บทที่ 13 ตกหน้าผาตามนาง
สีหน้านางเคร่งขรึมลงพลางว่า "เวลานี้หนทางเดียวคือเดินต่อไป" ข้ามไปไม่ได้ เดินหันหลังกลับก็ไม่ได้ ไม่มีหนทางไป ก็ต้องสร้างทางขึ้นมาเอง
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนพวกเขากระโดดจากยอดเขาลงมาที่หุบเหวลึกลับ เป็นเพียงปลายเท้าแตะจุดทับซ้อนแผ่วเบาลงมาเรื่อยๆ กระโดดลงมาราวกับเหยี่ยวตัวใหญ่ วิทยายุทธ์นั้นทำนางถึงกับตกตะลึงตาค้าง ถึงแม้ว่าหุบเหวลึกจะเทียบไม่ได้กับยอดเขา หากลองคิดดูแล้ว ก็ไม่ใช่ทำไม่ได้
พอพูดจบ อิงเม้มปากแน่นพลางเดินไปสังเกตขอบหน้าผา เขามิได้ทำเป็นแต่โมโห มาถึงสถานที่เช่นนี้ ร้อนใจไร้ประโยชน์ ต้องคิดหาวิธีออกมา คงทำได้แต่เดินต่อไปนี่กระมัง
"ลึกเกินไป ทำไม่ได้" นี่เป็นผลสรุปของเขา เหวลึกเช่นนี้ พวกเขามิมีทางลงไปได้อยู่แล้ว
ไฟลามมาถึงตัวแล้ว ไม่ทันแล้ว
เฉินซ่าวางโหลชีลง หมุนตัวเดินไปมุมที่ยังไม่โดนเผา เลือกต้นไม้ต้นเล็กมาสักหลายต้น พอสะบัดมือออกไป แสงสีเงินสว่างวาบไม่กี่ครั้ง ต้นไม้เล็กหายต้นล้มลง รอยตัดราบเรียบอย่างมาก
โหลชียืนมองอ้าปากค้าง กลับเห็นเขาโยนต้นไม้เล็กขึ้นฟ้า มือถือมีดสั้นที่นางเคยยืมไปฆ่าปลาสะบัดบินอย่างร้ายกาจ ฟันฉับเป็นท่อนไม้หล่นลงมา แขนเขาคว้าทีละอันทำซ้ำๆ ระหว่างลอยลงมา
หล่อ หล่อมาก ทำไมหล่อขนาดนี้!
โหลชียืนมองตาเคลิ้ม อดปรบมือชมเชยไม่ได้ว่า "เฉินซ่าท่านเก่งมากเลย!"
คนโดนชมไม่ชายตาแลนางสักนิด เขาหมุนตัวกระโดดลงหน้าผาไป
โหลชีสีหน้าเปลี่ยน "เฮ้ย ต่อให้ไม่มีทางออกยังไง ก็ไม่ต้องกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายหรอกมั้ง? ข้าขอเก็บคำชมเมื่อครู่คืน!" พอพูดจบ ก็เห็นอิงกับเหล่าองครักษ์มองนางด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับนางเป็นตัวประหลาด
โหลชีโพล่งประโยคนี้ออกไป อันที่จริงเป็นเพราะตกใจกับการเห็นเฉินซ่ากระโดดลงไปอย่างนั้นจนกลั้นปากไม่อยู่ แต่พอพูดเสร็จ นางก็ตบหน้าผากตนเอง จะเป็นไปได้ยังไงเล่า? ฆ่าตัวตาย? ผู้ชายคนนั้นไม่เหมือนคนคิดสั้นเลยสักนิดนี่! นางนี่ใกล้บ้าแล้วสิ
นางผลุนเข้าไปเกาะขอบหน้าผาชะเง้อมองลงไป พลันเบิกตากว้าง นางเห็นอะไรเข้าล่ะเนี่ย?
ตอนที่ผู้ชายคนนั้นกระโดดลงไป มือหนึ่งคว้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งปักเข้าไปในหน้าผา จากนั้นหมุนตัวกลางอากาศ สองขาเกี่ยวรัดท่อนไม้ เอาตัวห้อยหัวลงมา และปักท่อนไม้อีกท่อนลงไปด้านล่าง ฝ่ามือตบท่อนไม้ท่อนที่สอง คว้าจับ ร่างหมุนตัวลงไปเรื่อยๆ และปักท่อนไม้ไปด้วย
ท่าทางนั้นประหนึ่งเคยทำมาเป็นหลายร้อยครั้งแล้ว เคลื่อนตัวพลิ้วไหว ไม่เว้นจังหวะหยุดเลยสักนิด หุบเหวลึกไม่อยู่ในสายตาเขาเลย ร่างบินขึ้นบินลงในแนวหน้าผา อาศัยเพียงท่อนไม้แค่นั้น
พริบตาเดียวเขาปักท่อนไม้เข้าหน้าผาห้าท่อนด้วยพลังตนคนเดียว กลายเป็นบันไดง่ายๆ ขึ้นมา! ความกล้าเช่นนี้ ฝีมือเช่นนี้ เขายังเป็นคนหรือไม่? เป็นคนรึนี่?
เฉินซ่าบินขึ้นมา โอบกอดเอวของโหลชี ความร้อนแผ่ซ่านจากด้านหลัง เขาโอบนางกระโดด "ลงมา"
เหยียบลงบนท่อนไม้ เขาโอบนางพริบตาเดียวก็มาถึงท่อนที่ห้า เท้าเหยียบท่อนไม้ มือหนึ่งโอบเอวนาง อีกมือคว้าจับท่อนไม้ท่อนที่สี่ พลางโอบรัดนางเข้าอ้อมกอด
อิงกับองครักษ์พร้อมกันกระโดดลงมา มายืนเหนือพวกเขา
ในขณะที่พวกเขาพึ่งยืนได้ กองไฟด้านบนพร้อมใจกันพ่นออกมา ทะเลเพลิงกลืนกินจุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่ไปแล้ว อีกเพียงนิด พวกเขาจะทำได้เพียงเลือกระหว่างตายท่ามกลางกองเพลิงหรือกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเท่านั้นแล้ว
แผ่นหลังของโหลชีเกาะติดหน้าผา ใบหน้าแนบหน้าอกของเฉินซ่า นางได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้น ตึกตักตึกตัก ราบเรียบจริงๆ
ลมหายใจหอมรวยรินของเขาค่อยๆ อ้อยอิ่งรอบจมูกเบาบาง ใต้ฝ่าเท้าเป็นหุบเหวลึก โหลชีไม่เคยทำอะไรเสี่ยงแบบนี้เลย ได้แต่โอบเอวเขาแน่นขึ้น แน่นขึ้น ในใจบ่นไม่หยุด ชาติก่อน นางไม่ชอบเข้าใกล้ผู้ชาย แฟนก็ไม่เคยมี ไม่คิดว่าย้อนยุคมาก็โดนบังคับให้ต้องใกล้ชิดผู้ชายแปลกหน้าขนาดนี้
น่ากลัวรอภูเขาโดนเผามอด จนสามารถปีนกลับขึ้นไป น่าจะต้องรออีกนาน
ซือซือ....
สีหน้าโหลชีดำมืดแล้ว
"ยังมีงู!"
ความเย็นเยือกด้านหลัง ทำให้นางขนลุกขนพอง นางเกลียดสัตว์กระดูกอ่อนชนิดนี้มากจริงๆ ! งูพ่นไฟนำพาความร้อนมาด้วย และงูด้านหลังนางกลับเย็นเยียบ ดูท่าจะมีรังงูอยู่ในหน้าผานี้พอดี นางแนบติดหน้าผาอยู่ และดึงดูดเจ้านั่นออกมาแล้ว
"อย่าขยับ"
เสียงเฉินซ่าดังขึ้น โหลชีกลับทนไม่ไหวขยับตัว เพราะงูตัวนั้นน่าจะอยู่ตรงคอนางพอดี ลิ้นงูเย็นเยียบแลบออกมา รู้สึกเหมือนจะเลียคอนาง! นางไม่ได้กลัว เพียงแต่ขยะแขยงจนทนไม่ไหว! เพราะรับไม่ไหว เลยอดขยับตัวไม่ได้ อยากจะขยับหนีงูนั่น
มีเพียงท่อนไม้เดียว เพียงพอให้คนเดียวยืน แต่ท่อนนี้พวกเขากลับยืนเบียดกันสองคน เดิมก็แออัดพออยู่แล้ว พอนางขยับตัว ฝ่าเท้าลื่นเหยียบพลาด โหลชีตกใจ ร่างกายตกลงสู่หุบเหวลึกอย่างควบคุมไม่ได้!
"จับให้มั่น!" เฉินซ่าทันแค่ยื่นมือหนึ่งลงไป คว้าจับมือนางไว้มั่น
ในเวลานี้เอง งูตัวนั้นสูญเสียเป้าหมายอย่างโหลชีไป ปากงูที่อ้าอยู่จึงเบนเข็มฉกไปที่คอเฉินซ่าแทน
ถ้าเขายื่นมือไปฆ่างู ก็ต้องปล่อยตัวโหลชี ถ้าจับโหลชีไว้ ตนก็อาจจะโดนงูกัดเข้าได้! งูนั่นสีเขียวผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าเป็นงูพิษ!
ด้านบน อิงยื่นมือช่วยไม่ทันเช่นกัน!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วจุดไฟติด!
โหลชีหรี่ตาลง ร้องขึ้นมาทันทีว่า "ปล่อยมือ ฆ่างู!" ในเวลาเดียวกัน นางเองก็รีบปล่อยมือ ในพริบตาที่ทิ้งตัวเองลงหุบเหว ในใจโหลชีบ่นอุบ นางยิ่งใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนนี้นางถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เฉินซ่าต้านพิษได้เป็นร้อย เขากลัวงูพิษที่ไหนกัน? โง่ นางนี่สมองกลับซะแล้ว! ช่างมัน ดูท่าการย้อนยุคของนางครั้งนี้ คงเป็นเพียงมีชีวิตอยู่ได้หลายวัน สุดท้ายยังไงก็ต้องตายอยู่ดี!
เฉินซ่าก้มหัวลงมาสบเข้ากับตาที่มองขึ้นมาของนางพอดี แววตาดำขลับใสกระจ่างนั่นมีเพียงหน่ายใจและเยาะหยัน แต่ไม่มีความกลัว หวาดกลัว กลับเรียบเฉยผิดธรรมดา
"นายท่าน!" เสียงเรียกของอิงดังขึ้นที่เหนือหัว เฉินซ่ากลับยื่นมือออกไปในชั่วพริบตาจับคองูตัวนั้นโยนออกไป จากนั้นเขากระโดดลงตามโหลชีไป
อิงกับองครักษ์ตกใจกันมาก ร้องตะโกน "นายท่านมิได้นะขอรับ!"
โหลชีที่กำลังตกสู่หุบเหวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา มองดูเฉินซ่าที่กระโดดตามลงมา มองดูใบหน้าเย็นชาของเขา มองดูแววโกรธในสายตาเขา อดร้องไม่ได้ว่า "ท่านบ้าไปแล้วหรือไร!" บ้าแล้วมั้ง ทำไม? เพราะอะไร? เขามีทางรอดแท้ๆ ทำไมถึงกระโดดลงมา?
เอวบางโดนมือเหล็กเขาโอบไว้แน่น ลมพัดกราดข้างหู ร่างของทั้งคู่ตกลงสู่หุบเหวเรื่อยๆ โหลชีสับสนในใจยิ่งนัก
"โง่" ข้างหูได้ยินเสียงเย็นชาของเฉินซ่า
ไม่โง่หรือไร? คนกำลังอยู่ในภาวะความเป็นความตาย มีหรือจะสนใจว่าคนอื่นจะโดนงูกัดไหม? ควรจะรีบกอดเขาให้แน่นยึดไว้เป็นฟางเส้นสุดท้าย มีหรือจะโง่เหมือนนาง กล้าปล่อยมือเองให้เขามีมือไปฆ่างู?