2│ลูกเจี๊ยบในเมืองใหญ่ (3)
ให้หลังเพียงหนึ่งลมหายใจ ร่างแน่งน้อยก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกาย เขาขยับไปทางขวาเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่างกับสาวเจ้า แต่อีกฝ่ายกลับขยับตาม เขาขยับหนีอีกครั้ง หล่อนก็ทำเหมือนเดิม ท้ายที่สุดวสุจึงเลิกหลีกหนีแล้วผินหน้าไปหาเพื่อนร่วมห้องที่ส่งยิ้มให้เขาเหมือนพวกที่ลืมวิธีหุบยิ้มก็ไม่ปาน
สุ้มเสียงเข้มดังแหวกอากาศไปเข้าหูคู่สนทนา “มีอะไร”
ไหล่เล็กไหวพอประมาณ “ไม่มีอะไรค่ะ”
“แล้วมานั่งเบียดทำไม ที่ว่างเยอะแยะ”
“อยากนั่งใกล้เฮีย”
หนุ่มวัยสามสิบกลางๆ ลอบถอนหายใจ ปั้นหน้าจริงจังเพื่อพูดคุยในประเด็นสำคัญกับเพื่อนสนิทของน้องสาว “ถ้าเราจะอยู่ด้วยกันมันต้องมีกฎ”
พินรียังคงนั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ไม่ห่างจากเขานัก พยักหน้าขึ้นลงถี่รัวราวเป็นคนว่าง่าย “ค่ะ”
“หนึ่ง เราจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน”
สาวเจ้าเงียบไปเกือบสิบวินาที “แต่เฮียรู้เรื่องของพิได้นะคะ พิไม่หวง”
“หน้าฉันเหมือนคนอยากรู้เรื่องของเธอนักหรือไง”
“แล้วไม่อยากรู้เหรอคะ”
คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากัน เขารู้ดีเลยว่าเด็กนี่เป็นคนพูดยากขนาดไหน แต่มันไม่ใช่ปัญหาเมื่อเขาและเธอต่างคนต่างอยู่ เธออยู่ที่บ้านเกิด เขาทำงานในเมืองกรุง นานทีปีหนจะกลับบ้านสักที ไม่ได้พบเจอกันเป็นกิจจะลักษณะด้วยซ้ำ การจะพูดคุยนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แต่ทุกอย่างมันจบแล้วล่ะ
พินรีอยู่ที่นี่ อยู่กับเขา อยู่ในห้องเดียวกัน และอยู่ข้างๆ จนแทบจะสิงร่างอยู่รอมร่อ
“ก็ไม่อยากน่ะสิ” วสุถอนหายใจพรืด “เรื่องที่สอง เธอควรเว้นระยะห่างกับฉัน”
“ได้ค่ะ”
ปากเธอพูด แต่ตัวเธอไม่ขยับ
เจ้าของห้องหลุบตาลงต่ำ “อย่าได้แต่ปาก ทำด้วย”
สุดท้ายยายเด็กน่าระอาใจก็ย้ายสะโพกจนช่องว่างระหว่างเขากับเธอมีเพิ่มขึ้น
“ข้อสามสำคัญที่สุด” พินรีจ้องผู้พูดตาไม่กะพริบ “เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่ฟรีๆ”
“...คะ?”
“คอนโดฯ นี้ฉันซื้อขาด ไม่ต้องจ่ายอะไร แต่น้ำไฟยังต้องจ่าย” สีหน้าของวสุไร้แววล้อเล่น “เราจะหารกัน”
สาวน้อยเพียงกะพริบตาปริบๆ เพราะวิไลไม่ได้บอกไว้ว่าเธอต้องจ่ายเงินในส่วนนี้ อันที่จริงท่านออกปากเองเลยว่าจะได้อยู่ฟรีเพราะห้องก็ไม่ได้เช่ารายเดือน แต่วสุซื้อขาดแล้ว และพินรีเชื่อว่าวิไลก็คงคิดไม่ถึงเรื่องที่จะต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ
คนตัวใหญ่โพล่งขึ้นสำทับคำของตนเองหวังขยายความ “ฉันไม่ค่อยได้อยู่ที่ห้อง ต้องทำงานเกือบทุกวัน เช้าๆ ก็ออกจากคอนโดฯ แล้ว กว่าจะกลับไม่เย็นก็ค่ำ น้ำไฟเดือนละไม่เกินสองพัน หารกันคนละไม่ถึงพัน” ก่อนว่าต่อ “ปกติฉันจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดสองวันต่อสัปดาห์ อังคารกับเสาร์ เพราะงั้นเธอไม่ต้องทำอะไร แต่ต้องจ่ายห้าร้อย”
“คะ”
“ค่าจ้างแม่บ้านไง วันละห้าร้อย สองวันพัน เราก็ช่วยกันหาร” เรือนคิ้วสีดำย่นเข้าหากัน “ไม่ถูก? ตกเลข?”
ดวงหน้างามส่ายไปมา “ไม่ได้ตกเลขค่ะ พิเข้าใจ”
“ก็ตามนั้น แต่เห็นแม่บอกว่าจะมาหางานทำ”
“ค่ะ”
“ช่วงนี้มีเงินใช้หรือเปล่า”
หญิงสาวนิ่งงัน กะพริบตาถี่เพื่อไล่ความงุนงงที่ต่อแถวเข้ามาสุมในทรวง ก่อนริมฝีปากบางจะค่อยๆ เบนกว้าง สองแก้มนวลเกิดรอยลึกลงไป ตอบเลี่ยงประเด็นระหว่างมีหรือไม่มี “พิกำลังจะหางานค่ะ”
เสียงทุ้มดังเอื่อยๆ มาเข้าหู “รู้ หมายถึงมีเงินหรือเปล่า”
“ก็มีค่ะ นิดหน่อย มีไม่มาก”
“จนกว่าจะหางานทำได้และเงินเดือนจะออก เธอยืมฉันได้”
“ค่ะ” เธอรับคำในวินาทีเดียวกันนั้น แต่มันก็แปรเปลี่ยนเป็นหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น “...คะ? ยืม?”
“ใช่ไง ปกติฉันไม่ให้ใครยืมเงินด้วยซ้ำ แต่เห็นเป็นน้องเป็นนุ่งจะให้ยืม หาได้เมื่อไรรีบเอามาคืน” เท่านี้เขาก็ใจดีมากแล้ว ห้องก็ให้อยู่ ค่าน้ำค่าไฟก็ให้แชร์ จริงๆ พินรีต้องจ่ายคนเดียวด้วยซ้ำ เพราะเขาจ่ายค่าห้องไปตั้งหลายล้านแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนน้องสาวและเด็กเส้นของมารดา เขาคงให้รับผิดชอบคนเดียว “จะยืมไหม”
แม่ค้าน้ำหอมยิ้มแหย “ไม่เป็นไรค่ะ พิว่าพิพอมีทุนอยู่ แล้วถึงพิยังหางานไม่ได้แต่พิขายของได้ค่ะ”
“แน่ใจ? มาขอยืมทีหลังคิดดอกนะ”
เจ้าหล่อนตอบเสียงหนักแน่น “ไม่ยืมค่า”
“ก็ดี” เขากล่าวไปอีกเรื่อง “คิดไว้หรือยังว่าอยากทำงานด้านไหน เผื่อฉันช่วยได้”
ร่างบอบบางเพียงแค่มองหน้าพี่ชายเพื่อนนิ่งๆ ครั้งล่าสุดที่วสุช่วยเธอก็ที่น้ำตก หลังจากนั้นไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน ด้วยเขาโตกว่ามากและเธอก็เริ่มกบฏ เป็นน้องที่คิดไม่ซื่อ ก็ไม่รู้ว่าจากความชื่นชมกลายมาเป็นขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ให้ถอยหลังกลับไปมองเขาเป็นแค่พี่ชายเธอคงทำไม่ได้ เช่นเดียวกับที่เขามองเธอเป็นมากกว่าเพื่อนน้องสาวไม่ได้นั่นแล
แต่ทำไมวันนี้วสุดูใจดี อาจจะไม่มาก แต่มันก็ดีกว่าวสุคนก่อนหน้านี้ที่แค่หน้าเธอเขายังไม่อยากมอง
“เฮียจะช่วยพิเหรอคะ”
“ถ้าช่วยได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพิหาเอง”
ใบหน้าคมคายพยักขึ้นลงอย่างขอไปที “รีบหาล่ะ ไม่มีเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟจะไล่ไปนอนหน้าห้อง” ว่าพร้อมตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน ทว่ามือบางกลับคว้าเข้าที่ข้อมือหนาไว้เสียก่อน
หล่อนใจเต้นแรง และแรงยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้รับสายตาดุดันจากอีกฝ่าย
สาวเจ้ารีบปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ “พิมีเรื่องจะคุยค่ะ”
วสุยอมนั่งแต่โดยดี “ว่ามา”
“เรื่องแม่บ้านน่ะ ให้พิทำไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันสะดวกใจที่จะจ้าง”
หล่อนสวน “แต่พิทำให้ฟรีนะ”
เกิดความเงียบขึ้นหลังสิ้นประโยคของพินรี นัยน์ตาคมกริบของร่างสูงหลุบลงต่ำไปยังบุคคลที่เสนอตัวเป็นแม่บ้าน ชายหนุ่มทวนคำของอีกฝ่ายอยู่ในใจ ยอมรับว่าค่อนข้างสนใจในข้อเสนอนั้นเพราะอย่างไรเสียก็ลดรายจ่ายไปได้ตั้งหนึ่งพัน ที่หมายถึงห้าร้อยบาทเพราะเขาและเธอจะหารกัน
วสุลองหยั่งเชิง “ทำความสะอาดเป็นเหรอ”
“เป็นค่ะ อยู่ที่บ้านพิก็เป็นคนทำ กวาดบ้าน ถูพื้น ซักผ้า ล้างจาน ขัดห้องน้ำ พิทำได้ทุกอย่าง” ร่างแน่งน้อยยังคงนำเสนอตัวเอง “เฮียไม่ต้องจ่าย พิไม่ต้องจ่าย พิทำฟรีเพราะพิมาอยู่ห้องเฮีย ส่วนน้ำไฟหารสองอย่างที่เฮียบอก ตกลงไหมคะ”
เขาหรี่ตาแคบ “แต่เธอต้องทำงาน จะทำไหวรึ”
พินรีพยักหน้าติดกันหลายหน “พิทำได้ค่ะ”
คนอายุมากกว่าย้ำ “ฉันไม่ได้กดขี่เธอนะ เธออาสาเองทั้งนั้น ถ้าเอาไปโพนทะนาว่าฉันบังคับขู่เข็ญให้เธอทำงานแลกที่อยู่ล่ะก็ ฉันเอาเธอตายแน่พิ”
ร่างบางกลับลอยหน้าลอยตายืดอกยิ้มรับ “ถ้าพิทำแบบนั้นจะยอมให้เฮียเอาให้ตายเลยค่ะ”