บท
ตั้งค่า

EP 5

แต่จะว่าไปเขาก็ใช้งานเจ้าหล่อนจนคุ้ม บรรดาเจ้าหล่อนก็ได้จากเขาไปจนคุ้มไม่แพ้กัน เพราะนั่นคือการค้า เงินดี บริการก็ถึงอกถึงใจไม่มีเกี่ยง ไม่ว่าจะท่าไหน ลีลาใด เวลาอะไร เมื่อไหร่ที่เขาต้องการ เจ้าหล่อนก็จัดให้ได้หมด การมีเงินเป็นใบเบิกทางมันดีอย่างนี้นี่เอง

มิน่าใครๆ ถึงอยากได้อยากมีกันนัก!

แล้วคนที่เขาเฝ้ารอล่ะ จะมาอิหรอบเดิมเหมือนคนอื่นๆ ไหม ประเภทบอกว่า ‘ไม่ๆๆ’

แต่เขาก็ได้คำตอบตั้งแต่เห็นพวกเจ้าหล่อน เดินตรงเข้ามาหาเขาที่โต๊ะแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ตกลง ก็แล้วทำไมจะต้องบรรจงแต่งสวย มาล่อตาล่อใจเสือหนุ่มนักล่าอย่างเขาด้วย การกระทำมันช่างตรงกันข้ามกับคำพูดของพวกเจ้าหล่อนนัก

ดวงตาคู่คมเข้มจ้องไปนอกกระจกใส เห็นเจ้าของรูปร่างผอทบาง ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบบวกลบไม่เกินสอง มีเดรสแขนสั้น ความยาวระดับเข่าสีเปลือกมังคุดห่อหุ้มไว้ กำลังเยื้องย่างตามโฮสเตสสาว อ้อมมายังประตูห้องที่เขานั่งอยู่ รองเท้าส้นไม่สูงนักสีขาวเข้ากันกับสีชุดได้พอดิบพอดี

เขาวางแก้วแล้วลุกขึ้นยืน พยักหน้าน้อยๆ ให้คนพามาเป็นการขอบคุณ แล้วจ้องมองเจ้าของใบหน้าสวยใส แต่งแต้มไว้บางเบาเท่านั้น

“คุณพิมพ์ภิษา” เขาเอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ

“สวัสดีค่ะ”

ส่วนอีกคนก็ยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม สง่างามตามแบบหญิงไทย ผู้ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดิบดี นั่นทำให้คฑาธรเผลอมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือรับไหว้ แล้วเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพบุรุษ

“ขอบคุณค่ะ”

พิมพ์ภิษาเอ่ยแผ่วเบา นั่งตัวตรง หลังตรง สองมือพาดไว้ตรงต้นขา เพราะไม่ได้เอาอะไรมาเลย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายหรือมือถือ ล้วนทิ้งไว้กับเพื่อนสาว ที่นั่งอยู่ด้านนอก เมื่อคู่ขาของเพื่อนโทรมาบอกแล้ว ว่าติดงานมาหาไม่ได้ เธอเลยอุ่นใจ อย่างน้อยๆ ก็มีหนึ่งกำลังใจรออยู่

“สั่งอาหารเลยมั้ยครับ ผมรอคุณมาถึงก่อน เลยยังไม่ได้ดูว่ามีอะไรน่ากินบ้าง”

“ค่ะ”

มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถ้าจะเริ่มเปิดปากคุยธุระอันจะมีผลลัพธ์ไม่น่าอภิรมย์สำหรับเขานัก หญิงสาวเลยรับเมนูจากบริกรมา สั่งสลัดกับสเต๊กเนื้อ เมื่อเห็นขวดไวน์แดงตั้งอยู่ก่อนแล้ว และเขาก็ดูเหมือนจะสั่งเหมือนกันแต่เป็นชิ้นใหญ่กว่า

“ไวน์นะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

เธอยอมให้ชายตรงหน้ารินใส่แก้ว แม้ไม่คิดว่าจะดื่มมันหรืออย่างมาก ก็แค่ยกขึ้นมาจิบพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนคนรินก็เริ่มเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ เพื่อให้คู่เดทคลายความกังวล เพราะสังเกตเห็นเส้นเอ็นตรงไหล่เธอเกร็งเล็กน้อย

“คุณทำงานที่โรงพยาบาลมานานหรือยังครับ”

“เพิ่งได้สามปีค่ะ”

ความจริงแล้วพิมพ์ภิษาอยากตอบว่า ‘ตั้งสามปีแล้ว’ แทบแย่ เพราะไม่เคยได้ทำงานที่ไหนนานเท่านี้มาก่อน แต่คงไม่ดีนักหากจะอวดอ้างอย่างนั้น

“เหรอครับ นานขนาดนั้นทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลยสักครั้ง”

“ไม่ทราบค่ะ บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันเข้าเวรไม่ตรงกับคุณมาก็ได้ค่ะ” ความจริงอีกเช่นกันที่เธออยากบอกไปว่า

‘ก็คุณไม่เคยเหยียบไปที่นั่นสักครั้ง พอไปแล้วก็สร้างปัญหาให้ฉันเลยเชียว’ แต่ก็ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือความไม่เหมาะสม เลยเลี่ยงไปเอ่ยอย่างอื่นแทน

“น่าจะเป็นเพราะผมไม่ได้ไปมากกว่า และนั่นก็ทำให้ผมเสียใจมาจนถึงวินาทีนี้”

คฑาธรจ้องมองสาวตรงหน้า ว่าจะมีปฏิกิริยายังไงในคำหยอดนี้ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากริมฝีปากถูกฉาบไว้ด้วยสีชมพูบางๆ คลี่ยิ้มออกเล็กน้อย แล้วนั่งนิ่งด้วยท่าทีสำรวมเท่านั้น นั่นทำให้เขานึกสนุกขึ้นมา ว่าแม่คุณจะทำตัวเป็นางพญาไปได้นานสักแค่ไหน

“คุณชอบงานที่ทำมั้ยครับ”

“ก็พอได้คะ”

“แปลว่ายังไม่ชอบเท่าไหร่ คุณเรียนอะไรมาครับ”

“วารสารศาสตร์ค่ะ”

“แต่กลับไปเป็นพนักงานต้อนรับ”

“จริงๆ แล้วฉันสมัครพีอาร์ตามที่อยากทำค่ะ แต่พอดีโรงพยาบาลได้คนแล้ว เลยต้องมาทำฝ่ายต้อนรับแทนไปพลางๆ ก่อนค่ะ”

คฑาธรหยุดซักถามครู่หนึ่ง เมื่ออาหารทยอยมาวางลงโต๊ะ เขาจ้องมองเจ้าของหน้าสวย ถือมีดกับส้อมเงยขึ้นมองเขาเป็นเชิงรออย่างมีมารยาท

“ทานเลยดีกว่านะครับ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย”

เขาผายมือให้ ส่วนตัวเองก็คว้าอาวุธขึ้นมา จัดการกับชิ้นเนื้อตรงหน้าด้วยอาการหิวนิดๆ กระนั้นเขาก็ยังไม่วายชวนคู่เดทคุยด้วยเรื่องเบาๆ ไปด้วย พออิ่มก็พยักหน้าให้บริกรเก็บจานไป แม้จะเห็นว่าของในจานของเจ้าหล่อนไม่ค่อยจะพร่องเลยด้วยซ้ำ

“เป็นชาร้อนดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ” พิมพ์ภิษารับเครื่องดื่มหลังอาหารด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย เมื่อเขาไม่ยอมคุยเรื่องนัดมาสักที อากาศในห้องหนาวหรือเธอรู้สึกไปเองก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่พอชามาถึง เลยรีบเอื้อมมือทั้งสองไปกุมแก้วไว้ แล้วค่อยๆ ยกขึ้นจิบระหว่างรอ ว่าเขาจะเอ่ยถามอะไรออกมา

“คุณคงรู้ว่าผมนัดมาทำไม”

“คุณหมอบอกว่าคุณอยากนัดทานอาหาร เพื่อพูดคุยทำความรู้จักกันค่ะ” เธอพยามตอบเป็นกลางๆ ไว้

“นั่นก็ใช่ และผมอยากจะเสนอโอกาสให้คุณได้ตัดสินใจเมื่อเห็นนี่อีกครั้ง” คฑาธรเขียนตัวเลข

‘200,000/เดือน BMW/Benz บ้าน 1 หรือ 2 ชั้น’ ใส่ทิชชูแล้วเลื่อนไปให้ พิมพ์ภิษามองมัน แต่ไม่ยอมจับต้อง ราวกับว่ามันคือไฟ ถ้าเผลอแตะไป ก็จะมอดไหม้มือให้เป็นผุยผงยังไงยังงั้น

“แบบนี้เราพอจะคุยกันได้นานกว่านี้หน่อยมั้ยครับ”

เมื่อปล่อยให้เธอคิดกับข้อเสนออยู่นานไม่น้อยกว่าห้านาทีแล้ว เขาจึงทำลายความเงียบขึ้นด้วยประโยคนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel