บทที่ 2 ขัดจังหวะ
บทที่ 2 ขัดจังหวะ
ใบหน้าที่เริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาของลินลดาเจื่อนลงเมื่อเผลอสบตาแววตาดุดันราวกับมัจจุราชที่กำลังจะพรากชีวิตเธอไป ดีที่ว่าท่านผู้อำนวยการชวนเขาคุยเรื่องอื่นพันไมล์จึงยอมละสายตาไปจากเธอ บทสนทนาของทั้งคู่เป็นไปอย่างธรรมชาติโดยที่ลินลดายืนสำรวมอยู่ด้านหลัง
"ผมต้องขอตัวพาน้องสาวกลับก่อนนะครับ พอดีมีธุระที่ต้องทำ"
"ได้ ๆ เชิญเลยครับ" ลินลดาเงยหน้าขึ้นมามองท่านผู้อำนวยการอย่างเว้าวอน "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครูลิน เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง" เธออยากให้รั้งเอาไว้ต่างหากเล่า…ไม่ใช่มาเปิดทางให้พันไมล์แบบนี้
"น้องลิน" พี่แพงวิ่งหน้าตั้งนำกระเป๋าสะพายมาให้ "เกือบลืมแล้วไหมคะ"
"ขอบคุณนะคะ"
"จะกลับแล้วเหรอ"
"ค่ะ"
"พรุ่งนี้เจอกันนะ"
รุ่นพี่ก็ไม่รั้งเธอไว้ แม้จะส่งสายตาเว้าวอนแค่ไหนทุกคนก็ไม่กล้าขัด เธอจึงเดินก้มหน้าตามหลังพันไมล์ไปขึ้นรถแต่โดยดี พอเข้ามานั่งในรถบรรยากาศก็อึมครึมเหมือนฝนจะตกลงมาห่าใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกเสียววาบที่ท้องน้อยกับความเงียบขรึมของคนข้างกาย
"ลินขอโทษนะคะ"
"…" มาเฟียหนุ่มหันมามองหน้าเจ้าของคำขอโทษ มุมปากกดยิ้มอย่างผิวเผินเมื่อเห็นความกลัวในแววตาคู่นั้น "รู้ดีหนิว่าจะโดนอะไร"
"วันนี้…ลินไม่สบาย เอาไว้ทำวันหลังได้ไหมคะ" เธอต่อรองเสียงแหบแห้ง ความกลัวมันจุกที่คอจนไม่กล้าเอ่ยออกไปเต็มเสียง
"มุกตื้น ๆ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อหรือยังไง"
"…" ลินลดาก้มหน้ากลืนก้อนขมปราลงคอ ตอบกลับด้วยเหตุผลก็คงโดนด่าว่าตอแหลและอ่อนแออีก เธอจึงเงียบและนั่งไปกับเขาโดยไม่เอ่ยอะไร แต่นั่นกลับทำให้มาเฟียหนุ่มหงุดหงิดไปใหญ่ "อ๊ะ! อื้อ…พี่พันไมล์" ฝ่ามือหนาบีบแก้มเธออย่างแรงทั้งยังใช้แขนอีกข้างช้อนตัวลินลดาขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าตักตัวเองอย่างเอาแต่ใจอีก
เสียงหอบหายใจคนตัวโตพานทำให้หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นเร็วจนแทบหลุดออกมาเต้นนอกเบ้า
ลินลดาผ่อนลมหายใจและจ้องมองนัยน์ตาสีดำดุดันคู่นั้นที่ไม่เคยมองเธอด้วยความอ่อนโยนสักครั้งด้วยความกลัวจนตัวสั่น
"ลินเจ็บ…” เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาแกะฝ่ามือพันไมล์ออกจากแก้ม พอเขายอมละมือรอยแดงบนแก้มก็ชัดขึ้นทันที "ลินหายป่วยก่อนได้ไหมคะ" เธอรู้จักวิธีเอาตัวรอด หากไม่ดื้อไม่ต่อปากต่อคำกับเขาพันไมล์ก็ใจอ่อน
"มุกเดิม"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ลินไม่สบายจริงๆ" ด้วยกลัวว่าเขาไม่เชื่อว่าตัวเองป่วย ลินลดาจึงรีบยกฝ่ามือพันไมล์มาทาบที่แก้มและลำคอเพื่อให้เขารับไอร้อนจากร่างกายเธอ อีกฝ่ายยังนิ่งโดยไม่พูดหรือเอ่ยอะไรหลังจากได้สัมผัสร่างกายเธอแล้ว
"ฉันจำเป็นต้องปานีเธอด้วยเหรอ" มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขณะที่ฝ่ามือหนาบีบเคล้นเอวคอดกิ่วจนลินลดาตัวอ่อนด้วยความเจ็บ
"ลินไม่ได้โกหกพี่ไมล์นะคะ"
"หึหึ จอดรถ" คำสั่งเขาทำงานทันที ลูกน้องคนสนิทตีไปเลี้ยวจอดรถข้างฟุตพาทพร้อมกับลงไปจากรถอย่างรู้งาน ลินลดาหอบหายใจแรงเมื่อพันไมล์เริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกช้าๆ
"…" ลินลดาหน้าถอดสีเมื่อพันไมล์ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกจนหมด เธอหลุบตามองต่ำแต่สายตาดันโฟกัสผิดจุดเสียได้ ใบหน้าผ่าวร้อนอัตโนมัติกับความใหญ่โตที่ซุกซ่อนอยู่ใต้กางเกงสแล็กสีดำดุดันตัวนั้น
เธอหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่มีอะไรกับเขามันเป็นช่วงเวลาที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ความสุขอย่างที่คนอื่นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอ จริง ๆ คนที่สุขสมมากกว่าคือพันไมล์
"ถอดเสื้อเธอออก" คำสั่งเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นภายในรถที่จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างทาง ลินลดาทั้งตื่นกลัวทั้งประหม่า ความรู้สึกมารุมมาสุมเธอจนสับสนว่าต้องทำอย่างไหนก่อน ปากก็จะอ้อนวอนแต่มือก็รีบปลดกระดุมจนระวิง สุดท้ายเธอก็ถอดเสื้อออกได้สำเร็จเหลือเพียงบราลูกไม้สีขาวตัวโปรดแต่สำหรับพันไมล์มันทั้งจืดชืดและไม่มีรสนิยม
"อื้อ~ ลินเจ็บหน้าอก" ลินลดารีบบอกเมื่อมาเฟียหนุ่มทำท่าจะซุกใบหน้าลงกับหน้าอกเธอ แต่คนอย่างพันไมล์ไม่เคยฟังคำขอร้องใครอยู่แล้ว ยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดด้วยเงื้อมมือตัวเองเขายิ่งพึงพอใจ
ทว่า…
ก๊อก ก๊อก
ลูกน้องหนุ่มเคาะกระจกรถพร้อมกับแนบโทรศัพท์มือถือที่แสดงชื่อผู้โทร. เข้ามาให้เจ้านายดู ลินลดาหลบหน้า เธอซุกใบหน้าลงกับคอพันไมล์ด้วยความอาย กระจกมันไม่ได้ดำสนิทขนาดนั้น หากมองมาดี ๆ ก็เห็นว่าคนด้านในทำอะไรอยู่
"แม่ง!" มาเฟียหนุ่มสบถคำหยาบเมื่อถูกขัดจังหวะ เขาตวัดสายตามองหญิงสาวคนบนหน้าตักด้วยความหงุดหงิดก่อนจะออกคำสั่งให้ลินลดาสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
"พี่พันไมล์จะให้ลินไปด้วยเหรอคะ"
"ไม่ต้องถาม และอย่าคิดว่าเธอจะรอด"
"…"! หญิงสาวนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เบาะหลังข้าง ๆ กับพันไมล์โดยไม่อยากรู้อะไรทั้งสิ้น ว่าพันไมล์จะพาเธอไปไหนเพราะคิดว่าถึงที่หมายคงรู้เอง หากถามหรือทำตัวจุ้นจ้านสร้างความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายผลกระทบจะตกอยู่ที่เธอคนเดียว