บทที่ 4 คนหัวร้อน
บทที่ 4 คนหัวร้อน
เช้าวันต่อมา
ลินลดาตื่นนอนในยามเช้าเวลาเดิมเฉกเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอรู้สึกเหมือนไข้จะขึ้นเพราะอาการปวดที่ข้อเท้า
"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนที่เธอจะพาตัวเองไปที่ห้องน้ำ แม้จะเจ็บแต่ก็ลางานกะทันหันไม่ได้เพราะมีสอนเด็ก ๆ และยังมีติวข้อสอบให้นักเรียนในห้องในชั่วโมงสุดท้ายของวิชาด้วย
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งทำผมและแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอไม่ได้จับโทรศัพท์สักครั้งตั้งแต่ตื่นนอนและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอพายุอารมณ์ลูกใหญ่ของพันไมล์
ปึง!
กำปั้นหนัก ๆ กระแทกลงกับโต๊ะทำงานด้วยความหงุดหงิด ดวงตาราวโรจน์เหมือนมีเปลวไฟจากความโกรธลุกโชนอยู่ในนั้น
ลูกน้องคนสนิทวิ่งเข้ามาในห้องทำงานผู้เป็นนานด้วยความตระหนกตกใจกับเสียงปึงปังเมื่อครู่นี้
"มีอะไรหรือเปล่าครับนาย"
"ออกไป" พันไมล์เค้นเสียงสั่งด้วยความฉุนเฉียว มือยังกำหมัดแน่นจนแขนสั่น
"ครับ"
"มารยาสาไถยเหมือนแม่เธอไม่มีผิด ผู้หญิงไร้ยางอาย!" คำด่าทอถูดพ่นออกมานับครั้งไม่ถ้วน เขาเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ และไม่มีวันนับญาติกับลินลดาอย่างแน่นอน
พันไมล์เคาะนิ้วลงกับโต๊ะทำงานเป็นจังหวะอย่างครุ่นคิดก่อนที่มุมปากหนาจะยกยิ้มเมื่อนึกอะไรออก
"นายจะไปไหนครับ"
"เหมราชอยู่สนามแข่งใช่ไหม"
"คุณเจคอปคุณเหมราชอยู่สนามแข่งรถครับ ติดต่อนายมาแล้วครั้งหนึ่งและให้บอกนายว่า ถ้านายว่างแล้วให้แวะไปหาที่สนามแข่งรถครับ"
"ไปเตรียมรถ ฉันจะไปหาเพื่อน"
"ครับ"
@สนามแข่งรถ
เสียงท่อรถสปอร์ตสองคันที่ต่างเหยียบคันเร่งเตรียมตัวออกจากจุดสตาร์ทอยู่หลังเส้นสีขาวยาวขวางไปจนสุดขอบสนามอีกฝั่ง เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ภายในสนามแข่ง
ปี๊ดดดด
เสียงสัญญาณออกตัวดังขึ้นรถทั้งสองคันก็ต่างเร่งเครื่องออกจากเส้นสตาร์ทด้วยความเร็วของรถสปอร์ตที่แรงกว่ารถบนท้องถนน
รถสปอร์ตคันสีแดงเร่งเครื่องขับวนมายังจุดสตาร์ทได้เป็นคันแรกและวนไปอีกสองรอบด้วยความเร็ว กลิ่นน้ำมันเครื่องคละคลุ้งอยู่ภายในสนามแข่ง
"มันจะรีบไปไหนของมันวะ" ไทม์เจ้าของสนามแข่งรถสปอร์ตวัยสามสิบต้น ๆ ยืนเท้าเอวมองรถแข่งนัมเบอร์หกสิบเก้าที่วิ่งไปด้วยความเร็วแรงหน้าเครียด คนขับรถคันนั้นคือพันไมล์ที่ไม่รู้ว่าผีเข้าหรือผีออกที่มาแข่งรถกับพวกเขาวันนี้ ปกติตามตัวยากกว่าดาราไทยที่ว่าดัง ๆ อีก เรื่องปรากฏตัวไม่ต้องถามถึง แทบไม่โผล่หัวมาให้เจอหน้า
เอี๊ยดดดด!
"ไอ้ไมล์มันจริงจังเกินไปไหมวะ" เหมราชหนุ่มหน้าเข้มมีผิวสีแทนเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งเดินอาด ๆ มาถามไทม์เพื่อนสนิทด้วยท่าทางงุนงง ทั้งสองเท้าเอวมองรถแข่งนัมเบอร์หกสิบเก้าที่ยังแล่นไปด้วยความเร็วด้วยความเป็นห่วง
"ปล่อยมันไป" เจคอปที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยเสียงเรียบ "หายบ้าเดี๋ยวก็คงหยุดเอง"
"มึงรู้อะไรมาบ้างเนี่ย" ไทม์ขมวดคิ้วถาม
"เปล่า" เจคอปยิ้มทะเล้นแล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้องรับรอง
"พูดมาซะดิบดี นึกว่ารู้!" ไทม์หันไปมองรถพันไมล์ครู่หนึ่งแล้วสะกิดแขนเพื่อน ทั้งสามหนุ่มกลับเข้าไปในห้องพักซ้อม ตากแอร์เย็น ๆ รอพันไมล์ที่ยังขับรถวนเล่นอยู่ในสนามแข่ง
"เฮ้อ!" พันไมล์จอดรถอยู่กลางสนามแข่ง เขาถอนหายใจออกยาว ๆ หลายครั้งติดเพื่อระบายความหงุดหงิดที่ยังคงมีอยู่ในใจ
ครืด~ ครืด~
"อืม"
(รถเป็นไร เห็นจอดอยู่กลางสนาม) เป็นเหมราชที่โทร. มาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เขาใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูพันไมล์อยู่ขอบสนาม
"พัก เดี๋ยวกูไป" เขาตอบเสียงห้วนจัด เหลือบตามองห้องกระจกที่อยู่ข้างจุดสตาร์ทไปด้วย เพื่อนทุกคนอยู่ในนั้นและรอเขาอยู่
(อืม ๆ รีบมาเลย)
มาเฟียหนุ่มกดวางสายแล้วขับรถเข้าไปเก็บที่เดิม จากนั้นจึงไปหาเพื่อนที่รออยู่ในห้องรับรอง อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าวเช่นเดียวกับอารมณ์เขา
พอเข้ามาด้านในก็ตกเป็นเป้านิ่ง ทุกคนต่างเพ่งเล็งสายตาที่แสดงออกถึงความงุนงงมาที่เขา
"หัวร้อนมาจากไหน รถนะไม่ใช่เครื่องจักรที่จะได้ทนมือทนตีนมึงได้น่ะ" ไทม์พเยิดใบหน้าขึ้นถามหน้าเครียดที่เห็นพันไมล์หัวร้อนตั้งแต่มาถึงสนามแข่ง
"สาวที่ไหนทำมึงหัวร้อนมาหรือเปล่าเนี่ย" เหมราชที่นั่งกระดิกเท้าอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทคนหัวร้อน
"มันจะมีใครวะ แต่ถ้ามีนะ ผู้หญิงคนนั้นแม่งโชคร้ายสุดละ" เจคอปผสมโรงทำเอาคนที่ยังคงหงุดหงิดอยู่ลมออกหู
พรึบ!
"อ้าวไปไหนวะ"
พันไมล์ไม่หันกลับไปมองเพื่อนทั้งสาม เขาเดินอาด ๆ ออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ
"มึงอะไปแซวมัน เห็นไหมงอนตุ๊บป่องไปโน่นแล้ว" ไทม์ตำหนิเพื่อนแต่คำพูดเขาเมื่อสักครู่นี้กลับทำให้ทั้งสองหนุ่มหัวเราะขบขันยกใหญ่
"หน้าอยากโหด ใช้คำว่าตุ๊บป่อง ไอ้บ้า ให้เกียรติเพื่อนกูบ้าง นั่นมาเฟียนะเว้ย" เหมราชว่าพลางเม้มปากกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงซ่าน
"เอ้า มันไม่น่ารักตรงไหน"
"น่าลักมากกว่า ลักขโมยอะ" เจคอประเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
ด้านนพันไมล์กลับไปที่คอนโดมิเนียมตัวเอง หวังใช้สายน้ำเย็น ๆ อาบชโลมร่างกายดับความรุ่มร้อนตรงกลางอก
"บัดซบ" มาเฟียหนุ่มสบถคำหยาบออกมาระหว่างปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างกายรุ่มร้อน กำปั้นหนัก ๆ กระแทกลงกับผนังห้องน้ำจนเกิดเสียง 'ปึง' "ผู้หญิงร้อยมารยาอย่างเธอไม่สมควรได้รับความสงสารจากใครลินลดา" เขาเกลียดความอ่อนแอ เกลียดที่ลินลดาใช้ความอ่อนแอมาต่อรอง
"นายครับ" ศิวะลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาด้านในห้องน้ำเพราะประตูเปิดอ้าอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย "คุณไฟท์มาขอพบครับ"
"บอกไปว่ากูไม่พร้อมเจอใคร"
ไฟท์ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยสนิทกัน แต่เขาก็พอดูออกว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ถึงได้เข้ามาตีสนิทเกินหน้าเกินตาเพราะจุดประสงค์อะไร ก็เพราะบริษัทที่ครอบครัวเธอเป็นเจ้าของกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตจากพิษเศรษฐกิจ บริษัทและกิจการหลายแห่งปิดก็ตัวลง ต่างทยอยกันปิด บ้างเจ้าของกิจการก็ปล่อยลอยแพลูกน้องหนีเอาตัวรอดคนเดียว และเขาก็ได้ยินมาว่าพ่อของไฟท์ไล่ลูกน้องออกไปหลายพันคนแล้ว ยังมีคนปล่อยข่าวว่าหุ้นส่วนหลายคนถอนหุ้นออกไปเกือบหมดออกมาอีกด้วย ลำพังเรื่องลินลดาคนเดียวก็ทำเอาเขาแทบประสาทแดกแล้วอย่าให้ต้องแสดงด้านมืดออกมาเลย
"คุณไฟท์เธอมารออยู่หน้าล็อบบี้แล้วครับ"
"มึงเป็นลูกน้องใคร กูพูดครั้งเดียวฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง"
"ขออภัยครับนาย" ศิวะโค้งคำนับเจ้านายแล้วหันหลังเดินออกไป เขาลงไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง รับสารมายังไงก็บอกเธอไปอย่างนั้น จนใบหน้าสวยเริ่มหงิกงอกับสิ่งที่ได้ยิน
"ใจคอพี่ไมล์จะไม่ลงมาหาไฟท์จริง ๆ เหรอ"
"วันนี้นายอารมณ์ไม่ดี ผมว่าคุณไฟท์มาพบนายวันหลังเถอะครับ" เขาเตือนด้วยความหวังดีแต่หญิงสาวก็รั้นที่จะขึ้นไปหาเจ้านายเขา "ผมขอเตือนในฐานะคนสนิทของนายนะครับ ถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวก็รีบกลับไปซะตอนนี้ และผมก็ไม่รับประกันด้วยว่าครอบครัวคุณจะปลอดภัยไหม ถ้าคุณทำให้นายโกรธ"
"แก! เป็นแค่ลูกน้องอย่ามาสะเออะบอกฉัน"
"หึ คุณคงไม่รู้ว่าผมทำได้มากกว่านี้ ผมไม่ต้องรับคำสั่งจากนายผมก็ฆ่าคุณได้ ลองไหม"
"กะ..แกพล่ามอะไร"
"หึหึ อยากพักผ่อนไหมล่ะครับ"
"ก็ได้! บอกพี่ไมล์ด้วยว่าฉันจะมาหาใหม่"
"ครับ" ศิวะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาใจ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเข้าวิ่งจับผู้ชายกันแบบนี้เหรอ คนไม่เคยผ่านการถูกรักอย่างเขาไม่ค่อยเข้าใจอะไรแบบนี้ และไม่อยากเข้าใจด้วย ดูท่าแล้วมันน่าปวดหัวจะเสียมากกว่า และเหมือนจะมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทุกวันแต่เขาไม่ขอเอ่ยชื่อคนคนนั้นดีกว่า….
ศิวะกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นพันไมล์นั่งดื่มไวน์อยู่ที่ระเบียงด้านนอก
"นวดไหมครับ เดี๋ยวผมหาคนนวดมาให้"
"มึงลืมไปแล้วหรือไง กูไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว"
"ขออภัยครับนาย"
"กลับไปยัง"
"คุณไฟท์กลับไปแล้วครับ"
"อืม ออกไปได้แล้ว กูอยากพักผ่อน"
"ครับ"
"เฮ้อ..."
พันไมล์ทิ้งช่วงเวลาน่าปวดหัวนั่งจิบไวน์ราชาติดีอยู่ในห้องพักหรูหราคนเดียว