บทที่ 4
“ขอโทษครับ”
เสียงห้าวทุ้มแหบเล็กน้อยดังขึ้นเบื้องหน้าแบบประชิดตัว ระหว่างที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ เล่นเอานิลยาสะดุ้งสุดตัว เธอทำตาโตอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคนที่ยืนหน้าเคร่งอยู่ตรงหน้าชัดๆ เขาเป็นชายร่างสูง ผิวคร้ามแดด หนวดเครารกรุงรัง นัยน์ตาคมปลาบดุดันนัก ยามจ้องมองตรงมายังเธอ สวมเสื้อสีขาวแนบไปกับรูปร่างที่ล่ำสัน กำยำ กางเกงยีนสีเข้ม นิลยามองเขากวาดแบบชนิดหัวจรดเท้าไปจนถึงผ้าใบสีตุ่นๆ ที่เขาสวม ยังคงอ้าปากหวออยู่แบบนั้น เพราะความตกใจกับรูปลักษณ์อันใหญ่โต ดูราวหมียักษ์ของอีกฝ่าย
“คะ...ค่ะ”
“ทำอะไรกัน”
เสียงนั้นดุจนเธอสะดุ้งอีกหน เขามองข้ามศีรษะนิลยาไปยังร่างของเพื่อนๆ ของเธอที่กำลังเกลือกกลิ้งทรายกันอย่างสนุก คิ้วเข้มขมวดมุ่น อาการแบบนั้นไม่ใช่คนปรกติแน่นอน ต้องเสพอะไรไปสักอย่าง ถึงได้ทำอะไรไร้สติได้ถึงขนาดนั้น
“คุณเป็นใคร”
รวบรวมสติได้ นิลยาก็ถามกลับ เสียวสันหลังวาบเพราะพวกเธอกำลังทำผิดกฎหมาย พวกเธอมีสิ่งเสพติดอยู่ในครอบครอง และกำลังเสพกันอย่างสุดเหวี่ยงเสียด้วย
“นั่นรัศมีแขใช่ไหม” เขาชี้มือไปยังหญิงสาวร่างเล็กผมสีชมพู ที่ตอนนี้เริ่มร้องเพลง
“พวกเธอทำอะไรกัน เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำไมทำตัวกันแบบนี้ นี่นอกจากดื่มเหล้า ปาร์ตี้มั่วสุมกันแล้ว เล่นยาด้วยหรือเปล่า”
คำถามยิงเป็นชุดนั่น ทำให้นิลยาหน้าซีด ก่อนที่เธอจะทันตอบอะไร ชายคนนั้นก็เดินดุ่มตรงไปยังรัศมีแขที่ยังคงหัวเราะร่วน เขาดึงมือเธอขึ้นมา ฝ่ายนั้นกะพริบตาปริบๆ เพราะเมายา แล้วมองเขาพลางยิ้มหวานให้
“ใครอะ อ้อ...ดารารึซุปตาร์ที่ไหน รึว่า...นายแบบเกย์ ฮ่าๆ นายแบบเกย์รึเปล่าคะ สุดหล่อ”
“ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอ รัศมีแข ตอนนี้เธออยู่ในความดูแลของฉัน กล้าตะวัน นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป!”
สิ้นคำประกาศเขารวบร่างบางขึ้นบ่า ไม่สนใจว่าเธอจะร้องกรี๊ดๆ อย่างตื่นกลัวแค่ไหน เพื่อนอีกสองคนที่กำลังเมากลับพากันหัวเราะสนุกเพราะสติไม่มีแล้วตอนนี้ ส่วนนิลยาได้แต่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ
“อ้อ...”
เขาหยุดตรงหน้าเธอ แบกร่างของเพื่อนเธอที่กำลังดิ้นร้องอย่างบ้าคลั่งไว้บนบ่า เหมือนไม่รู้สึกรู้สมถึงความหนัก
“เก็บของ ของลูกหมีไว้ด้วย พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมาเอา แล้วก็เลิกทำอะไรแบบนี้เสีย ถ้ายังไม่อยากเข้าสถานพินิจ”
ชายร่างสูงที่ประกาศว่าตัวเองชื่อกล้าตะวัน และเป็นผู้ปกครองของรัศมีแข พาเพื่อนของเธอไปโยนไว้ด้านเบาะหลังรถโฟวิลสี่ประตูคันใหญ่ แล้วขับปราดออกไป ทิ้งให้นิลยาได้แต่มองตามหลังด้วยความตื่นตะลึง
...
กล้าตะวันยืนดูร่างที่หลับใหล หายใจสม่ำเสมอไปแล้วบนเตียงนุ่ม เธอหลับตาพริ้ม เรือนผมสีประหลาดในสายตาเขาแผ่สยายบนหมอน มันเป็นสีชมพูเข้ม คุณพระ! นี่เขาต้องรับมือกับเด็กเหลือขอแบบไหนกันนี่?
“คงจะหลับประมาณแปดชั่วโมงนั่นแหละนายกล้า นี่ถ้าไม่ใช่เพราะนายขอ แล้วเด็กนี่ไม่เมาอาละวาดขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ฉีดยาให้”
เสียงทุ้มเอ่ยดังข้างตัว ปลุกกล้าตะวันให้ตื่นจากภวังค์ส่วนตัว ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วถอนใจเฮือก
“โชคดีที่นายมาด้วยว่ะ ไอ้หมอ”
“โชคดีที่ฉันมียาติดกระเป๋ามาด้วย ใครวะ นายกล้าดูท่าทางจะซ่าไม่หยอกเลยทีเดียว หลานนายหรือ รึว่า...”
“หรือว่าอะไร?” กล้าตะวันขมวดคิ้ว “นายคิดว่าเด็กนี่เป็นอะไรกับฉัน”
“ลูกสาว” คำตอบนั้นเล่นเอากล้าตะวันถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่โว้ย ลูกของจันทร์ จันทร์ขอร้องให้ฉันดูแล”
“อะไรนะ ลูกซุกซ่อนของนายกับพิมพ์จันทร์ คุณพระ นายกล้า นี่นาย...”
“หยุดเลยนะไอ้หมอเรน”
กล้าตะวันรีบห้าม ก่อนที่ทางนั้นจะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เพื่อนสนิทของเขามองหน้าเขาสลับกับมองหน้าเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง สายตาของวเรณย์ ทำให้กล้าตะวันยิ่งหน้าตึง จนอีกฝ่ายหัวเราะแล้วรีบโบกมือ
“โอเคๆ เชื่อว่าไม่ใช่ เพราะไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิด สวยนะ สวยเหมือนจันทร์เลย”
ว่าแล้วก็แอบมองหน้าของกล้าตะวัน ชายหนุ่มเองก็กำลังพิจารณาคนที่กำลังนอนอยู่เช่นกัน เสียงกระแอมเบาๆ ของวเรณย์ ทำให้เขาหันขวับ แล้วมองเพื่อนสนิทด้วยแววตาคมปลาบดุดัน
“อะไร นายเรน”
“จันทร์ฝากให้นายดูแลนี่ ในฐานะไหนวะ”
“ผู้ปกครอง ผู้จัดการมรดก”
“อืม...”
มือหนาเอื้อมตบบ่าของกล้าตะวันเบาๆ อย่างจะให้กำลังใจ
“นายคิดว่านายจะทำหน้าที่นี้ได้ไหมวะกล้า เด็กนี่ท่าทางไม่เบาหรอก”
“ก็...จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่ะ นายหมอเรน ว่างๆ ก็มาช่วยกันกำราบจอมดื้อหน่อยดีไหม เห็นเรียกตัวเองว่าลิตเติ้ลมอนเตอร์ด้วย หึๆ”
“ไม่ไหวนา แค่งานโรงพยาบาล ฉันก็จะปวดหัวตายอยู่แล้ว นี่โห...กำลังวัยรุ่น ต่อต้านสุดๆ เสียด้วย เอาใจช่วยว่ะคุณพ่อมือใหม่ หึๆ”
“ฉันไม่ใช่พ่อ เป็นแค่ผู้ปกครอง”
กล้าตะวันถลึงตาใส่ วเรณย์หัวเราะแล้วดึงแขนเพื่อนออกมาเสียจากห้องที่รัศมีแขกำลังนอนพักผ่อนอยู่ กล้าตะวันขอให้เขาติดรถมาด้วยเพื่อมาตามหาเด็กคนนี้ ซึ่งไม่ได้เล่าอะไรมากมายนัก ตัวเขาเองกระโดดขึ้นรถมาด้วยตามแรงฉุดของกล้าตะวัน เพื่อนสนิทที่รู้จักว่าหมอนี่ดุขึ้นชื่อขนาดไหน แค่สายตาก็เล่นเอาผวา ทำตามคำสั่งได้อย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว
ตอนแรกนึกว่าเป็นลูกเป็นหลานของเพื่อน แต่ตอนนี้กลับเป็นลูกสาวของอดีต...จะเรียกว่าอดีตอะไรดี เขารู้เพียงว่ากล้าตะวันคบหาพิมพ์จันทร์อยู่ระยะหนึ่งตอนที่เรียนหนังสือปีหนึ่งด้วยกัน พอขึ้นปีสองพิมพ์จันทร์ก็ท้องเสียแล้ว กล้าตะวันหัวใจสลายมากเมื่อเธอออกจากมหาวิทยาลัยกลางครันและแต่งงานไป และตั้งแต่นั้น เพื่อนเขาก็ไม่เคยคบหาใครได้จริงจัง มิตรภาพระหว่างกล้าตะวันและพิมพ์จันทร์ยังดำเนินต่อไป ในสายตาเขามันแสนจะคลุมเครือ พิมพ์จันทร์เปลี่ยนสามีไปแล้วหลายคน แต่เพื่อนรักของเขาก็ยังครองความโสดเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
“เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอมนะ ไอ้กล้า นายเคยได้ยินสุภาษิตโบราณไหม?”
“อืม...”
กล้าตะวันพยักหน้า สองหนุ่มนอนไม่หลับเนื่องจากแปลกสถานที่ จึงมานั่งดื่มด้วยกันตรงบริเวณระเบียง มองวิวทะเลยามดึกไปด้วยกัน
“แล้วก็ยังรับ? อย่างนั้นหรือวะไอ้กล้า”
“สิ่งที่จันทร์ขอร้อง ฉันไม่ปฏิเสธ” คำตอบสั้นๆ พร้อมกับเหล้าเพียวๆ ที่กระดกดื่มเข้าไป ทำให้วเรณย์สั่นหน้าน้อยๆ
“ความสัมพันธ์ของนายกับพิมพ์จันทร์ ฉันไม่เข้าใจหรอกว่ะกล้า บอกตรงๆ ว่าไม่อยากให้นายเอาภาระแบบนี้มาแบกไว้ เด็กนี่ดูยังไงก็ แสบแน่นอน”
“จันทร์จะนอนตายตาหลับ ถ้าลูกสาวของเธอ เป็นเด็กที่ดีขึ้นมาได้”
“เอาใจช่วยว่ะ เป็นอันว่า จะพยายามมาช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ แต่ถ้าจะถึงขนาดให้ฉันมอมยาเด็ก เพื่อให้อยู่ในโอวาท แบบนั้นไม่เอานะโว้ย”
วเรณย์กระเซ้า กล้าตะวันหัวเราะน้อยๆ นึกภาพของเด็กสาวผมชมพู ที่กำลังเมากัญชา หัวเราะกลิ้งเกลือกกับเพื่อนๆ ของเธอ และภาพของเธอยามอาละวาด ก่อนที่วเรณย์จะมาฉีดยาให้ ก็ถอนใจเฮือก นัยน์ตาคมเปล่งประกายวาบ
“ดัดเองได้ เด็กดื้อแบบนี้ ฉันชอบว่ะ คนงานที่ไร่บางคนสันดานเลวกว่านี้ ยังจัดการให้อยู่ในโอวาทได้ นี่แค่เด็กวัยรุ่นคนเดียว ทำไมฉันจะทำไม่ได้วะ”
“อืม...” วเรณย์พยักหน้า แล้วดื่มเหล้าในแก้วของตนเองบ้าง
“ฉันจะคอยดูพรุ่งนี้ว่ะ เมื่อเด็กคนนี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ว่านายจะปราบวิธีไหน”
กล้าตะวันนิ่ง ไม่ได้ตอบโต้อะไร เขามองทะเลเบื้องหน้า ใจคิดไปถึงวิธีการ ‘ปราบ’ ที่ตนเองคิดไว้ เมื่อยามที่เจ้าหล่อนมีสติเต็มที่จะเป็นอย่างไรกันนะ
พระจันทร์ลอยเด่นตรงกลางฟ้า ส่องแสงนวลตามายังพื้นทรายและผืนทะเล ส่องประกายระยิบระยับราวเพชร รัศมีของพระจันทร์คืนนี้ งดงามจับตานัก...
รัศมีแข พิมพ์จันทร์ พระจันทร์สองดวงที่เคลื่อนเข้ามาในชีวิตเขา กล้าตะวันหัวเราะเหมือนจะหยันตัวเอง อะไรกันหนอที่ทำให้ต้องมาข้องเกี่ยวกันแบบนี้ พรหมลิขิตเท่านั้นที่จะตอบเขาได้...ว่าทำไม