๒.๑ ความสุขอันแสนสั้น
๒
ความสุขอันแสนสั้น
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู
เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง พร้อมกับที่เค้กส้มขนาดสองปอนด์ถูกยื่นมาด้านหน้าของสาวน้อย โดยคนที่ถือเค้กอยู่ตอนนี้คือกวินภพ ส่วนกรองทองยืนอยู่ข้างๆ ลูกชาย แววตาทอดมองเจ้าของวันเกิดด้วยความอ่อนโยนแกมเอ็นดู ยิ่งเมื่อเอมมาลินมองมายังตนกับลูกชายด้วยความซาบซึ้ง รอยยิ้มที่มีให้ก็ยิ่งมากกว่าเดิม
“ขอบคุณน้ากรองกับพี่อิสร์มากนะคะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้ ปีนี้เป็นปีที่เอมมีความสุขมากที่สุด น้ากรองกับพี่อิสร์เป็นมากกว่าครอบครัวของเอม ถ้าเอมไม่มีน้ากรองกับพี่อิสร์ ชีวิตเอมอาจจะหาคำว่าความสุขไม่เจอเลยก็ได้ รักเอมไปนานๆ นะคะ อย่าเลิกรักเอมนะ” เอมมาลินเอ่ยอย่างเว้าวอนอีกครั้ง คล้ายดั่งว่าความรักของคนทั้งสองที่มีให้กับตนจะมลายหายไป
“จ้ะ...น้ากับอิสร์จะรักหนูเอมตลอดไป และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราสองคนก็จะไม่มีวันเลิกรักหนูเอม อธิษฐานแล้วเป่าเค้กสิจ๊ะ” กรองทองบอกกับสาวน้อยที่ตนเอ็นดูดั่งลูกสาวคนหนึ่ง
“ขอให้ความสุขนี้อยู่กับเอมไปนานๆ ขอให้น้ากรองกับพี่อิสร์รักเอมตลอดไป”
กล่าวจบเอมมาลินก็เป่าเทียนที่ตั้งอยู่บนเค้ก เปลวเทียนสีส้มลู่ไหวตามแรงลมที่ถูกเป่าออกจากปาก จากนั้นไม่นานแสงก็ดับวูบ เหลือเพียงควันที่ลอยละล่องอย่างไม่มั่นคง ทว่ายังคงส่งกลิ่นหอมโชยชายมาเตะจมูก
“น้ากับพี่อิสร์จะรักหนูเอมตลอดไป” เสียงอันเอื้ออาทรดังขึ้นด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง ทำให้เอมมาลินอดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปซุกเอาความอบอุ่นจากอกของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคนที่เธอรัก พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ขอบคุณค่ะน้ากรอง ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
“อย่าขี้แยในวันเกิดตัวเองสิจ๊ะ มากินเค้กกันดีกว่า น้าทำบะหมี่ไว้ให้ด้วยนะ”
กรองทองยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ แล้วดึงมือเรียวบางไปที่โต๊ะ จากนั้นเค้กส้มก็ถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เอมมาลิน กวินภพ และกรองทองจะนั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข ตามมาด้วยบะหมี่ต้มยำสูตรเด็ดซึ่งเป็นของโปรดอีกอย่างของเอมมาลิน สาวน้อยซึมซับเอาความสุขนี้ เพราะมันคงเป็นความสุขเดียวที่จะได้รับในวันเกิดวันนี้ ส่วนพ่อแท้ๆ ของเธอ ตอนนี้อยู่ในช่วงเที่ยวต่างประเทศกับเมียและลูกสาวคนใหม่ของพ่อ
ตาคู่สวยหม่นเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อประหวัดคิดถึงบิดา เธอเป็นคนนอกสำหรับพ่อมานานมากแล้ว นับตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ของเธอตายไป และมีลูกสาวเพิ่มอีกคน พ่อพยายามทำให้เธอสนิทสนมกับภรรยาใหม่ของพ่อ ทว่าเธอกลับถูกฝ่ายนั้นกีดกัน กระทั่งแม่เลี้ยงของเธอมีลูก เธอก็กลายเป็นส่วนเกินสำหรับครอบครัวไปโดยปริยาย พ่อเห่อและใส่ใจแต่ลูกสาวคนใหม่ จนเอมมาลินรู้สึกว่าพ่อหลงลืมไปแล้ว ว่ายังมีเธอเป็นลูกอีกคน
การเลี้ยงฉลองวันเกิดของเอมมาลินสิ้นสุดลงในเวลาเกือบสองทุ่ม เธอยกมือไหว้ลากรองทอง จากนั้นกวินภพก็ปั่นจักรยานไปส่งที่หน้าบ้านของเธอ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เอมมาลินมาหา
“เอมจะขออยู่ต่ออีกนิดก็ไม่ได้ พี่อิสร์ใจร้ายชอบไล่เอมกลับ” เอมมาลินบ่นกระปอดกระแปด หลังจากตัวเองลงจากรถจักรยานของกวินภพแล้ว
“ก็ตอนนี้สองทุ่มแล้ว กลัวคนที่บ้านจะเป็นห่วงเอม”
“ไม่มีใครเป็นห่วงเอมหรอกค่ะ พี่อิสร์ก็รู้ ตอนนี้พ่อพาเมียกับลูกไปเที่ยวต่างประเทศอยู่”
“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมากเรื่องพ่อ สักวันเอมอาจจะเข้าใจท่าน”
“แต่วันนี้ที่เอมเข้าใจคือ เอมเป็นคนนอกสำหรับพ่อ พ่อส่งเอมไปเรียนต่างประเทศ เพราะอยากอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูกกับครอบครัวใหม่ของพ่อ โดยไม่ต้องมีเอมเป็นส่วนเกิน” น้ำเสียงนั้นหม่นเศร้าลง แม้จะชินชาแล้ว แต่กำหนดการเดินทางที่ใกล้เข้ามา ก็ทำให้สาวน้อยวัยสิบเจ็ดหวาดหวั่น เพราะไม่อยากจากบ้านไปไหน อย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านที่เธอเคยอยู่อย่างอบอุ่นกับพ่อและแม่ของเธอมาก่อน
“คิดมากไปได้”
ท่าทางเศร้าๆ ของสาวน้อยผู้เป็นที่รักทำให้กวินภพอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปวางบนศีรษะได้รูปของเธอ แล้วลูบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ และนั่นก็ทำให้เอมมาลินมีสีหน้าดีขึ้น เธอจับมือใหญ่อบอุ่นนั้นมาแนบแก้ม
“เอมอยากให้พี่อิสร์เป็นพ่อจังค่ะ”
“แล้วไม่อยากให้พี่เป็นแฟนแล้วเหรอ”
“ก็เป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแฟนไงคะ”
“เรานี่จริงๆ เลยนะ” กวินภพส่ายหน้าและยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยนให้กับสาวน้อยตรงหน้า ทว่ารอยยิ้มนั้นก็ปรากฏอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีเสียงดุๆ ดังขึ้นจากประตูอัลลอยหน้าบ้าน
“หยุดทำอะไรที่น่าอับอายแบบนี้เสียที”
“พ่อ!” เอมมาลินหันไปมองต้นเสียงและอุทานอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าบิดาจะกลับมาในวันนี้
“เข้าบ้านเดี๋ยวนี้นะเอม” ธนินสั่งลูกสาวเสียงเข้ม
“เอมกับพี่อิสร์ไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ”
“พ่อสั่งให้เข้าบ้าน” ธนินตวาดใส่ลูกสาวอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมจนเอมมาลินสะดุ้งโหยง แต่กระนั้นสาวน้อยก็ยังทำท่าจะดึงดัน กวินภพจึงต้องรีบไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“เข้าบ้านก่อนเถอะนะเอม”
เสียงที่อ่อนโยน ค่อยๆ ประเล้าประโลม ทำให้เอมมาลินต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเดินเข้าบ้านตามคำขอร้อง โดยยังหันมามองที่หน้าประตูรั้วบ้านอย่างกังวลและเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าพี่อิสร์กำลังเผชิญหน้ากับบิดาของเธอ เธอไม่รู้ว่าพ่อคุยอะไรกับพี่อิสร์ เห็นสีหน้าพี่อิสร์แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่ยืนดู และรอคุยกับพ่อให้เข้าใจเท่านั้น
ด้านนอกรั้ว…
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย” ธนินบอกกับกวินภพเสียงเข้มดุ แววตาจ้องมองหนุ่มรุ่นลูกอย่างเอาเรื่อง ทว่าก็ไม่ได้ทำให้กวินภพหวาดหวั่น เขายังคงนิ่ง สำรวม พร้อมจะเผชิญหน้า ทว่าก็ไม่ได้มีท่าทีก้าวร้าวแต่อย่างใด
“ครับท่าน”
“ฉันไม่อยากให้เธอมายุ่งกับยัยเอมอีก เธอควรเจียมตัวว่าตัวเองเป็นใคร แตกต่างกันแค่ไหนกับลูกสาวของฉัน เธอไม่มีทางจะสมหวัง”
“ผมไม่ได้หวังอะไรครับ แค่อยากให้เอมมีความสุขเท่านั้น”
“ความสุขที่เธอว่า ฉันจะเป็นคนหาให้ลูกสาวฉันเอง เธออยากได้เท่าไหร่สำหรับค่าจ้างที่จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับยัยเอมอีก”
“ขอบคุณที่กรุณาครับ แต่ผมไม่ต้องการ”
“จองหอง”
“เปล่าครับท่าน ผมแค่อยากให้ท่านรู้ว่าผมคบกับเอมด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
“ความบริสุทธิ์ใจมันกินไม่ได้หรอก สิ่งที่ทำให้คนสุขสบายคือเงินเท่านั้น ซึ่งชาตินี้เธอคงไม่สามารถให้ยัยเอมได้ อีกอย่างยัยเอมมีคนที่เหมาะสมกว่ารออยู่แล้ว เธออย่าหวังอะไรที่มันมากเกินตัวนักเลย เธอกลับไปได้แล้ว และอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอมาข้องแวะกับยัยเอมอีก ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าฉันจะไม่เกรงใจ”
กวินภพยกมือขึ้นไหว้ ไม่ดึงดันหรือโต้เถียง เขาเข้าใจถึงความห่วงใยที่พ่อมีต่อลูก เขาไม่ได้โกรธพ่อของเอมมาลิน เพราะสถานะของเขาตอนนี้มันไม่สามารถทำให้พ่อของเอมมาลินสบายใจได้จริงๆ ทว่ามันก็แค่วันนี้ สักวันหนึ่งเขาจะพิสูจน์ให้คุณธนินได้เห็นว่า เขาดีพอจะดูแลลูกสาวท่านให้มีความสุขได้
ร่างบางที่เข้ามารออยู่ในรั้วบ้าน ขยับเข้าไปดักหน้าพ่อทันทีที่พ่อเดินกลับเข้าบ้านมา หัวใจของเอมมาลินร้อนรนไปหมด เพราะสังเกตจากท่าทางและสีหน้าที่พ่อกับพี่อิสร์คุยกันแล้ว เธอก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด
“พ่อคุยอะไรกับพี่อิสร์คะ”
“พ่อก็สั่งห้ามไม่ให้มันมาคบหากับเอมอีกน่ะสิ เอมไปคบกับคนแบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างเลย”