บท
ตั้งค่า

บทที่๔ (๑)

ทั่วทั้งงานแต่งคนที่เป็นจุดสนใจเห็นจะหนีไม่พ้นอาชวิน พลผดุง ดาราหน้าหล่อผู้กำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าเขาจะเดินไปไหนก็เหมือนมีแสงไฟส่องโดยรอบ ผู้หญิงเข้าไปทำความรู้จักไม่ขาดสาย โดยร่างสูงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คุยตอบทั้งยังหัวเราะอย่างมีความสุข

ผลงานสร้างชื่อของเขายังคงตราตรึงในใจผู้ชม มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่มีข่าวเสียหาย อีกทั้งมีคู่ขวัญที่ทุกคนต่างหวังให้เป็นคู่จริงในเร็ววัน ทว่าฝ่ายชายเหมือนมีคนในใจอยู่แล้ว และทุกคนต่างอยากรู้ว่าสาวที่ครองดวงใจเขาเป็นใคร...

นารากานต์หยิบไวน์ขึ้นดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่หล่อนก็ไม่อาจทราบ รู้เพียงแค่เฝ้าตรงโซนเครื่องดื่มไม่ยอมเดินไปไหน อีกทั้งใบหน้าไม่ต้อนรับแขกจึงไม่มีเพื่อนกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยเท่าไหร่

“เรามีดาราดังมางานแต่งด้วย รู้จักกับฝ่ายเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว” กลับมีผู้หญิงสองคนเดินมาหยิบเครื่องดื่มพอดี บทสนทนาก็หนีไม่พ้นดาราหนุ่มหล่อเหมือนเดิมจนหล่อนเริ่มเอียนเสียแล้ว

ความรู้สึกของเธอที่มีต่ออาชวินมันไม่ใช่ความรักแล้ว เธอโกรธและเกลียดเขาจนไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำ การที่เขาเลือกชื่อเสียงเงินทองมากกว่าเธอมันไม่แปลกหรอก แต่ที่น่าเจ็บใจคือหลังเลิกกันไม่กี่วันก็มีแฟนใหม่เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง

ทว่าไม่กี่เดือนต่อมาก็เลิกรากันไป หล่อนสะใจจนอยากจัดงานเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำ

ผู้ชายแบบนั้นไม่คู่ควรได้รับความรักจากใครหรอก

“เจ้าสาว...เห็นว่าเรียนมอเดียวกัน เลยเชิญมาแต่ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ ตัวจริงหล่อมากเลยเนอะ” คำชื่นชมยังได้ยินไม่ขาดสาย เล่นเอานารากานต์ต้องหยิบแก้วก้านยาวมาถือไว้ ควงเล่นอยู่อย่างนั้นสักพักค่อยดื่มครั้งเดียวหมดแก้ว

“ใช่..เขายังไม่มีแฟนใช่ไหม ตั้งแต่เลิกกับลดาไปก็เหมือนไม่มีข่าวคบใครเลยนะ” เกือบหลุดหัวเราะออกมา ภาพลักษณ์ที่เขาสร้างให้คนอื่นเห็นมันช่างแสนดีเสียเหลือเกิน กลายเป็นหนุ่มสุดเพอร์เฟคที่ไร้จุดด่างพร้อย

“ใครจะกล้าป่าวประกาศว่ามีแฟนล่ะ ถึงแฟนคลับจะบอกว่ารับได้แต่ความจริงถึงกับเลิกติดตามเลยนะถ้าบอกว่ามีแฟน...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขามีแฟนหรือเปล่า เราถามใครดี”

“จะถามใครได้ล่ะนอกจากเจ้าตัว” มือหนากำแก้วแน่นแล้วกรอกน้ำสีเข้มเข้าปาก ไม่รู้ว่าดื่มไปเยอะหรือเปล่าทำให้เริ่มมึนเสียแล้ว

ไวน์อะไรทำไมออกฤทธิ์เร็วจังเลย...

หญิงสาวเปลี่ยนเป็นแชมเปญแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าโซนอาหารว่าง เธอตักขนมปังหน้ากุ้งกับยำทะเลใส่จานขนาดกลาง หวังจะไปกินคนเดียวไม่อยากพูดคุยกับใคร แต่ดันเจอเพื่อนที่เคยเรียนห้องเดียวกันสมัยมัธยมจนได้

“ดื่มเยอะจังเลยหนึ่ง มีเรื่องกลุ้มใจเหรอ” เหลียวมองคนที่เข้ามาทัก แล้วยิ้มกว้างให้เพื่อนที่ปกติไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ มือซ้ายถือแชมเปญมือขวาถืออาหารที่ตักมาพูนจาน

“เปล่า แค่ใส่ซองเยอะเลยเอาให้คุ้มหน่อย” ว่าจบก็ดื่มแชมเปญโชว์ เรื่องแอลกอฮอล์ต้องไว้ใจเธอ มีเท่าไหร่ก็ดื่มหมดถึงวินาทีต่อมาจะเมาเหมือนหมาก็ตาม ต้องโทษน้องชายที่สอนเธอให้ดื่มจนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

ดื่มเอาสังคม ดื่มเพื่อความสนุก...และดื่มเพื่อรักษาแผลใจ

“เธอเนี่ยนะ...ทำอย่างกับบ้านตัวเองจน” ส่ายศีรษะให้กับเหตุผลของอีกฝ่ายที่ดูไม่สมเหตุสมผลเลย

“เงินหามายากนี่นา ชนแก้วหน่อย..ดื่มคนเดียวแล้วรู้สึกแปลก” ยื่นแก้วไปตรงหน้าแล้วชนกับเพื่อนร่วมห้อง

“ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอโสดจะคิดว่าเธอกำลังอกหักนะเนี่ย ดื่มลืมโลกซะขนาดนี้” ยืนดูสักพักก่อนจะเข้ามาทัก คิดว่าไวน์กว่าครึ่งงานน่าจะอยู่ในท้องของนารากานต์หมดแล้ว แก้วเปล่าที่พนักงานเก็บไปส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือของเพื่อนคนสวยทั้งนั้น

ชักอยากรู้เสียแล้วว่าเหตุผลกลใดทำให้นารากานต์เลือกดื่มจนไม่สนใจโลกขนาดนี้ ทั้งที่คนอื่นต่างพูดคุยเรื่องของอาชวินกันเซ็งแซ่

“อกหัก..ฉันเหรออกหัก ฮ่าๆๆๆ เธอพูดอะไรตลกจังเลย ฉันไม่เคยมีแฟนจะอกหักได้ไงล่ะ โสดมาสามสิบสี่ปีเต็ม ไม่เค้ยไม่เคยจะมีแฟนกับเขาเลยสักคน” หัวเราะราวกับเป็นเรื่องขบขันนักหนา เอนกายไปมาจนเหมือนจะเซเพื่อนจึงช่วยจับเอาไว้

หล่อนพูดเองก็เจ็บเอง ยิ่งคิดถึงตอนอกหักแล้วต้องกอดปลอบตัวเองไม่กล้าจะบอกใคร ไม่อยากโดนสมเพชที่ถูกผู้ชายทิ้ง เพิ่งมีแฟนคนแรกที่รักมากก็กลายเป็นต้องมาบอกลาอย่างไม่ทันตั้งตัว

คืนนั้น...เธอพร้อมจะเป็นของเขาแล้วแท้ๆ

“หนึ่ง ไหวไหม” เริ่มเป็นห่วงเสียแล้ว ปกตินารากานต์ไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

“ไหว ไหวสิ” วางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะแล้วพยักหน้าบอกเพื่อน ก่อนเดินออกจากงานไม่สนใจว่าบ่าวสาวจะกล่าวอะไรอีก เธออยากหนีไปจากตรงนี้ ไม่อยากได้ยินชื่อของอาชวินอีกต่อไป

ไม่รู้โลกกลมเกินไปหรือเปล่าที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอเกลียดการที่เขาสว่างไสวท่ามกลางแสงจันทร์ เหมือนดวงดาวนับร้อยพันร่วมกันเปล่งแสงเพื่อให้ชายหนุ่มเด่นเพียงผู้เดียว ทั้งที่เขาไม่ควรได้รับความรักจากใครเลย

นารากานต์ไม่อาจวางความเกลียดที่มีในใจต่อชายคนนั้นได้ ความรักของเธอที่มีต่อเขามันคงไร้ค่าถึงได้บอกเลิกกันอย่างง่ายดาย

เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสผืนทราย ถือรองเท้าเอาไว้แล้วเดินห่างออกจากงานไปเรื่อยๆ เธอหยุดนิ่งแล้วยืนให้คลื่นสาดซัด มองดูพระจันทร์ที่ตกกระทบผืนน้ำ

จันทร์ใต้น้ำ...มันเป็นแบบนี้เองเหรอ

ถ้าเธอโง่อีกสักนิดคงคิดจะคว้าเงาจันทร์ที่อยู่ในน้ำ หวังจะครอบครองมันถึงจะต้องว่ายไปกลางทะเล เหนื่อยสายตัวแทบขาด ขอเพียงได้ชื่นชมด้วยสองมือก็คงหายเหนื่อย

โดยไม่รู้เลยว่าจันทร์ดวงนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะของจริงอยู่บนฟ้าที่ตนไม่มีวันเอื้อมถึงได้ และไม่มีทางที่จันทร์จะโน้มลงมาให้หล่อนได้คว้าด้วยสองมือ

ความรักของเธอกับอาชวินก็เช่นกัน...มันจบลงแล้ว

“หนึ่ง..” ชื่อของเธอถูกเรียกด้วยเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคย จนร่างบางที่คิดจะเดินลงไปในน้ำเพื่อให้มันชะล้างความร้อนรุ่มของร่างกายจำต้องหยุดชะงัก ไม่อยากเหลียวมองเพราะพอจะเดาได้ว่าตนจะเจอใคร

มือบางกำเข้าหากันทันที ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ ไม่อยากพบเจออีกเลย แต่ก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอหรือสายตาอาลัยอาวรณ์เช่นเดียวกัน เวลามันผ่านมานานแล้ว...

เขายังตัดใจจากเธอได้ในไม่กี่วัน แล้วทำไมเธอจะตัดใจบ้างไม่ได้ล่ะ

“เดี๋ยวก่อนหนึ่ง พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” เลือกจะเดินหนีขึ้นฝั่ง หล่อนไม่อยากพบเจอเขา ทว่าแขนเรียวกลับถูกคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับขอร้องเสียงอ่อน แววตาหม่นแสงยามเห็นหล่อนเมินตน จนต้องก้าวมายืนตรงหน้าร่างแบบบาง

ชายหนุ่มไม่สนใจว่าจะมีคนเห็นไหม เขารอจังหวะที่จะได้คุยกับหญิงสาวเพียงสองคนมาสักพักแล้ว เมื่อสบโอกาสจึงรีบเข้ามาหานารากานต์ทันที

“ฉันไม่อยากคุย ถ้าคุณอยากคุยก็คุยกับทะเลแล้วกัน” ปลดมือหนาออกแล้วเลือกจะเดินหนี ทว่าเขายังตามมาดักหน้าเอาไว้

“แต่พี่อยากคุยกับหนึ่ง ขอเวลาแค่ห้านาทีได้ไหม” หล่อนเกลียดเขาจนไม่อยากมองหน้า หันหนีไปทางอื่นแต่ดูเหมือนอาชวินจะตื้อกว่าที่คิดไว้ เขาไม่ยอมให้หญิงสาวได้ผละห่าง ยังตามมาเพื่อขอความเห็นใจ

“นาทีเดียวก็ไม่ได้” ความเด็ดขาดของเธอทำให้เขาไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อม ชายหนุ่มถือวิสาสะเชยคางมนขึ้นเพื่อให้สบตาตัวเอง

“พี่คิดถึงหนึ่ง พี่ไม่เคยลืมเรื่องของเราได้เลย เรากลับมาคบกันไม่ได้เหรอ” หญิงสาวเลือกปัดมือเขาออกทันที หัวเราะในลำคออย่างสมเพช วันที่เขาไปก็อ้างเหตุผลร้อยแปด พอจะกลับมาก็ของ่ายๆ เหมือนหัวใจเธอเป็นแค่ของเล่น

หากทำได้ก็อยากตบหน้าเขาแรงๆ สักที แต่เลือกจะกำมือแน่นอยู่อย่างนั้น พยายามอ้าปากที่สั่นไหวจากความเจ็บปวดในอดีต และมันยังรู้สึกมาถึงปัจจุบัน

“คบ...คบยังไง คบแบบหลบๆ ซ่อนๆ คบแบบที่พี่ขอให้หนึ่งเป็นแค่น้อง คบแบบบอกเลิกเพราะกลัวคนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของเราแล้วก็มาขอคืนดีทีหลังอย่างนี้เหรอ หนึ่งฉลาดพอที่จะไม่กลับไปอยู่ในวังวนรักจอมปลอมของพี่แล้ว” เคยไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันแล้วมีคนเจอ เธอก็เปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นน้องสาวของเขาทันที

ตอนนั้นถึงจะน้อยใจแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มาก ชายหนุ่มกำลังไต่เต้าเพื่อเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง เริ่มได้รับความนิยมบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่โด่งดังเป็นพลุแตกเหมือนทุกวันนี้

รอเขาเสร็จจากงานเพื่อไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อยังยาก...

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการที่เขาบอกเพื่อนสนิทหรือคนรอบข้างว่าเธอเป็นแค่รุ่นน้อง โดยให้เหตุผลว่ากลัวคนอื่นเอาไปเล่าต่อแล้วจะถึงหูนักข่าว

ขนาดกับคนสนิทเขายังไม่ยอมบอกความจริงเลย...แล้วจะหวังอะไรในความสัมพันธ์จากผู้ชายคนนี้ได้อีก

“มันไม่ใช่อย่างนั้น..” เขาปฏิเสธแล้วถอนหายใจ รู้ว่าตนเองผิดที่บอกเลิกเธอ แต่ตอนนี้พร้อมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับนารากานต์แล้ว จึงไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่า กำลังจะเอื้อมไปคว้ามือเล็กมากอบกุมไว้

ทว่าดวงตากลมกลับเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้พอดี ชายหนุ่มอาจไม่เห็นเธอเพราะกำลังคุยโทรศัพท์หน้าเครียด ต่างจากนารากานต์ที่มองเขาเหมือนเห็นแสงสว่าง

“คุณภพ!” เรียกเสียงดังจนเขาสะดุ้ง มองมาที่เธออย่างรวดเร็วก่อนจะย้ายสายตาไปหาชายที่อยู่ด้วยกัน ปภพเลือกจะวางโทรศัพท์ก่อนเพ่งสายตามองนารากานต์ที่วิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เขาตาฝาดไปหรือเปล่า...คนที่ไม่เคยยิ้มให้กันสักครั้งยามเจอหน้า ตอนนี้กลับส่งยิ้มหวานจนน่าประหลาด หรือเธอจะดื่มจนเมาสมองถึงได้เลอะเลือนไปชั่วขณะ

“ฉันนึกว่าคุณกลับห้องแล้วซะอีก หนึ่งลืมแนะนำไปเลย นี่คุณภพค่ะ...แฟนของหนึ่งเอง” พูดรัวจนคนถูกกล่าวอ้างถึงกับเบิกตากว้าง รีบผินหน้ามามองหล่อนอย่างรวดเร็ว คนที่เห็นหน้ากันทีไรเป็นต้องถลึงตาใส่ แต่ไหงวันนี้จึงเลื่อนสถานะให้เขาเป็นแฟนได้

แสดงว่าผู้ชายคนนี้คงมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเธอมาก...

เขามองหนุ่มหน้าหล่อที่ได้ยินคนในงานบอกว่าเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทย คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอีกฝ่ายหล่อเหลา มีเสน่ห์และค่อนข้างดึงดูดผู้หญิงเข้าหา แต่ไม่คิดว่านารากานต์ผู้แสนเย่อหยิ่งจะตกเป็นทาสด้วย

“แฟน..” อาชวินพึมพำเสียงเบา แทบไม่เชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ละสายตาจากร่างบางมามองคู่แข่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเพราะไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจ และเหมือนปภพจะไม่คบกับผู้หญิงในวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน

เส้นทางหรือเรื่องราวของพวกเขาจึงเหมือนคู่ขนาน ไม่รู้จักประวัติของอีกฝ่ายสักนิด

“ถ้าคุณอาร์มไม่มีธุระอะไรแล้วเราขอตัวก่อนนะคะ” คนเมาพยายามยืนตัวตรงแล้วค้อมศีรษะเป็นการบอกลา น้ำเสียงเย็นชาจนปภพยังนึกสงสัย

ควงแขนร่างหนาเอาไว้แน่นแล้วลากเขาเดินหนีจากจุดเกิดเหตุ หล่อนพยายามฝืนเข้มแข็งต่อหน้าแฟนเก่า ไม่อยากหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันวานให้เจ็บปวด ถึงขอบตาจะแดงก่ำมากแค่ไหน ขาแทบไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ฝืนเดินต่อไป

“อะไรของเธอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel