CHAPTER. 6
กว่าจะพาตัวเองมาถึงหมู่บ้านจัดสรรที่เพื่อนอาศัยได้แทบรากเลือด แท็กซี่ไม่มีให้เรียกใช้บริการไม่ว่าจะบนถนนหรือผ่านแอปพลิเคชัน ครั้นลงจากรถไฟฟ้าพิมพิสาจึงต้องพึ่งขาทั้งสองข้าง ความเศร้าเสียใจถูกแทนที่ด้วยความปวดเมื่อย
กึก!
“เอ้า” คนสวยชุดแดงเสียหลัก ไม่ใช่เพราะฤทธิ์สุราแต่เป็นเพราะบาทวิถีของกรุงเทพมหานครที่เล่นระดับ ส้นรองเท้าสูงแค่สองนิ้วดันตกร่องแล้วหักเสียอย่างนั้น
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียให้พอ โดนแฟนบอกเลิกคืนปีใหม่ ไม่มีรถกลับ แถมยังจะรองเท้าพังอีก เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านพนักงานรักษาความปลอดภัยมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ใช่การคุกคามคล้ายระแวงในความปลอดภัย แต่เพื่อนของเธอโทรมาแจ้งทางป้อมยามแล้ว เขาจึงปล่อยให้เข้าไปด้านในได้
“อ้าว ทำไมหลานยังไม่นอน” ไม่ทันกดกริ่งหน้าบ้าน คนด้านในก็รีบเดินออกมาที่รั้ว ทว่าเพื่อนของเธอกระเตงลูกออกมาเปิดประตูด้วย
“แงงงงง!” เด็กหญิงร้องลั่นก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นแม่ “กัว ปี๋”
“น้าแพรเองลูก” สารพัดสิ่งถาโถมทำเอาเครียดอยู่แล้ว แต่มันยังเครียดเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อนิ้วป้อมชี้มาที่เธอ นั่นหมายถึงว่าเธอเหมือนผีใช่หรือไม่
“ไปเลยค่ะนังน้าแพร ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเลยค่ะ ทำลูกฉันแหกปากร้องอีก” พิชญ์นาฎหรือแน้ต ผายมือเชิงไล่เพื่อนให้เข้าไปด้านในโดยด่วน ดึกดื่นป่านนี้ทำเสียงดังเพื่อนบ้านจะรุมสาปเอาได้
พิมพิสายังคงงุนงงจนกระทั่งได้เห็นรูปโฉมตัวเองผ่านกระจกเงา ดวงตาเลอะเครื่องสำอางสีดำเลอะเป็นทางยาวตามแนวแก้มจรดปลายคาง เข้าใจแล้วว่าก่อนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยระแวงอะไรเธอ ก็เล่นน่ากลัวราวกับหลุดออกมาจากหนังเขย่าขวัญเสียขนาดนี้!
“ทำไมไม่ใช้มาสคารากันน้ำ” พิชญ์นาฎถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องนอน
สามีของเธอต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยด้วยเรื่องงาน การมีเพื่อนมาขอค้างอ้างแรมนับว่าช่วยคลายเหงาได้ดีทีเดียว
“ใช้แล้ว อายไลเนอร์ต่างหากที่เลอะ” แพรแก้ไขความเข้าใจผิด หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กในห้อง มองเพื่อนกล่อมลูกเข้านอน
เจ้าของบ้านเลิกพูดเล่น ก่อนจะหรี่ไฟในห้องให้มืดเหมาะกับการนอนเมื่อเห็นว่าลูกสาวทำท่าเคลิ้มจะหลับ “คุยมืด ๆ งี้ไปก่อนนะ”
“เอาเลย ตามสบาย” พิมพิสาไม่มีลูกแต่ก็เข้าใจหน้าที่คนเป็นแม่ อีกอย่างเธอก็มารบกวนเพื่อนยามดึกด้วย
“เกิดไรขึ้น อ่านข้อความในกลุ่มแล้วโคตรตกใจ ทะเลาะกันเหรอ” พิชญ์นาฎถามเข้าประเด็น
ประมาณชั่วโมงก่อนจู่ ๆ ยัยเพื่อนตัวดีก็ส่งข้อความลงแชตกลุ่มว่าเลิกกับกรณ์แล้ว คู่นี้คบหากันมานานหลายปี ไม่มีฝ่ายไหนเป็นพวกชอบใช้อารมณ์ ดูอย่างไรก็ไม่น่ามีปัญหาจนถึงขั้นแตกหักได้ แต่นั่นก็เป็นมุมมองของคนนอกเช่นเธอ
“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย” พิมพิสาส่ายหน้า “เลิกแล้วจริง ๆ กรณ์บอกว่าควร…พอแค่นี้”
แผลยังสดใหม่ กล่าวถึงแค่ประโยคเดียวน้ำตาพลันรื้นอย่างช่วยไม่ได้ พิชญ์นาฎถอนหายใจ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปกอดเพื่อนเพื่อปลอบโยน
“พรุ่งนี้ค่อยคุย ไปนอนสักตื่นไป จะได้ดีขึ้น”
“ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกนะแน้ต” ประโยคเมื่อครู่ติดจะเกรงใจ ในช่วงเวลาเช่นนี้เธอต้องการอยู่กับเพื่อนก่อนกลับไปเป็นพิมพิสาคนเดิม
“โอ๊ย เพื่อนกันจะเป็นไรไปล่ะ” เธอคิดว่าเพื่อนมีไว้สนับสนุนและเป็นที่พึ่งพิงยามตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ตอนนี้เองก็เช่นกัน “กล่อมลูกแล้วฉันคงไม่ต้องกล่อมแกด้วยใช่มั้ย”
“บ้า ไม่ต้อง” พิมพิสาหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ จากนั้นก็ปลีกตัวไปที่ห้องนอนของแขก
ภายใต้ผ้าห่มผืนนุ่มหญิงสาวพลิกตัวหลายตลบ นอนท่ามกลางความมืดมาเป็นชั่วโมงแล้วแต่ยากจะข่มตาให้หลับได้ เริ่มต้นปีวันแรกด้วยเรื่องแย่ ๆ แต่เธอไม่คิดตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา ถึงจะสูญเสียความรักที่พยายามประคับประคองมาตลอดห้าปี แต่ชีวิตยังต้องก้าวต่อไป
---------
แค่หน้าเลอะคราบอายไลเนอร์นิดหน่อยเอ๊ง ....กัว ปี๋ กันไปได้เนอะ !!...นี่ไรท์เอ๊ง 555 ..ไรท์ฝากกดติดตาม กดหัวใจ ❤️ และเพิ่มเข้าชั้นกันด้วยน๊า