บท
ตั้งค่า

บทที่๖ (๑)

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังก้องเข้ามาในห้องที่มีร่างบางกำลังนอนหลับใหลภายใต้ผ้าห่มผืนหนา หล่อนกลับมาจากทะเลได้สองวันแล้ว เข้าสู่การทำงานจนหัวหมุนอีกครั้ง วันนี้พอได้หยุดช่วงเช้าจึงตักตวงนอนให้เต็มอิ่ม

แต่เหมือนคนในบ้านจะไม่เป็นใจ มาปลุกแต่เช้าจนนารากานต์ต้องหยิบหมอนใบใหญ่มาปิดหูเอาไว้ ไม่ยอมลุกขึ้นไปเปิดห้อง

“หนึ่ง หนึ่ง เปิดประตูให้แม่หน่อย หนึ่ง ยัยหนึ่ง” เมื่อเห็นว่าเคาะประตูอย่างเดียวไม่ได้ผล จึงทำการเรียกเสียงดังเล่นเอาคนที่ทำเป็นไม่สนใจต้องถอนหายใจเสียงดัง พลางชักดิ้นชักงออยู่ใต้ผ้าห่ม รู้ทันทีว่าถ้ายังไม่ไปเปิด แล้วแม่เอากุญแจจากแม่บ้านมาเปิดเองต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่

หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองยังเป็นเด็กเล็กที่มีแม่คอยกำกับ เสียแต่ว่าตอนยังเด็กแม่ไม่มาดูดำดูดีเพราะยุ่งกับงานเท่านั้นเอง...

“แม่คะ หนึ่งง่วงต้องการเวลาพักผ่อนค่ะ แม่มาเคาะทำไมแต่เช้าคะ” จำต้องลุกจากที่นอนแล้วคว้าชุดคลุมมาสวมเอาไว้ เพราะเธอใส่ชุดนอนเนื้อบาง กลัวว่ามันจะโป๊จนทำให้มารดาเอ็ดได้

เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง บ่นเล็กน้อยก่อนขึ้นนอนบนเตียงอีกรอบ ไม่สนใจว่าท่านจะพูดหรือบ่นอะไรให้ฟัง กลายเป็นว่าหล่อนชินเสียแล้ว

“เช้าอะไรของเรา สายจนตะวันแยงก้นแล้ว ตื่นสายแบบนี้ไงเลยไม่มีแฟนกับเขาสักที” ท่านพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ จนเธอเบื่อ

คิดว่าน้องชายแต่งงานมีลูกแล้วจะทำให้คุณภวิกาปล่อยตนไปได้ แต่เหมือนจะหนักข้อขึ้นทุกวันเพราะหมายตาลูกเขยคนเก่งเอาไว้ ถึงจะตัวติดกับหลานสาวอย่างศศิมณฑล ก็ไม่วายมาบงการชีวิตลูกสาวอีกจนได้

“ค่ะ ถ้ามีแฟนต้องตื่นเช้าหนึ่งก็ขอโสดแบบนี้ไปตลอดชีวิตดีกว่า” เอาผ้าห่มคลุมศีรษะบอกเป็นนัยว่าต้องการพักผ่อน ทว่าคุณผู้หญิงของบ้านฤกษ์เดชาไม่ยอม ท่านดึงผ้าห่มออกแล้วจับแขนบุตรสาวบังคับให้ลุกนั่ง

เล่นเอาร่างบางถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วขืนตัวเองเอาไว้ไม่ยอมลุกตามที่ท่านต้องการ

“ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน”

“ค่อยคุยได้ไหมคะ ขอนอนอีกสักงีบหน่อย” ยังคงปักหลักนอนอยู่บนเตียง เล่นเอาคนมากด้วยวัยจำต้องปล่อยลูกสาวให้นอน ก่อนหยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมาถือเอาไว้ แล้วเข้าเรื่องทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

ท่านเองก็ต้องออกไปข้างนอกเหมือนกัน ทว่าเรื่องของลูกสาวก็ต้องเคลียร์ให้จบ ข้องใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่ได้ถามให้รู้ความสักที

“เรื่องเรากับคุณภพที่ทะเลหมายความว่ายังไง” ดวงตากลมที่หลับกลับเบิกกว้างขึ้นทันที แต่ดีที่นอนหันหลังให้มารดา อีกฝ่ายจึงไม่รู้ว่าหล่อนตระหนกเหมือนวัวสันหลังหวะมากแค่ไหน

“ไม่ไงค่ะ เจอกันที่งานแต่งแค่นั้น” มือบางกำเข้าหากัน อุตส่าห์พยายามลืมเรื่องคืนนั้นแต่เหมือนว่ามันยังไม่จางหายไปสักที แค่เห็นรอยสีกุหลาบตามขาก็คิดถึงใบหน้าคม และเสียงหวานที่เขาเอ่ยชมว่าผิวของเธอสวยแค่ไหน

‘ผิวเธอเนียนดี..ฉันฝากเอาไว้หลายรอยได้ไหม’ เสียงกระซิบขออนุญาตที่ข้างหู ทั้งยังเม้มติ่งหูของเธอจนร่างบางอารมณ์เตลิด

‘อือ ตามใจคุณ’ เผลอตอบรับแล้วเปล่งเสียงครางในลำคอยามปากหนาเม้มลงที่ผิวเนื้อนวล

นารากานต์เม้มปากแน่นไม่อยากนึกถึงคืนนั้น ถึงจะยอมรับว่าครั้งแรกมันดีแค่ไหน เขาทะนุถนอมหล่อนมากเท่าใดก็ตาม แต่ก็ทำให้หน่วงท้องไปเกือบสองวันเต็ม เดินแปลกจากปกติจนกลัวคนอื่นจะจับได้...ว่าเพิ่งเสียสาวครั้งแรกตอนอายุสามสิบสี่

“ถ้าแค่นั้นแล้วทำไมมีข่าวว่าเราออกมาจากห้องเขาตอนเช้า แถมเสื้อผ้ายังไม่เรียบร้อยอีก” จากที่นอนอยู่ก็เด้งตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าแม่ไปเอาข่าวนี้มาจากที่ไหน เชื่อว่าปภพคงไม่เอาไปโพนทะนาหรือบอกใครแน่

เขาหวงความโสดจะตาย...ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่รักคงไม่ป่าวประกาศบอกคนอื่นหรอก

“ข่าวมั่วค่ะแม่” รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ยืนยันเสียงแข็งไม่ยอมให้แม่ได้ใช้โอกาสนี้เพื่อบังคับตนเอง แต่คุณภวิกาก็ฉลาดพอจะเปิดไลน์แล้วบอกลูกสาว ท่านเห็นปฏิกิริยาของนารากานต์ก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องเล่าจากปากของคนอื่น คงมีความจริงอยู่บ้าง

“แต่มันมีเป็นคลิปจ้ะลูกรัก”

“คลิป...คลิปอะไรคะ” คิ้วโก่งแทบชนเข้าหากัน ใจหวิวกับคำพูดของท่านแล้วกลัวว่าเรื่องคืนนั้นปภพจะแอบอัดคลิปเอาไว้

คุณภวิกาเปิดคลิปแล้วยื่นให้ลูกสาวได้ดู เพราะตนเองก็ดูหลายรอบเพื่อให้มันใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือนารากานต์

“ดูซะ ดูให้เต็มตา คุณหญิงคุณนายเขาแชร์กันให้ว่อนไลน์ แม่เกือบไม่เห็นแล้วถ้าไม่นั่งข้างคุณทัศนันท์แล้วเขาเปิดดูพอดี”

ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับตนเองที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากห้อง สภาพเรียกว่าดูไม่จืด ผมเผ้ารุงรังและชุดไม่ค่อยเรียบร้อย แน่ล่ะ...ตอนนั้นแทบไม่ได้จัดการตัวเองให้ดี คิดแต่อยากออกจากห้องของเขาให้เร็วที่สุด

เกือบถอนหายใจโล่งอกแล้วเพราะไม่เห็นผู้ชาย แต่เขาดันเปิดประตูออกมาจากห้องพอดีก่อนคลิปจะตัดไป คำแก้ตัวที่กำลังจะเอ่ยถูกกลืนหายลงไปในลำคอ...

“มันไม่มีอะไรค่ะแม่ หนึ่งเมาเลยเข้าห้องผิด” จะบอกว่าไม่ใช่ห้องของปภพก็ไม่ได้ด้วย เธอจำต้องพูดความจริงบางส่วน แต่ก็โกหกซะส่วนใหญ่

ใครจะกล้าบอกมารดาว่าได้เสียกับชายในคลิปแล้ว ทั้งตัวเองเป็นคนเอ่ยปากอีกต่างหาก ไม่พ้นโดนจับคลุมถุงชนน่ะสิ

“แน่ใจเหรอว่าแค่นั้น”

“ค่ะ แค่นั้น ไม่มีอะไรเกินเลย” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้ท่านมั่นใจ ถึงหล่อนจะอกสั่นขวัญแขวนมากแค่ไหนก็ตาม ต้องปฏิเสธให้สุด ไม่มีใครรู้หรอกว่าหล่อนกับเขาเกิดเรื่องเกินเลยขึ้น ก็มีแค่เดาไปต่างๆ นานา

“ถึงมันจะไม่มีอะไรเกินเลยแต่คนอื่นพูดกันสนุกปาก ว่าเราโดนเขาฟันแล้วทิ้งบ้างล่ะ รักสนุกบ้างล่ะ หวังจับคุณภพแล้วเขาไม่สนใจ แม่รู้ว่าลูกแม่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่คนอื่นเขาไม่รู้ด้วยแล้วคนที่เสียหายคือเรานะยัยหนึ่ง”

คุณภวิกาไม่คิดว่าลูกสาวจะไม่สนโลกขนาดนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตนารากานต์ไม่เคยมีเรื่องให้ปวดหัวเลย ทำตัวอยู่ในกรอบมาโดยตลอด จะมีห่วงก็เรื่องคู่ครองอย่างเดียว กลัวว่าลูกจะขึ้นคานจนต้องหาชายหนุ่มมากหน้าหลายตามาให้ทำความรู้จัก

แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจใครสักคน โปรไฟล์ดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น

“ช่างเขาเถอะค่ะ อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ไม่เป็นความจริงสักหน่อย”

“ปล่อยไปแบบนี้แล้วจะมีผู้ชายที่ไหนเข้ามาหาเรา แม่ไม่ยอมหรอก แม่จะให้คุณภพรับผิดชอบ” มารดาพูดอย่างเด็ดขาดแล้วกำลังจะเดินออกจากห้อง เพื่อไปคุยกับปภพให้รู้เรื่อง แต่ร่างบางก็มาคว้าแขนท่านเอาไว้เสียก่อน

“แม่คะ! แม่เลิกยุ่งเรื่องของหนึ่งสักทีได้ไหม ตอนสองก็ครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้ปล่อยให้หนึ่งตัดสินใจทุกอย่างเองเถอะค่ะ แม่ทำแบบนี้หนึ่งอึดอัด” โวยวายพลางใส่อารมณ์ เธอไม่ชอบที่มารดาเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการทุกอย่าง แค่ยอมไปดูตัวก็ถือว่าถึงที่สุดแล้ว

หากต้องแต่งงานเพื่อรักษาหน้าตาโดยไม่ได้รัก...เธอทำไม่ได้หรอก ไม่มีวันทำแบบนั้นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกับปภพว่าที่ลูกเขยซึ่งท่านรักนักหนา

“หนึ่ง แม่หวังดีกับลูกนะ” ถอนหายใจพลางบอกเสียงอ่อน ค่อนข้างสะเทือนใจกับคำพูดของนารากานต์ แต่ก็ยังยึดมั่นในความคิดของตัวเองเช่นเดิม

“ถ้าการหวังดีของแม่คือให้หนึ่งไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก หนึ่งไม่ต้องการค่ะ” ประกาศกร้าวเสียงแข็ง สู้ตามารดาไม่ยอมหลบ เธอจะไม่ยอมให้ชีวิตของตนเองถูกท่านลิขิตอย่างแน่นอน หญิงสาวต้องการเลือกคู่ครองเอง และมันต้องมาจากความรักเท่านั้น

“ยังไงก็ต้องแต่ง แม่จะไปคุยกับคุณภพเอง” ยืนยันเสียงหนักแน่นแล้วปลดมือลูกสาวออก

“แม่ต้องการให้หนึ่งแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นมากเหรอ ถ้าหนึ่งแต่งไปแล้วไม่มีความสุดหรือสุดท้ายลงเอยด้วยการหย่า แม่ก็ยังจะให้แต่งใช่ไหม” ดวงตากลมแดงก่ำแล้วถามขณะที่มารดากำลังจะเดินออกจากห้องนอนของตน

เจ็บใจจนได้แต่กำมือแน่น ชีวิตของเธอตั้งแต่ย่างเข้าวัยเลขสามก็มีแม่มาบงการ จากที่ไม่ค่อยเจอหน้าก็พบทุกวัน ตอนเด็กต้องการมากแค่ไหนท่านไม่เคยมาให้เห็นหน้าขนาดอยู่บ้านเดียวกัน พอตอนนี้อยากแสดงเป็นแม่

มันก็เหมือนจะสายไป...

“ใช่ คุณภพเหมาะสมกับลูกที่สุดแล้ว” คนมากด้วยวัยยังยึดถือความคิดของตนเอง ท่านเป็นผู้นำบริษัทเคียงคู่สามี อยู่ที่บ้านก็ยังยึดถืออำนาจนั้นมาบงการชีวิตของลูก เพื่อเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ ถึงจะได้บทเรียนจากเรื่องของทิวากรแล้วก็ตาม

ประตูห้องถูกปิดลงปล่อยร่างบางให้ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น เธอโกรธจนน้ำตาไหลแล้วเดินมาลงกับหมอน ด้วยการชกลงไปเพื่อระบายอารมณ์อึดอัด

“บ้าเอ๊ย!” สบถอย่างขัดใจ หากเป็นเด็กก็คงนั่งลงชักดิ้นชักงอ หรือร้องไห้เสียงดังจนแม่บ้านต้องมาปลอบ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาหรือความอ่อนแอของตัวเอง

เสียงเปิดประตูทำให้เธอต้องหันไปมอง พบเพื่อนสนิทเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับน้องชายที่ตามไม่ห่าง เธอจึงรีบเช็ดน้ำตาแล้วจับสาบเสื้อเข้าหากัน

“หนึ่ง เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรทำไมร้องไห้” วรรณวรินถามด้วยความเป็นห่วง เห็นคุณภวิกาเดินออกจากห้องเพื่อนด้วยหน้าตาไม่สู้ดีนัก เกรงว่าจะมีเรื่องบาดหมาง อีกฝ่ายยอมแม่เสียที่ไหนล่ะ

“โมโหน่ะ” ขึ้นนั่งบนเตียงพลางถอนหายใจ โดยที่คุณแม่ลูกสองก็นั่งลงข้างกาย แล้วลูบหลังเป็นการปลอบ รู้ดีว่านารากานต์ใจร้อนมากแค่ไหน บางทีก็ทำอะไรไปโดยไม่ทันได้คิดถึงผลลัพธ์

อย่างตอนนี้เธอเองก็ได้ยินข่าวคราวมาบ้าง ขนาดไม่ค่อยได้เข้าสังคมกับคนอื่น เรื่องของปภพและนารากานต์โด่งดังในสังคมไฮโซพอสมควร ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเพื่อนหล่อนว่าไปอ่อยท่านประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่ หวังลงจากคานทองที่เกาะมานาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel