บท
ตั้งค่า

4│ลูกเจี๊ยบเดินเกม (2)

พินรีจมกับความคิดของตัวเองอยู่นาน กระทั่งรถแล่นเข้ามายังบ้านหลังใหญ่ที่สามารถดึงความสนใจของหล่อนจากการครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้จีบคนอย่างวสุติดภายในหนึ่งเดือน เพื่อหันมาสอดส่องสายตามองดูบ้านหลังงามด้วยความตื่นเต้น

ก่อนดึงสายตาไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย “เฮียมารับใครในที่แบบนี้เหรอคะ”

“ลูกสาว”

ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโตด้วยความตกใจ หล่อนอ้าปากพะงาบๆ คล้ายมีสิ่งที่อยากเอ่ยทว่าไม่มีเสียงที่จะเล็ดลอดออกไป กระทั่งรถจอดลงยังส่วนของหน้าบ้าน พินรีถึงได้หาเสียงของตัวเองเจอ

“เฮียมีลูกเหรอคะ”

คนขี้แกล้งเพียงยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ยอมตอบให้กระจ่าง จากนั้นก็เปิดประตูลงไปโดยที่หนนี้ผู้โดยสารไม่ได้ตามลงไปด้วย เธอยังประมวลข้อมูลที่ได้รับมาไม่ครบถ้วนจึงยังอยู่ในสภาพจังงัง

เป็นไปได้หรือที่วสุจะมีลูกมีเมียแล้ว ล้อกันเล่นแน่ๆ หากนั่นคือเรื่องจริงคนในครอบครัวย่อมรู้ และวลีก็ต้องรู้ ซึ่งถ้าแม่นั่นรู้มีหรือที่จะไม่บอกเธอ ไหนยังส่งเธอมาอยู่กับพี่ชายตัวเองอีก

แต่กรณีที่เขาแอบไข่ทิ้งไว้แล้วไม่บอกใครเลยก็....ไม่จริง เป็นไปไม่ได้

ครู่สั้นๆ ก็มีกลุ่มคนเดินออกมาจากบ้านหลังงาม เป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางแลดูภูมิฐานกับเด็กสาวที่คาดคะเนได้ว่าน่าจะเป็นวัยมัธยมปลาย

แล้วไหนเด็กตัวเท่าเมี่ยงที่จะเข้าเค้าว่าเป็นลูกสาวเขาล่ะ

คนทั้งสามเดินตรงมายังเอสยูวีของวสุ ก่อนเจ้าของรถจะเป็นฝ่ายเปิดประตูข้างคนขับให้กับเด็กสาวคนนั้นขึ้นมานั่ง เจ้าหล่อนผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ในรถก่อนแล้ว แต่พริบตาเดียวก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเอี้ยวตัวมาค้อมศีรษะให้อย่างมีมารยาท ทั้งยังส่งยิ้มสดใสมาให้เธอด้วย

พินรีที่ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ลงล็อกก็ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับไป

ทว่าปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของอิสรีนั้นอยู่ในครรลองสายตาของคุณหญิงพิมพิมาน คนอายุมากที่สุดขมวดคิ้วมุ่น “อะไรคะ”

“มีพี่คนสวย” เด็กสาวพูดเท่านั้นแล้วหยุดลงดื้อๆ ด้วยเพิ่งอยู่ในช่วงหัดพูด พวกประโยคยาวๆ จึงต้องใช้เวลา “อยู่ในรถค่ะ”

พิมพิมานมีสีหน้าฉงน ต่างกับ ‘พี่คนสวย’ ที่ลืมเรื่องราววุ่นวายในหัวเพราะถูกอกถูกใจคำพูดของอีกฝ่าย

“ใครกัน”

เสียงเข้มสอดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม “น้องแถวบ้านครับ พอดีเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ เลยมาแชร์ห้องอยู่กับผม”

“อ้อ”

พินรีชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนกดลดกระจกแล้วพนมมือไหว้หญิงวัยกลางคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “สวัสดีค่ะ”

“โอ๊ะ สวัสดีค่ะ” แล้วสัพยอกไปเมื่อเห็นหน้าคู่สนทนาชัดเจน “สาวสวยจริงด้วยแฮะ”

คนถูกชมหน้าแดงปลั่ง ผงกศีรษะรับอย่างเขินอาย “ขอบคุณนะคะ”

พิมพิมานเผยยิ้มอ่อนโยน “ยังไงป้าฝากน้องด้วยนะคะ เที่ยวให้สนุกจ้ะ”

“ค่ะ”

ประมุขของบ้านเจียรโณทัยหันไปทางเด็กสาวที่เปรียบเป็นลูกอีกคนของตน “ทานให้อิ่มนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ ขับรถดีๆ นะพ่อสี่”

“ครับ”

แล้วล้อรถก็เริ่มหมุนออกจากบ้านของมหาเศรษฐีเมืองไทย พร้อมความสับสนปนเปที่โจมตีพินรีทุกทาง มีหลายอย่างที่อยากถามวสุ แต่ก็คิดว่าควรเก็บทุกความสงสัยไว้กับตัวเองแล้วค่อยถามตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น

ในขณะที่คนด้านหลังปิดปากเงียบสนิทจนผิดวิสัย สารถีหนุ่มก็คุยเก่งผิดจากเวลาปกติ

“ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม”

คนถูกถามพยักหน้ารับด้วยจังหวะเชื่องช้า หลังจากผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ทุกการเคลื่อนไหวก็ต้องชะลอความเร็วลงเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือน ของหนักๆ ก็ยกไม่ได้ มีหลายอย่างเลยที่เธอต้องงด แต่ก็แลกมาด้วยการได้ยินเสียงและสามารถพูดคุยกับเพื่อนมนุษย์ได้

“เก็บท้องไว้ให้ราดหน้าค่ะ” ว่าพลางลูบท้องของตน

พินรีนึกสงสัยว่าเหตุใดเด็กสาวถึงได้พูดค่อนข้างช้า ผนวกกับการออกเสียงยังไม่ชัดนักทว่าก็ยังสามารถฟังรู้เรื่อง แต่มันคงเสียมารยาทมากหากถามตรงๆ

วสุเผยยิ้มอย่างที่พินรีเคยได้เห็นสมัยตัวเองเป็นเด็กตัวน้อย ก่อนเรื่องที่น้ำตกจะเกิดขึ้นกับตนเอง จนหากไม่เห็นมันในวันนี้เธออาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหน

“สงสัยวันนี้คงมีคนเบิ้ลสองจาน”

อิสรีได้ยินเช่นนั้นก็เปิดปากหัวเราะร่วน บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนเป็นคนที่มีสุขภาพจิตที่ดีคนหนึ่ง ไหนยังมีทัศนคติที่ดีกับตนและคนรอบข้าง ใครได้อยู่ใกล้ๆ เป็นต้องรักต้องหลงไปตามๆ กัน

“พี่สี่ก็เบิ้ลได้ค่ะ วันนี้หนูเลี้ยง”

หนนี้วสุเป็นฝ่ายหัวเราะ “ต่อไปนี้ต้องเรียกมาดามอุ้มแล้วมั้ง”

“ห้ามแซวค่ะ” อิสรีว่ายิ้มๆ พลางเอี้ยวตัวมาหาผู้โดยสารอีกท่านที่ได้ยินเสียงแค่ตอนพูดกับคุณหญิงพิมพิมาน หลังจากนั้นเหมือนหล่อนจะเงียบไปเลย “สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ”

คุณหมอและนักแก้ไขการพูดบอกกับอิสรีว่าการพูดคุยจะช่วยให้ผลของการผ่าตัดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาจเทียบได้กับมีดที่ยิ่งลับยิ่งคม เช่นเดียวกับเธอที่หากพูดและฟังบ่อยๆ จะสามารถพูดได้ชินปากและฟังได้คล่องหูมากขึ้น รอบตัวก็มีแต่ผู้คนที่พร้อมจะสื่อสารกับเธอ ทั้งคนที่บ้านใหญ่ ครอบครัวพี่สาวและพวกเหล่าพี่ชายทั้งแปด อิสรีจึงชอบการพูดคุยเพื่อทำความรู้จักและฝึกทักษะ

“ชื่อพิค่ะ น้องอุ้มใช่ไหมคะ” เพราะเมื่อครู่ได้ยินวสุเรียก ด้านคนถูกถามก็พยักหน้ารับ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องอุ้ม”

“เช่นกันค่ะพี่พิ มาอยู่กับพี่สี่นานยังคะ”

หญิงสาวเหลือบสายตาไปทางชายหนุ่มที่มีสีหน้าเรียบสนิท ไร้วี่แววของพี่ชายคนอบอุ่นคนเมื่อครู่ ก่อนดึงหน้ากลับมาหาคู่สนทนา “เพิ่งมาเมื่อวานเองค่ะ”

“อ้อ” รับคำแล้วถามต่อ “ไว้ไปหาอะไรกินกับหนูบ่อยๆ นะคะ”

พินรียิ้มกว้าง ตกปากรับคำในทันที “ได้เลยค่ะ พี่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ยังไม่ค่อยมีเพื่อนเลย”

นิ้วเรียวชี้ไปยังร่างกำยำของผู้ชายคนเดียวในรถ “พี่สี่ค่ะ เป็นเพื่อนกับพี่สี่ได้ พี่สี่ใจดี”

แม่ค้าน้ำหอมหน้าเจื่อน เขาอาจจะใจดีก็ได้ เพียงแค่มันไม่ได้มีไว้ใช้กับเธอ

“ฟังหนูพูดรู้เรื่องไหมคะ”

ใบหน้างามพยักขึ้นลงเพื่อตอบคำถาม “รู้เรื่องค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“หนูเพิ่งผ่าตัดหูเทียมมาค่ะ ยังพูดไม่ค่อยคล่อง กำลังฝึก” ไม่ว่าเปล่า อิสรียังเบี่ยงตัวมาพร้อมใช้มือทัดผมที่ใบหูจนเห็นแผลผ่าตัดที่สมานกันดีแล้ว “นี่ค่ะ เพิ่งได้ยินและพูดได้เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองค่ะ ถ้าพี่พิเหงาคุยกับหนูได้นะคะ หนูหัดพูดอยู่ค่ะ”

นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายไปด้วยความสลดพร้อมความประทับใจ เธอได้รู้ในสิ่งที่สงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงพูดได้ช้า เพราะมีความบกพร่องทางร่างกายนี่เอง และประทับใจกับความใจดีที่เผื่อแผ่มาให้

เป็นเด็กน่ารักจริงๆ

“แลกคอนแทกต์กันได้ไหมคะ”

พินรีรีบพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ได้”

แล้วสองสาวก็มีช่องทางการติดต่อกันโดยที่วสุไม่คิดคัดค้านอันใด สิ่งที่อิสรีต้องการ เขาก็อยากให้น้องได้ทำ แม้ว่านั่นจะเป็นการที่ต้องข้องแวะกับยายเด็กหัวรั้นก็ตาม และการได้เห็นคนที่เป็นเหมือนน้องสาวร่าเริงกับการได้รู้จักกับคนใหม่ๆ ก็พาให้เขาอิ่มเอมใจไปด้วย กลัวก็แต่ถ้าสนิทกันมากๆ แล้วพินรีจะพานิสัยไม่ค่อยสมประดีของตนไปติดลูกสาวเขา

“พี่พิทำงานอะไรเหรอคะ”

“หางานอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้มีขายน้ำหอมอยู่”

เด็กสาวเบิกตาโพลง “น้ำหอมเหรอคะ หนูชอบพวกเครื่องหอมมากค่ะ”

ด้านพี่สาวก็รู้สึกเหมือนจะเจอคอเดียวกัน “จริงเหรอคะ พี่ก็ชอบค่ะ”

อิสรีคว้าโอกาสในการโฆษณาร้านเทียนหอมไม่แสวงผลกำไรของตนทันที “หนูมีร้านเทียนหอมด้วยค่ะ ชื่ออโรม่าแอนด์ซาวด์” หล่อนหยุดพูดแล้วเรียบเรียงประโยคต่อเพราะยังอยากเอื้อนเอ่ยอีกหลายอย่าง “หนูชอบทำเทียนหอมค่ะ ถ้าพี่สี่บอกว่ามีคนมาอยู่ด้วย หนูคงเอาเทียนมาเป็นของต้อนรับแล้ว วันอื่นนะคะ”

“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“ว่าแต่พี่อยากไปที่ร้านหนูไหมคะ มีแต่ของหอมๆ ค่ะ พี่พิต้องชอบแน่” เจ้าของออกปากชวนเช่นนั้นมีหรือที่พินรีจะปฏิเสธ เป็นเหตุให้เด็กสาวยิ้มแป้น “และถ้าพี่พิชอบจะมาอยู่ด้วยกันก็ได้ค่ะ”

“...คะ?”

“มาทำงานกับหนูไหมคะ”

คำถามนั้นเรียกสายตาของสารถีให้หันไปมองจนคอแทบเคล็ด...โธ่ น้องอุ้มลูกพ่อ ไม่น่าเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel