2│ลูกเจี๊ยบในเมืองใหญ่ (2)
หนึ่งสัปดาห์ให้หลังพินรีก็เดินทางออกจากบ้านเกิดเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง โดยที่วิไลอาสาพาไปเองเลยด้วย หญิงสาวให้เหตุผลกับพ่อแม่ว่าจะไปหางานทำอย่างที่เคยนัดแนะไว้กับเจ้าของห้างทอง ตอนแรกพ่อแม่ก็เป็นกังวลเพราะอยู่ที่บ้านเกิดก็ใช่ว่าจะอดตาย งานการก็มีทำแล้ว แต่ในเมื่อลูกอยากออกไปก็ยากจะหักห้าม ไหนวิไลยังให้คำมั่นสัญญาว่าที่นั่นจะมีวสุคอยดูแลอย่างดี พวกเขาถึงได้เบาใจ
และเพราะมีชื่อของวสุเข้ามาเกี่ยวข้อง ณรงค์และดวงพรจึงเดาได้ไม่ยากว่าทำไมลูกถึงอยากไป นาทีนี้ต่อให้แผ่นดินหรือแผ่นฟ้าก็มิอาจขวางกั้นลูกสาวตนเองได้
ระหว่างทางพินรีเนื้อเต้นด้วยความดีใจ นับจากวันนั้นที่วิไลมาหาถึงบ้าน เธอก็ติดต่อหาเพื่อนสนิทจนได้ทราบแผนการทุกอย่างว่ามีความเป็นมาอย่างไร แต่วลีบอกให้เหยียบไว้ด้วยมันมีความซับซ้อนอยู่มาก อาทิ สดายุไม่ทราบว่าเรื่องที่จะส่งพินรีไปอยู่กับวสุเป็นสิ่งที่สาวๆ คุยกันไว้แล้ว แต่พี่ชายคิดว่ามันเป็นความคิดของเธอคนเดียวที่นึกครึ้มอยากจับคู่ให้คนอื่น มารดาไม่ทราบว่าวลีเป็นคนออกหัวเพราะเธอบงการพี่ชายอยู่เบื้องหลัง และคิดไปเองว่าวสุพาสาวมากกไว้จริงๆ หรือวสุที่จะไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับวลี สดายุและพินรีที่ไม่รู้แน่ชัดถึงเหตุผลที่วสุยอมทำตามคำของคุณนายวิไล
ในสมการนี้ทุกคนล้วนโดนหลอกและหลอกคนอื่น จะมีก็แต่เหยื่อบริสุทธิ์ที่โดนเล่นงานจากทุกภาคส่วนอย่างผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสส.
สำหรับพินรีแล้วรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่คนเราก็แบบนี้ รู้แต่เกินหักห้ามใจ
แมลงเม่ายังบินเข้ากองไฟ แล้วเธอเป็นใครจะไม่บินตามล่ะ
ก็ถ้ามันทำให้ได้อยู่กับวสุ นั่นน่าเสี่ยงดูมิใช่หรือ เพราะหากอยู่ที่บ้านเกิดก็คงมีแต่รอเขาพาสาวชาวกรุงมาเปิดตัว เพื่อนๆ จะได้หัวร่อเอาที่เธอต้องอกเดาะ และคงจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
เธอรักของเธอมาตั้งนาน หน้าไหนจะแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด
ด้วยประการทั้งปวง แม้จะเป็นทางเดียวที่สามารถไต่ไปถึงที่หมายได้ ผิดถูกไม่สน เธอขอไปให้ถึงกลางใจเขาเป็นพอ
“ตื่นเต้นเหรอพิ”
เจ้าของชื่อหันไปทางหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ที่แม้อายุจะเข้าเลขหกแล้วแต่ก็ยังสวยไม่สร่าง ผิวพรรณขาวผ่องเหมือนคุณนายในละครหลังข่าว
เด็กสาวคราวลูกฉีกยิ้มยิงฟันให้เจ้าของคำถาม “นิดหนึ่งค่ะ เมื่องานแต่งรี่ที่ได้เจอเฮียสี่ เฮียเขาหล่อกว่าเดิมอีก พอคิดว่าจะได้อยู่กับคนหล่อๆ แบบเฮีย พิก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ ค่ะป้าวี่”
พินรีก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร หลังผ่านการลั่นวาจาว่าอยากเป็นเจ้าสาวของวสุกลางคนเยอะๆ การที่เธอจะพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่หาใช่เรื่องแปลก
“ชอบล่ะสิ” สาวเจ้ายิ้มเขินอาย แก้มนวลแดงปลั่งเหมือนลูกตำลึงสุก พาคนมองยิ้มตามไปด้วย ก่อนเอ่ยด้วยท่าทีสบายอารมณ์ “ทำให้เฮียเขามาชอบเราสิ ถ้าเป็นพิ ป้ายินดีให้เป็นสะใภ้นะ”
สิ้นประโยคนั้นพินรีก็คล้ายกับถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง เธอรู้ว่าคนบ้านนั้นไม่ได้ต่อต้านหรือรังเกียจรังงอนอะไรกัน แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่วิไลสนับสนุนอย่างตรงไปตรงมา
วิไลว่าต่อ “ป้าเดาว่าตาสี่ก็คงไม่ได้ปิดกั้นตัวเองอะไรนักหรอก” ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดเรื่องลูก และจำเป็นต้องส่งพินรีไปขัดขวางก่อนที่หล่อนจะได้หลานจากผู้หญิงคนนั้นที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย คร้านจะมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ ที่ผ่านมาหล่อนก็ไม่เคยมีประวัติเช่นนั้นด้วยเพราะเข้ากับผลินได้อย่างดี “น่ารักแบบหนูพิน่ะ ทำได้แน่”
“ขอบคุณป้าวี่มากนะคะที่เอ็นดูพิ พิจะพยายามค่ะ กับเรื่องความเคลื่อนไหว” ...ปลอมๆ “ของเฮียสี่กับผู้หญิงคนนั้นพิก็จะรายงานให้ทราบตลอดค่ะ”
“ขอบใจเรามากนะ ถ้าไม่ได้พิป้าก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ทุกวันนี้นอนเอามือก่ายหน้าผากทุกวัน กลัวตาสี่จะได้เมียไม่ดี”
เธอนึกละอายใจแต่ก็กลืนก้อนความรู้สึกนั้นลงคอ การจะได้อะไรมาสักอย่างมันก็ต้องยอมแลกยอมเสียกันบ้าง ที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวลีจะมาไม้นี้ และเรื่องดำเนินไปแล้วก็มีแต่ต้องตามน้ำเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูเต็มใจ หนูจะช่วยสุดความสามารถค่ะ”
จากปราจีนบุรีไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงกว่าเท่านั้น เมื่อมาถึงที่หมายสองสาวต่างวัยก็เข้าไปติดต่อนิติบุคคลของทางคอนโดมิเนียม ก่อนวิไลและพินรีจะช่วยกันขนสัมภาระไปยังชั้นที่สี่สิบซึ่งเป็นชั้นที่ตั้งของห้องพักคณะติดตามท่านสส. สัตรา
ภายในกล่องสี่เหลี่ยมที่ทะยานขึ้นที่สูงมีเสียงพูดคุยของคนสองวัยเคล้าคลอพอให้คลายเหงา
“ตาสี่เขาเลิกงานไม่เป็นเวลา แต่ก็ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ นั่นแหละ แล้วแต่ว่าวันนั้นมีงานอะไร บางงานก็เลิกมืดค่ำพิอยู่ห้องคนเดียวได้นะ”
“สบายมากค่ะ พิก็ขายของ แพ็กของแล้วก็ไปส่ง แค่นั้นแหละค่ะ”
คนอายุมากกว่าระบายยิ้มรับ พอดีกับที่มาถึงชั้นที่หมายจึงก้าวเดินออกไปนอกลิฟต์ เข้าไปภายในห้องที่ไร้ผู้คนเนื่องจากเจ้าของห้องไปทำงานตั้งแต่ช่วงเช้า กว่าจะกลับอีกทีก็ตะวันตกดิน
สิ่งแรกที่วิไลทำหลังเข้ามาภายในห้องคือการสอดส่องสายตามองไปรอบๆ เพื่อดูความผิดปกติ อย่างเช่นข้าวของที่บ่งบอกว่าเป็นของเพศตรงข้าม รองเท้าเอย อะไรเอย หล่อนดูหมด ทว่ากลับไม่พบพิรุธเลยสักอย่าง
เพราะรู้ว่าแม่จะมากระมังถึงได้เก็บไว้มิดชิด
พื้นฐานหล่อนไม่ใช่คนเช่นนี้ด้วยซ้ำ อย่างผลินก็ไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่ไหน แต่เพราะเป็นคนที่จิรัชรักและเจ้าตัวก็ขยันขันแข็ง หนุ่มสาวจะคบหากันหล่อนเคยขัดขวางที่ไหน มีแต่สนับสนุน แต่ไม่ใช่กับคนไม่ดี
“ตาสี่บอกว่าห้องแรกคือห้องว่าง พินอนในนี้นะ” ว่าพลางเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี มีที่นอนครบชุด ทั้งยังสะอาดสะอ้าน
“ค่ะ”
วิไลอยู่ที่นั่นไม่นานนักก็ขอตัวเดินทางกลับปราจีนบุรี ทำให้ห้องทั้งห้องหลงเหลือเพียงพินรีคนเดียว
เธอง่วนอยู่กับการจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางและเดินสำรวจรอบๆ ห้องอย่างใคร่รู้ เดินเข้าไปในส่วนของครัว เปิดตู้เย็นเพื่อดูว่าเขามีอะไรแช่ไว้บ้าง ปรากฏว่ามีแต่น้ำเปล่า ไข่ไก่ เบียร์ และผลไม้อีกนิดหน่อย นอกจากนั้นไม่มีอะไรเลย
เหมือนเขาจะไม่ได้เข้าครัวเพราะนอกจากไร้เงาวัตถุดิบ เครื่องใช้ในครัวยังแทบไม่มีอะไร เตาไฟฟ้าใหม่เอี่ยมเหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน และมีไมโครเวฟ จานชามก็มีไม่มาก ส่วนหม้อหุงข้าวไม่มี อุปกรณ์อื่นๆ ก็ไร้วี่แววว่าจะมีอยู่ที่นี่
ก็นั่นแล ผู้ชายอยู่คนเดียวมันจะอะไรให้วุ่นวาย
สมาชิกใหม่ของคอนโดมิเนียมหรูนั่งๆ นอนๆ อยู่พักใหญ่ เจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมา ทว่ากลับมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากเธอ
เป็นนายแพทย์หนุ่มไฟแรงที่ทำสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรตกหลุมรักไปตามๆ กัน
เธอรู้จักกับเขาผ่านเพื่อน พูดคุยกันตามประสา ไลก์รูปภาพ สเตตัส คอมเมนต์บ้างเป็นครั้งคราว และหมอก็ตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าคลื่นความรู้สึกของคนทั้งสองจะเชื่อมกันไม่ได้ พินรีก็ไม่คิดว่าต้องตัดเยื่อใยในความเป็นเพื่อนพี่น้องทิ้ง ในขณะเดียวกันก็มิอาจสานสัมพันธ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้
Singkhon Sereechai: น้องพิย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เหรอครับ
พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย: ค่ะ ใครบอกหมอคะ
Singkhon Sereechai: น้าพรบอกครับ ไปที่บ้านมาแล้วไม่เห็นเลยถามดู
Singkhon Sereechai: ทำไมถึงไปอยู่ที่อื่นล่ะครับ
พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย: พิมาหางานทำน่ะค่ะ
Singkhon Sereechai: งานของน้องพิทำที่นี่ก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ
พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย: พิอยากหางานเสริมด้วยก็เลยมาอยู่ที่นี่ค่ะ
Singkhon Sereechai: แล้วจะอยู่ที่นั่นนานไหมครับ จะกลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า
พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย: ไม่แน่ใจค่ะ แต่ก็อยากอยู่ยาว
ด้วยเธอไม่ทราบแน่ชัดว่าวสุจะลงหลักปักฐานที่ไหน อาจจะเป็นเมืองหลวงหรือบ้านเกิดก็ได้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็มีงานมีการรองรับ อยู่ที่นี่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสส. ระดับประเทศ กลับบ้านไปก็มีกงสี ชีวิตเขามีทางเลือกหลายทาง ต่างกับเธอนักที่แม้จะไม่ได้ขัดสนแต่ก็มีทางให้เดินเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ใช่เพราะวลี วันนี้เธอไม่มีทางพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน หรือถ้ามาตัวเปล่าก็คงต้องเช่าห้องรูหนูไว้ซุกหัวนอนเพราะคงมิอาจอาศัยในห้องราคาแพงได้ ประเดี๋ยวมันจะเป็นการเบียดเบียนเงินตนเองโดยใช่เหตุ
หมอหนุ่มส่งข้อความมาอีกหน แต่พินรีไม่ได้สนใจที่จะตอบเมื่อมีเสียงกุกกักดังมาจากหน้าห้อง ให้หลังไม่ถึงห้าวินาทีมันก็ถูกเปิดออกโดยชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตเข้าคู่กับกางเกงสแลคที่ยังคงความเรียบร้อยไว้
นัยน์ตาดำขลับตวัดมายังร่างระหงที่รีบปรี่มายืนจังก้าอยู่หลังบานประตูราวกับต้องการมาต้อนรับ
คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างไม่ต่างกับทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา “สวัสดีค่ะเฮียสี่ ขอพิอยู่ด้วยคนนะคะ”
วสุพยักหน้ารับคำอย่างขอไปที ก่อนเดินเลยหญิงสาวไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาในส่วนของห้องนั่งเล่น เขารู้อยู่แล้วว่าพินรีจะเดินทางเข้ามาในวันนี้ และรู้ดีว่าตนเองจะได้เจอกับสมาชิกใหม่เมื่อกลับมาถึงคอนโดฯ ที่หากไม่มีผลประโยชน์อันหอมหวานเป็นที่ดินผืนงามที่เขาใหญ่ เขาไม่มีวันยอมแชร์ห้องกับใครเด็ดขาด
โดยเฉพาะเพื่อนน้องสาวอย่างพินรี!