บทที่ 1 พี่น้อง (ท้องติดกัน)
บทที่ 1 พี่น้อง (ท้องติดกัน)
วันต่อมา
ลินลดาเดินเอื่อยๆ ลงมาจากชั้นสองด้วยอาการเพลียเหมือนจะไข้ วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งทางโรงเรียนที่เธอฝึกสอนอยู่มีกิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรม เธอจึงต้องไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเตรียมสถานที่และของว่างให้เด็กนักเรียน
"ลิน" บุญนิศายกฝ่ามือขึ้นลูบผมลูกสาวด้วยความรัก เพียงมองตาเธอก็รู้ว่าลินลดาคิดอะไรอยู่ "เหนื่อยไหมลูก" 'เหนื่อยไหม' เป็นคำวิเศษที่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็มีความสุข
"ทุกคนต้องเหนื่อยเพื่อแลกมาในสิ่งที่ต้องการหมดค่ะแม่นิสา แต่ลินสู้ตายค่ะ" เธอส่งยิ้มหวานเพื่อให้แม่วางใจพร้อมสวมกอดมารดาไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ภายนอกที่เห็นเธอยิ้มแย้มแต่ข้างในมันพังทลายลงหมดแล้ว อย่าว่าแต่เกราะป้องกันเลย แทบไม่หลงเหลือความเข้มแข็งใด ๆ ลินลดาขอพลังบวกจากแม่ก่อนไปทำงานด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่ "เมื่อไหร่เราจะย้ายออกไปอยู่กันสองคนคะ"
"ทะเลาะกับคุณพันไมล์อีกแล้วเหรอ" บุญนิศาถามลูกสาวหน้าเครียด แต่ลินลดากลับส่ายหน้าช้า ๆ แววตาเศร้าหมองคู่นั่นซ่อนอะไรบางอย่างที่นางไม่รู้อยู่เต็มไปหมด ด้วยลินลดาเป็นคนมีความอดทนสูงตั้งแต่เด็ก หากไม่ถูกบีบบังคับจากหลาย ๆ ด้าน เธอจะไม่ปริปากบอกอะไรกับใครทั้งนั้น
"เปล่าค่ะ ลินแค่อยากไปอยู่กับแม่นิสาสองคน"
"คุณพันไมล์ว่าอะไรเราอีกหรือเปล่า ทำไมแววตาลูกดูเศร้า ๆ " บุญนิศารู้ดีว่าพันไมล์ไม่ชอบเธอกับลูกสาว ต่อหน้าเขาไม่ได้กล่าวร้ายอะไรก็จริง มีบ้างที่เหน็บแนมเธอกับลูก แต่มันก็เป็นคำพูดทิ่มแทงใจที่บางครั้งเธออดร้องไห้กับมันไม่ได้
"ต่อให้เขาดุด่าว่าร้ายลิน ลินก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ลินชินแล้ว"
"ลูก"
"ลินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" ว่าจบเธอก็รีบถือกระเป๋าใส่เอกสารและโน้ตบุ๊กเดินออกจากบ้าน ลินลดามีรถเก๋งยี่ห้อมาสด้าสีขาวขับไปทำงานหนึ่งคัน เป็นรถที่พ่อเลี้ยงซื้อให้ในวันเกิดปีที่ยี่สิบสี่ของเธอ ปฏิเสธก็แล้วแต่ท่านยังจะให้เพราะทนเห็นเธอนั่งรถสองแถวไปทำงานไม่ไหว แถมยังให้คนมาสอนขับรถถึงที่บ้านอีก จนลินลดาได้ใบขับขี่มาครอบครอง
พอขับออกมาจากบ้านได้ไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถยุโรปคันสีดำขับสวนเธอไป แน่นอนนั่นรถพันไมล์ แต่มันแปลกตรงที่เขามาทำอะไรที่บ้านแต่เช้า ปกติแทบไม่มาเหยียบเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอกับแม่อยู่ที่บ้านใหญ่และเขาเกลียด ไม่อยากเห็นหน้าจึงออกไปอยู่คอนโดมิเนียมคนเดียว
ลินลดาสลัดความคิดออกจากหัวไม่ได้ ยังคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าพันไมล์กลับมาบ้านแต่เช้าทำไม และเขามีจุดประสงค์อะไร
"ว้าย!" ความใจลอยเกือบขับรถชนกรวยที่ตั้งอยู่กลางถนน หญิงสาวหยิกแขนตัวเองเพื่อเรียกสติ อาจจะด้วยอาการเพลีย ๆ เหมือนจะเป็นไข้ บวกกับคิดเรื่องพันไมล์นิดหน่อยสติจึงไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์
พอมาถึงที่ทำงานลินลดาก็รีบไปหารุ่นพี่ที่นัดกันไว้
"สวัสดีค่ะพี่แพง ลินซื้อกาแฟมาฝากค่ะ"
"น้องลิน…ขอบคุณนะคะ ซื้อมาให้พี่ทุกวันเลย เกรงใจมาก"
"ร้านนี้อร่อยค่ะ เห็นพี่แพงชอบกินลินเลยซื้อมาฝาก ทางผ่านด้วยน่ะค่ะ ไม่ลำบากอะไร" เธอพูดพลางเอาของออกจากกระเป๋า "วันนี้เด็กๆ เริ่มกิจกรรมกี่โมงนะคะ"
"ประมาณเก้าโมงเช้า เดี๋ยวเราไปเตรียมสถานที่กัน"
"ได้ค่ะ" หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดปิดเสียงรบกวนแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายข้างที่จะสะพายออกไปข้างนอกห้องทำงาน
ช่วงบ่ายสองเป็นเวลาพักของเหล่าครูที่มาคุมนักเรียนทำกิจกรรม ลินลดานั่งลงบนโต๊ะม้าหินพลางกระพือสาบเสื้อระบายความร้อน
"เด็กคงร้อนมากเลยนะคะ ดีหน่อยที่หอประชุมมีพัดลมหลายตัว" เธอพูดกับรุ่นพี่ที่สนิทกัน
"ใช่ แล้วน้องลินไม่ไปทานข้าวคะ เห็นพี่ละอองดาวบอกว่าเรายังไม่ทันทานอะไรเลย"
ลินลดาคลี่ยิ้มหวานให้รุ่นพี่
"พอดีเมื่อเช้าลินทานแซนด์วิชมาแล้วค่ะ ยังอิ่มอยู่เลย"
"หูย…หุ่นก็ดีพูดก็เพราะ พี่นี่รอดูหน้าแฟนน้องลินเลยนะคะ อยากรู้ว่าชายใดจะได้คนดี ๆ แบบน้องลินไปเป็นแฟน เป็นแม่ศรีเรือน"
ลินลดายิ้มบาง ๆ แม้จะเป็นคำพูดธรรมดาแต่กลับไปสะกิดบาดแผลในใจเธอ รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจอย่างน่าประหลาด ไม่รู้จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเธอหลุดพ้นจากขุมนรกนี้ไหม ถ้าไม่ถูกพันไมล์ฆ่าตายก่อนอาจจะได้เจอเจ้าชายที่เธอใฝ่ฝัน
"น้องลิน" รุ่นพี่เขย่าแขนลินลดาเบา ๆ เพราะเห็นว่าเธอเหม่อลอยหลังจากที่หล่อนพูดเรื่องแฟนออกไปน่ะ
"ลินขอตัวไปทานข้าวสักหน่อยดีกว่าค่ะ" ด้วยไม่อยากให้คนเห็นความโศกเศร้าในแววตาเธอจึงขอตัวไปทานข้าวเที่ยงเพียงลำพัง
ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างรถตัวเองก่อนจะทรุดนั่งยอง ๆ กับพื้น มือเรียวบางเสยผมขึ้น
"ทำไมต้องรู้สึกทุกครั้งที่พูดถึงคนคนนั้นด้วย" กำปั้นน้อย ๆ ฟาดลงที่หน้าอกข้างซ้ายเพื่อลงโทษตัวเอง สิ่งที่เขาทำมันยังไม่เจ็บปวดมากพอหรือยังไง ทำไมถึงเทียวนึกถึงเขาอยู่ได้
ลินลดาไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟเพียงเพราะโทร. หาแล้วเธอไม่รับสาย
หลังจากรวบรวมสติได้หญิงสาวก็เดินไปที่โรงอาหาร สั่งแกงราดข้าวมาทาน เธอตักข้าวใส่ปากด้วยความหิว ตั้งใจมากินรองท้องแท้ ๆ แต่พอได้กลิ่นหอมของอาหารท้องกลับร้องโครมครามเสียงดังจนรู้สึกเขินตัวเอง
"พี่แพง" เธอทักทายรุ่นพี่ที่เดินตามมาที่หลัง หล่อนนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลินลดา "ทานอะไรไหมคะ วันนี้แกงเขียวหวานป้าแป้นอร่อยมาก" ถ้าให้พูดถึงร้านข้าวแกงก็คงไม่พ้นร้านป้าแป้นที่เป็นหนึ่งเดียวของเด็ก ๆ และครูหลายท่านมาฝากท้องไว้ที่นี่ ด้วยกับข้าวหลายอย่างและแกทำรสชาติถูกปาก อีกอย่างแกงราดข้าวสองอย่างเพียงสามสิบบาทเท่านั้น ถูกกว่าข้างนอกแถมให้เยอะ อิ่มจนจุก
"พี่มาบอกน้องลิน เมื่อกี้มีคนโทร. หาผู้อำนวยการว่าอยากคุยกับน้องลิน" หัวใจดวงน้อยของลินลดาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ทั้งที่แพงไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่โทร. เข้ามาสักคำ ด้วยสัญชาตญาณทำให้ลินลดารู้ว่าเขาคนนั้นคือพันไมล์อย่างแน่นอน "น้องลินโอเคไหมคะเนี่ย เหงื่อออกเต็มหน้าเลย"
"อ๋อ ลินโอเคค่ะ" เธอรีบหลุบตามองจานข้าว ไม่รู้ว่ากี่นาทีที่จะถึงนี้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เป็นยังไงก็ขอทานข้าวให้หมดจานก่อนเถอะ ตั้งสามสิบบาทกินไปคำเดียวเอง
แพงมองรุ่นน้องด้วยรอยยิ้มเจื่อน ที่จู่ ๆ ลินลดาก็รีบจ้วงข้าวเข้าปาก พอหมดก็รีบดื่มน้ำแล้วรีบออกไปจากโรงอาหารจนลืมกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนม้านั่งข้างตัวเธอเองนั่นแหละ
ลินลดาวิ่งหน้าตั้งมาจนผมหน้าม้าแตก พอมาถึงก็เห็นผู้อำนวยการยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเป็นสง่า แค่เห็นแผ่นหลังเธอก็จำเขาได้แล้ว
พันไมล์หันมามองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก หากแต่แววตากลับฉายชัดถึงความดุดันแฝงความโกรธอยู่ในนั้น
"นั่นไงครับ น้องสาวผมมาแล้ว" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับผู้อำนวยการแต่รอยยิ้มถัดจากนั้นเขาตั้งใจส่งให้เธอ ลินลดาขนหัวลุกกับคำว่าน้องสาว
"ผมไม่ยักรู้ว่าครูลินเป็นน้องสาวของคุณพันไมล์ ผู้สนับสนุนทุนการศึกษาหลักของโรงเรียนเรา" ยิ่งไปกว่านั้นคือลินลดาเพิ่งรู้ว่าเขาคือผู้ใหญ่ใจดีที่มอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ที่โรงเรียน
"…" เธอยืนนิ่ง อาการหอบหายใจเหมือนจะหนักกว่าเดิมเมื่อถูกจ้องนาน ๆ
"น้องสาวผมคงตกใจที่พี่ชาย…มาหาถึงที่"
"…"! ถ้าให้เลือกกลัวผีหรือกลัวพันไมล์ เธอเลือกกลัวผู้ชายไร้หัวใจอย่างพันไมล์ เพราะผีมันก็แค่หลอก ไม่ทำร้ายจิตใจเหมือนผู้ชายใจร้ายคนนี้ หัวใจลินลดาเต้นเร็วแทบหลุดออกมาเต้นนอกเบ้า
น้องสาวงั้นเหรอ พี่น้องท้องติดกันมากกว่ามั้ง…