1│ลูกเจี๊ยบกับหลุมล่อแมว (4)
“ช่วยย้ายเข้าไปอยู่กับตาสี่ให้ป้าหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าแผนของเพื่อนนั้นดำเนินการอย่างไร และรู้ทั้งรู้ว่าการที่วิไลมาขอความช่วยเหลือก็คงเป็นเพราะการเดินเกมของวลี แต่อย่างไรก็ตาม พินรีตกใจอย่างไม่อาจเสแสร้งที่สิ่งนี้มันเกิดขึ้นจริง วงโคจรของเธอและคุณรักแรกขยับเข้าใกล้กันอย่างที่เคยวาดฝันไว้มาตลอด
เสียงละมุนแลดูอ่อนโยนยังดังกระทบใบหู “ช่วยป้าหน่อยนะพิ ป้าไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว มีแค่พิคนเดียวเท่านั้นที่ป้าไว้ใจให้ช่วย”
สาวเจ้าเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนคลายมันออกเพื่อสอบถามให้หายสงสัย “ใช่ว่าพิช่วยไม่ได้หรอกนะคะ แต่พิถามได้ไหมว่าเฮียสี่มีปัญหาอะไร”
คราวนี้วิไลระบายลมหายใจอย่างเครียดจัด คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน ความกังวลฉายชัดในแววตา “ป้าไม่อ้อมค้อมเลยนะ ตาสี่กำลังหลงผู้หญิงคนหนึ่งจนหน้ามืดตามัวเสียเงินเสียทองให้หลายบาทแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ขยันสูบเลือดสูบเนื้อ ป้าทนให้ลูกตัวเองตกอยู่ในสภาวะแบบนั้นไม่ได้หรอก ก็เลยหวังจะให้พิไปอยู่คอยกันผู้หญิงคนนั้นออกจากตาสี่ ทำยังไงก็ได้ให้แม่นั่นหายไป ไม่มาวุ่นวายกับลูกชายป้าอีก”
พินรีเงียบไปทันที จบเรื่องนี้หล่อนจำเป็นต้องถามไถ่เพื่อนสนิทว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไร หรือเรื่องที่วสุติดสาวจะไม่ใช่แผนของวลี แต่เขามีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆ วิไลถึงได้ดูเป็นกังวลนัก
เห็นเด็กสาวไร้ปฏิกิริยาตอบรับ หล่อนก็ร้อนรน “ป้าไม่ได้ให้ทำฟรีๆ นะพิ ป้ามีค่าเสียเวลาให้”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ” ก่อนเสริม “แต่รี่บอกว่าเฮียสี่โสด กับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้คบกันจริงๆ เหรอคะ”
“ตายี่ไม่ได้บอกนะว่าคบ แต่ขนาดไม่ได้คบยังเสียหายหลายแสน แถมแม่นั่นก็ไม่ทำงานทำการอะไร ป้ายอมรับไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นนะหนูพิ ช่วยป้าเถอะ”
“พิช่วยได้ค่ะ แต่พิจะไปอยู่กับเฮียสี่ได้ยังไงคะ เฮียเขาไม่ชอบพิเลย”
วิไลบิดยิ้มอย่างพึงพอใจในคำตอบและไม่คิดเอะใจที่พินรีตกปากรับคำโดยง่าย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเด็กคนนี้รู้สึกอย่างไรกับลูกชายของตน ที่หากให้พูดกันตามตรงว่าถ้าได้พินรีเป็นสะใภ้ วิไลก็ยินดี ด้วยเป็นเด็กขยัน สู้งาน หน้าตาน่ารัก นิสัยดี เข้ากับคนในครอบครัวหล่อนได้ พ่อแม่ของเจ้าตัวก็เป็นคนขยัน ครอบครัวอบอุ่นไร้ความวุ่นวาย ไม่มีอะไรให้ต้องติดใจเลย
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาจ้ะ แค่เตรียมตัวย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ก็พอ เหตุผลที่พิย้ายไปให้บอกกับตาสี่และคนอื่นๆ ว่าต้องการไปหางานทำ ที่ไม่ต้องทำจริง เราก็ขายน้ำหอมต่อไปนั่นแหละ ก็แค่ไปคอยขัดขาตาสี่กับแม่นั่น มีอะไรก็รีบรายงานป้าทันที”
ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาพยักขึ้นลงอย่างเชื่องช้า
“เรื่องนี้ต้องเป็นความลับระหว่างเรา อย่าให้สี่รู้เด็ดขาดว่าพิเข้าไปอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นสายให้ป้า โอเคไหม”
“ค่ะ”
“เรื่องพ่อแม่พิ ถ้าป้าพูดมันจะมีพิรุธ ป้าวานพิพูดเองได้ไหม บอกว่าจะเข้าไปหางานที่นั่นและพักกับตาสี่ พอดีคอนโดฯ มันมีสองห้องนอน แชร์กันได้”
“เรื่องพ่อกับแม่เดี๋ยวพิจัดการเองค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่า...”
หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าหากัน “แล้ว?”
“ถ้าเฮียสี่เขาไม่ยอมให้พิย้ายไปอยู่ด้วยล่ะคะ”
มุมปากของวิไลกระตุกขึ้น “ต้องยอมอยู่แล้ว ป้ามีไม้เด็ด”
ไม้เด็ด...ที่พร้อมล่อให้เหยื่อติดกับชนิดเต็มใจเดินลงหลุมพรางเองเลยด้วยซ้ำ
.
.
.
วสุเดินออกจากลิฟต์พร้อมถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในมือซ้าย และสมาร์ตโฟนที่อยู่ในมือขวา โดยมุ่งหน้าไปยังห้องพักของตนเอง
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาน้องสาวนอกไส้อย่างอิสรี ซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของอัปสราได้เปิดร้านเทียนหอมเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Aroma & Sound ซึ่งเป็นร้านที่ขายเทียนหอมโดยไม่แสวงหากำไร ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการขายสินค้าจะถูกนำไปเป็นทุนการรักษาผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หัวเรือหลักเป็นคุณหญิงพิมพิมาน แม่ของสส. สัตราที่เข้ามาดูแลและจัดการให้จนมีอโรม่าแอนด์ซาวด์
เขาที่เอ็นดูอิสรีเหมือนน้องสาวแท้ๆ ก็พลอยดีใจไปด้วย ทั้งยังนับถือหัวใจอันยิ่งใหญ่ของเด็กสาวที่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
อิสรีพูดเก่งขึ้นตามลำดับ รวมไปถึงการพิมพ์ที่เรียบเรียงประโยคได้ดีกว่าเก่า จากแต่ก่อนที่จะสลับตำแหน่ง บ้างก็ขาดคำเชื่อม แต่ปัจจุบันเริ่มเป็นประโยคที่สมบูรณ์แล้ว
อุ้ม: พี่สี่ชอบกินแต่ของเวฟ มันไม่ดีค่ะ
คุณสี่: มันสะดวกน่ะ
อุ้ม: แต่โซเดียมเยอะ เป็นโรคไตได้นะคะ ถ้าเป็นไตต้องฟอกไต เวลาป่วยทรมานค่ะ ไม่ป่วยดีที่สุดนะคะพี่สี่ หนูพูดเพราะอยากให้พี่ๆ ของหนูทุกคนสุขภาพแข็งแรง อยู่กับหนูไปนานๆ
คุณสี่: โอเค จะพยายามลดแล้วกัน
อุ้ม: พี่สี่ อยากกินราดหน้ายอดผักที่เยาวราช แต่วันนี้หนูกินข้าวไปแล้วน่ะสิ
อุ้ม: พรุ่งนี้ว่างไหมคะ
คุณสี่: จุดประสงค์หลักที่ทักมาเพราะแบบนี้ล่ะสิ
อุ้ม: แหะๆ
คุณสี่: พาไปได้ เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่ไปรับ
อุ้ม: ขอบคุณค่า
เขาจำต้องละความสนใจไปจากหน้าจอมือถือที่เปิดหน้าแชตของอิสรีไว้ เมื่อหางตาเห็นบานประตูห้องของน้องชายเปิดออกพอดี พร้อมชายฉกรรจ์ทั้งสามที่เดินออกมาจากห้อง
วสุเพียงแค่ชายตามองน้องในไส้อย่างสดายุ และน้องในกลุ่มอีกสองหน่อ เขมราฐกับคมชาญ
พี่ใหญ่ไม่เอ่ยอะไรสักคำแต่แววตาที่มองคนทั้งสามสามารถสื่อได้ว่า ‘ไอ้พวกนี้จะออกไปเมาหัวราน้ำตั้งแต่หัววันอีกแล้วสิท่า’ ซึ่งสดายุคงเข้าใจได้
ผู้ช่วยสส. ฝ่ายเบ็ดเตล็ดแก้ตัวเหมือนพวกกินปูนร้อนท้อง “จะไปหาข้าวกินครับ”
ไหล่หนาไหวเล็กน้อย “ใครว่าอะไร”
“เฮียมองเหมือนด่า”
“ไม่ได้ด่า” ว่าจบก็ปลีกตัวเข้าห้อง ยกมือถือมาแชตไปบอกอิสรีว่าให้เข้านอนไวๆ พักผ่อนเยอะๆ แล้วจึงจัดการอาหารเย็นจวนค่ำของตัวเอง
เขาคุยกับน้องบ่อยขึ้นเพราะรู้สึกเอ็นดูทั้งยังถูกชะตา และอิสรีทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เลี้ยงลูกจริงๆ ได้เห็นการเจริญเติบโตในแต่ละก้าวที่ทุกการก้าวเดินนั้นทำเขาเป็นปลื้มอยู่พอสมควร ยายเด็กก็ขยันแจกเทียนหอมให้กับพี่ๆ ทุกคน กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าห้องไหนๆ ก็มีเทียนหอมฝีมืออิสรีเป็นหนึ่งในของตกแต่ง
ลูกสาวเขาล่ะ เลี้ยงมากับมือ
ทว่ายังไม่ทันจะได้ลงมือทานอาหารก็มีสายเรียกเข้าจากมารดาดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน เขาทิ้งบทบาทพ่อปลอมมาเป็นลูกชายคุณนายวิไล วางช้อนลงแล้วกดรับสายของแม่อย่างไม่อิดออด “สวัสดีครับ โทร. มาป่านนี้มีอะไรหรือเปล่า”
(แม่โทร. หาลูกต้องมีธุระด้วยเหรอ ไม่มีธุระโทร. หาลูกตัวเองไม่ได้ใช่ไหม)
เขาพยายามทำความเข้าใจว่าคนปลายสายอยู่ในช่วงวัยทอง จึงไม่คิดต่อปากต่อคำ
“โทร. ได้ครับ”
แต่ที่วิไลเลือกโทร. ตอนนี้เพราะมั่นใจว่าลูกน่าจะว่าง ด้วยช่วงเช้าวสุติดตามเจ้านายไปทำงานอยู่ตลอด จะว่างก็ช่วงนี้ (สบายดีไหม)
เรือนคิ้วเข้มตัดกับสีผิวขมวดเข้าหากัน “ก็สบายนะครับ เรื่อยๆ”
(แล้วตอนนี้อยู่กับใครหรือเปล่า)
“คนเดียวครับ ผมจะไปอยู่กับใครได้”
(ก็นึกว่ายี่อยู่ด้วย)
วสุหลุดเสียงหัวเราะในลำคอ “โน่น ออกไปหาอะไรกินกับพรรคพวกมันแล้วล่ะรายนั้น”
(สี่)
จู่ๆ เสียงของมารดาก็จริงจังขึ้นมาจนเขาสัมผัสได้ “ครับ”
(แม่มีธุระจะคุยด้วย)
“ว่ามาเลยครับ”
(แม่จะขอให้เราแชร์ห้องหน่อยน่ะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามีคนเข้าไปอยู่ด้วย)
บุตรชายหน้าตึงขึ้นมาทันตาเห็น รีบปฏิเสธเสียงแข็ง “อะไรกันครับแม่ พูดเรื่องอะไรเนี่ย แล้วใครจะมาอยู่กับผม ไม่เอานะ ผมไม่ให้ใครมาอยู่ด้วยทั้งนั้น”
วิไลคันปากยุบยิบอยากค่อนขอดเรื่องที่ได้ทราบมาจากเหยี่ยวข่าว กลัวคนอื่นจะไปอยู่แล้วขัดเวลาจะได้กกสาวน่ะสิ ถ้าเป็นผู้หญิงดีๆ หล่อนจะไม่ขัดเลยสักนิด ดีเสียอีกที่ลูกจะมีเมียสักที แต่ทั้งที่เรียนก็สูง ไหนยังดูไม่ใช่คนโง่อีก แต่กลับถูกสาวหลอกสูบเลือดสูบเนื้อไปได้ตั้งหลายบาท ขืนปล่อยไว้มีหวังหมดตัว
(น้องจะเข้าไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้อยู่กับเราด้วยไม่ได้หรือไง ไหนๆ ก็มีตั้งสองห้องนอน)
“น้อง?” เขาทวนคำก่อนทำหน้าแหยซึ่งถูกกลั่นออกมาจากจิตใจอย่างไม่คิดปิดบัง เพราะไม่ค่อยจะถูกโรคกับน้องสาวปากแจ๋ว “มันจะมาทำไมมัน ไม่อยู่กับเคทอะ”
(ไม่ใช่ยายรี่)
“แล้วใครครับ”
(หนูพิ)
พิ...พินรี ยายเด็กเจ้าของผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย’ ที่เขาบล็อกไปตั้งแต่แอดเฟรนด์มาน่ะหรือ
ชื่อนี้แย่ยิ่งกว่าชื่อน้องสาวแท้ๆ เสียอีก!