บทที่ 14 เกือบบีบคอนางตาย
โง่นัก แค่งูตัวเดียวเท่านั้น นางคิดว่าเขากลัวรึ?
งูตัวเดียวก็บังคับให้สาวใช้เขาต้องตาย คิดว่านายท่านอย่างเขาเป็นแค่ของประดับ?
เขาสั่งนางแล้วให้จับแน่น นางกลับกล้าไม่เชื่อฟัง หาเรื่องตาย
เฉินซ่าโมโหมาก
ความรู้สึกในการเสียหลักตกลงมาอย่างรวดเร็วมิดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ว่าตนกำลังจะตกลงสู่พื้นหุบเหวลึก ซึ่งจะเละตุ้มเป๊ะ แต่โดนผู้ชายกอดรัดไว้แบบนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ใจโหลชีรู้สึกปลอดภัย
นางอดเยาะตัวเองไม่ได้ว่า ใกล้จะตายแล้วแท้ๆ จะปลอดภัยเพื่อ
ทันใดนั้นนางรู้สึกได้ว่าร่างของเฉินซ่าแข็งเกร็ง และโอบนางหมุนตัวกลางอากาศ โดยเขาอยู่ล่าง นางเกาะอยู่ในอ้อมแขนเขา
"พลั่ก!"
ทั้งคู่ตกลงพื้นดังพลั่ก
โหลชีโดนกระแทกจนตาพร่าขึ้นดาว จมูกยังชนกับแผงอกเขาอีก นางสะบัดหัวเรียกสติกลับมา และรู้สึกได้ว่าไม่ถูก หุบเหวลึกนะ ไม่ควรจะถึงก้นเหวแล้วสิ! หุบเหวลึก ตกถึงก้นเหวจริง สมองนางคงไหลออกมาแน่ มีหรือจะแค่ตาพร่าขึ้นดาว?
เอ๋? เอ๋? พวกเขารอดตาย! พระเจ้า ตกจากที่สูงขนาดนั้นกลับรอดตายได้? พวกเขาไม่เป็นไร?
โหลชีดีใจมาก แววตาส่องประกายสว่างใส ยิ้มกว้างทั้งหน้าจนแทบจะร้องออกมาถึงความดีใจที่รอดตายได้นี้
"รีบลุกขึ้นมาซะ"
น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้น นางก้มหน้าลงสบตากับดวงตาดำมืดของเฉินซ่า รีบคลานลุกจากแผงอกเขา คนนี้เอาร่างตัวเองเป็นเบาะเนื้อรองรับตน...
นายท่านแบบนี้ดีจัง ดีกับสาวใช้จริงๆ หมดคำพูดเลย
นางยื่นมือออกไป ประจบประแจงว่า "นายท่าน ข้าดึงท่านขึ้นมานะเจ้าคะ"
เขากลับมิแยแสกับมือนาง พลันกระโดดขึ้นมา จากนั้นสายตาเปลี่ยนไป จับจ้องมาที่นางเขม็ง นิ้วมือแข็งเกร็งทั้งห้านิ้วดุจเหล็กกล้าคว้าหมับเข้าที่คอเล็กของนาง พลางออกแรง
"อยากตายขนาดนี้ ให้ข้าช่วยสงเคราะห์ให้ดีหรือไม่?"
โหลชีโดนเขาบีบคอจนหายใจแทบไม่ออก ใบหน้าแน่งน้อยแดงก่ำ ใกล้จะขาดใจ
ดวงตาเย็นชาของเขาแสดงถึงความมืดดำไร้ที่สิ้นสุด ในนั้นมีประกายความโกรธเต็มเปี่ยม แทบจะทับถมนางจนจมดิน แต่เขาโกรธอะไรกันล่ะ? นางรู้ตัวและไม่ยอมเป็นตัวถ่วงเขา ปล่อยมือให้เขาไปฆ่างู เขาไม่ควรขอบคุณในน้ำใจและความเสียสละของนางหรือไง? เขาโดดตามลงมา ไม่ใช่เพราะนางบีบบังคับเขาซะหน่อย เขาบ้าไปเองต่างหาก! หรือว่านางยังต้องมารับผิดชอบความบ้าของเขาด้วย!
นางใกล้จะโดนบีบคอตายแล้ว...
นางเรียกคืนคำวิจารณ์เมื่อครู่ นี่มันนายท่านที่ดีกับสาวใช้สุดๆ ตรงไหนกัน? เห็นชัดว่าเป็นอาวุธทำลายล้างที่เป็นไบโพลาร์! หายใจไม่ออก....นางจ้องเขาเขม็ง ถ้าครั้งนี้ต้องตายจริง นางวิงวอนขอให้ตนเป็นผีกลับมาล้างแค้นเขา!
พอเห็นนางเริ่มทนไม่ไหว เฉินซ่าคลายนิ้วออก พูดเสียงเย็นชาว่า "หากมีครั้งต่อไป"
โหลชีตัวอ่อนยวบ มือกุมคอตนเองไอค่อกแค่ก ไม่ต้องส่องกระจก นางก็รู้ว่าลำคอตัวเองต้องมีรอยนิ้วมือสีม่วงแน่ ดูจากแรงเขาเมื่อกี้ คืออยากบีบคอนางให้ตายจริงๆ
และตอนผ่านความเป็นความตายเมื่อกี้ทำให้นางเข้าใจความหมายของเขา เขาให้นางจับแน่น แต่นางกลับปล่อยมือโดยพลการ นี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับการทรยศหรือต่อต้านเลยแม้แต่น้อย อยู่ข้างกายเขา ต้องยึดเขาเป็นฟ้า ยึดคำพูดเขายิ่งชีวิต เขาไม่ต้องการคนที่คิดเอาเองว่าทำเพื่อเขา แต่ต้องการคนที่เชื่อฟังคำสั่งของเขา ไม่อย่างนั้น ฆ่า
บ้าอำนาจ อหังการจริงๆ
เฉินซ่ามองกำแพงหินอย่างเย็นชา โหลชีมองแผ่นหลังเขาด้วยสายตาสับสน เจอจักรพรรดิบ้าอำนาจแบบนี้ ไม่รู้ว่าถึงเวลานางจะจากไปมันจะยากขนาดไหน แต่นางต้องจากไปให้ได้ นางไม่คิดจะเป็นสาวใช้ของใครทั้งนั้น และเฉินซ่ายังเป็นอาวุธทำลายล้างฉบับไบโพลาร์คนหนึ่งอีกด้วย เกิดวันไหนทำเขาโมโห นางต้องตายไร้พื้นดินกลบหน้าแน่
ในใจแอบตัดสินใจเอาไว้ แต่สีหน้าไม่กล้าแสดงออกแม้เพียงนิด ยังไงตอนนี้ก็หนีไม่ได้ โหลชีตัดสินใจเก็บงำการตัดสินใจนี้เอาไว้ก่อน หันมาสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว
พอสังเกต นางค้นพบสิ่งที่น่าประหลาดใจว่า ที่นี่เป็นผาหินแขวนที่ยื่นออกจากกำแพงหน้าผา ก้อนหินใหญ่มาก พื้นผิวเรียบ กว้างราวสามเมตร ยาวราวสองเมตร อาจจะเป็นเพราะโคลนดินทับถมกันเป็นชั้นๆ จากน้ำฝนที่ตกจากบนหน้าผาลงมาทับถมนานปี ไม่เคยมีใครเหยียบย่ำมาก่อน ดังนั้นเลยมีต้นหญ้าปกคลุมอยู่แน่นหนาเต็มไปหมด และเพราะโคลนและต้นหญ้าหนาทับถม ถึงทำให้พวกเขาที่ตกจากที่สูงขนาดนั้นยังไม่เป็นไร
มีบุญจริงๆ ใครจะคิดว่าตกจากที่นั่นแล้วมีผาหินแขวนแบบนี้ยื่นมารับพวกเขาไว้พอดีกัน?
"นายท่าน!"
มีเสียงลมดังจากด้านบน สีหน้าโหลชีเปลี่ยนเล็กน้อย รีบยืนชิดติดกำแพงด้านหลัง เสียงปึ้งดังขึ้นสองครั้ง อิงกับองครักษ์หล่นลงตามๆ กันมา
โหลชีเห็นพวกเขาพร้อมใจกันลงมาแล้ว อดเบ้ปากไม่ได้ ลูกน้องของเจ้าอาวุธทำลายล้างเฉินนี่ภักดีกันจริงนะ นี่กระโดดลงมาตายตามเขาหรือไง?
"เอ๋? มิเป็นไรกันเลย! ไม่ตาย! นายท่าน โชคดียิ่งนัก!" อิงที่เดิมคิดว่าต้องตายแน่แล้ว และกระโดดลงหน้าผามาตายตามนายท่านได้เห็นเฉินซ่าที่ยืนอยู่อีกด้านอย่างปลอดภัย ก็ดีใจยิ่งนัก แต่พอสายตาเบนไปเห็นโหลชี เขาทนไม่ไหวตะคอกออกมา "เจ้านี่..."
"เจ้าอยากมีเรื่อง?"
โหลชีโดนท่าทางดุดันของเขายั่วยุจนแสดงท่าทางพร้อมสู้ออกมา แต่ข้อศอกกลับไม่ทันระวังชนเข้ากับผนังหินด้านหลัง
ได้ยินเสียงแครกดังขึ้น กำแพงหินด้านหลังพลันเปิดออก เผยให้เห็นทางเข้าดำมืด มีลมเย็นชื้นพัดออกมาจากข้างใน
เฉินซ่าที่กำลังสังเกตกำแพงหินเห็นเยี่ยงนั้นพลันกวาดตามองมา เห็นจุดที่ข้อศอกนางชนเข้า สายตาพลันส่อประกายประหลาดใจวาบขึ้น
เดิมเขารู้สึกแล้วว่ากำแพงหินด้านนี้มีอะไรบางอย่างมิถูกต้อง แต่หาอยู่นานก็หาร่องรอยมิเจอ แต่ข้อศอกนางกลับโดนเข้าโดยมิได้ตั้งใจ หญิงผู้นี้โชคดีงั้นรึ?
อิงที่เดิมทีจะสู้กับโหลชีซักยกก็โดนทางเข้าถ้ำที่โผล่มาทันใดนี้ดึงดูดไป เขารีบก้าวเข้าไป "นายท่าน ข้าขอเข้าไปดูก่อน!"
ในหน้าผาลึกแห่งนี้ กลับมีถ้ำกลไกเยี่ยงนี้ซ่อนอยู่ แน่นอนว่าต้องระวังตัวให้มาก แต่ตอนนี้พวกเขาขึ้นไปก็มิได้ ลงไปก็มิได้ ได้แต่ฝากความหวังไว้ในถ้ำนี้ หวังว่ามันจะเป็นทางรอด เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกเขาหาดอกลึกลับมิเจอ
เฉินซ่าเหล่มองโหลชี "มานี่"
โหลชีแอบกัดฟัน เจ้าอาวุธทำลายล้างนี่เมื่อกี้เกือบจะบีบคอนางตายแล้ว ตอนนี้ยังมาเรียกนางแบบเรียกหมาอีก นี่เห็นนางว่าง่ายนักหรือไง?
บ่นในใจเป็นชุด นางก็ยังคงเดินเข้าไปหาเขาอย่างจำใจ
รอจนนางเดินมายืนข้างกายเขา เขาก้มหัวลงเล็กน้อยก็เข้าถ้ำไปเลย "ตามมา"
โหลชีรู้เลยว่าสองคำนี้คือพูดให้นางฟัง เลยตามเข้าไปอย่างไม่กล้าอิดออด
"ไป" อิงขมวดคิ้ว และเดินตามเข้าไป การที่นายท่านยอมลงให้โหลชีเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะร่างกายพิเศษของนางเป็นแน่ สามารถช่วยหยุดความเจ็บปวดให้นายท่านได้ หาดอกลึกลับมิเจอ วันที่นายท่านจะถอนพิษได้ยังอีกไกลนัก ทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำของเดือนยังต้องทุกข์ทรมานเยี่ยงนั้น โหลชีสำคัญอย่างมาก
เยี่ยงนี้ เขาควรจะยอมปล่อยวางอคติ และคุ้มครองนางให้ดี