้ำเน่าหลังข่าว กับลูกค้าแย่ๆ ที่แต่ละคนเจอมาเมื่อวานนี้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
“มีคนฝากมาให้คุณพิมพ์ภิษาครับ”
หญิงสาวและเพื่อนร่วมงานหน้าเคาน์เตอร์ต่างอึ้ง จนพูดไม่ออก เมื่อมีชายหนุ่มประคองกล่องทรงยาวสีน้ำตาลมายื่นให้ ดวงตาคู่สุกใสจ้องมองตรงกระเป๋าเสื้อด้านหน้าของชายหนุ่มมีชื่อ ‘เลิฟเดลิเวอร์ลี่’ ปักไว้ แล้วมองกล่องอีกรอบ กำลังจะอ้าปากถามชายหนุ่มก็เปิดฝาออก
“โห!” สาวๆ ยืนอยู่ข้างกายอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน เพราะในนั้นมีดอกกุหลาบนอกสีแดง ขนาดใหญ่กว่าที่เคยเห็นทั่วไปตามท้องตลาด มีการ์ดสีชมพูหวานแหวว เขียนด้วยลายมือตวัดน้อยๆ แต่เส้นนั้นดูหนักแน่นและมั่นคง
‘ผมขอให้คุณมีความสุขตลอด 24 ชั่วโมงและอย่าลืมแบ่งเสี้ยวเวลานั้นคิดถึงผมบ้างนะครับ แด่มิตรภาพของเรา / คฑาธร’
พิมพ์ภิษารีบเก็บการ์ดเข้าในกระเป๋าเสื้อสูททันที เพราะไม่อยากให้ใครเห็น จากนั้นก็จำต้องลงชื่อรับสินค้า เมื่อไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเจ้ากล่องนั้นดี จะตีกลับ! คงจะไม่ใช่ความคิดเข้าท่าแน่ รังแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือถูกคนให้มองว่าหยิ่งยะโสโอหังไปเท่านั้น