บท
ตั้งค่า

บทที่๓ (๒)

สุดท้ายนารากานต์ก็คล้อยตามแล้วเดินออกจากห้องประชุม ไม่ลืมหันกลับมามองพลอยพิชชาที่ส่งแววตาไม่เป็นมิตรมาให้

เปิดเผยให้รู้ไปเลยว่าคิดอย่างไร...ดีกว่าต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้มเสแสร้ง แบบนั้นคงเหนื่อยแย่

จากห้องประชุมไปห้องของเขาไม่ห่างกันมากนัก พอเข้ามาข้างในก็ปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาไม่ให้คนอื่นมารบกวนได้ ชายหนุ่มกลัวว่าพลอยพิชชาจะหาข้ออ้างขัดจังหวะจึงต้องกันเอาไว้ก่อน

ห้องทำงานของเขามีขนาดค่อนข้างกว้าง และเป็นรูปทรงหกเหลี่ยมที่เปิดเปลือยทิวทัศน์ด้านนอกให้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและตึกสูงรายล้อม แต่นารากานต์ไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมความสวยงาม เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระก็มองเขาตาขวาง

“อะไรของคุณล่ะ! จะพาฉันมาที่นี่ทำไม”

“มันใช่เรื่องไหมที่ไปทะเลาะกันให้คนอื่นเห็น แค่นี้ยังถูกนินทาไม่พอหรือไง” สั่งสอนหล่อนให้รู้ว่าการกระทำเมื่อครู่ไม่ถูกต้อง ซึ่งร่างบางก็พร้อมโต้กลับอย่างไม่ยอม เวลานี้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่แล้ว

“ผู้หญิงของคุณมาด่าฉันเมื่อวาน แล้วจะไม่ให้ฉันโต้ตอบกลับหน่อยหรือไง หาว่าฉันไปขโมยลูกคุณมา คิดจะจับคุณบ้าง ขอโทษเถอะ! คนอย่างฉันไม่มีสักเศษเสี้ยวความคิดจะจับคุณเลย คนที่คุณควรไปตักเตือนคือผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉัน”

ถึงขนาดความสูงจะต่างกันแต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้ เชิดหน้าเพื่อสบตาคมแล้วร่ายยาวอย่างไม่เกรงกลัวสักนิด

“แล้วเธอ..”

“ฉันยังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งแทรก เมื่อวานคุณก็ไม่ถามอะไรฉันสักคำ ทำเหมือนฉันผิดที่พรากลูกคุณออกจากอก ทั้งที่น้องวินเป็นคนเดินออกมาเอง ฉันช่วยดูแลลูกคุณด้วยซ้ำขอบคุณสักคำก็ไม่มี ยังมามองเหมือนเป็นโจรห้าร้อยอีก จะไม่ให้ฉันโมโหได้ยังไง!”

ร่างหนาถึงกับอึ้งเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าสั่งให้เขาเงียบ ก่อนเจ้าหล่อนจะพูดอีกหลายประโยคที่เขาฟังแทบไม่ทัน จับใจความไม่ค่อยได้เพราะมันเร็วมาก เหมือนว่านารากานต์กำลังแร็ป

“เธอพูดรัวขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ปอดเธอต้องใหญ่แค่ไหนถึงเก็บลมเอาไว้ได้เยอะขนาดนี้

“ไม่ ฉันน่ะ...แป๊บ ขอรับโทรศัพท์ก่อน” กำลังจะบอกว่าไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ แต่โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าทำให้ต้องหยุดชะงัก หล่อนหยิบมันออกมาดูคนที่โทรมาขัดจังหวะ พอเห็นว่าเป็นมารดาก็รีบเลื่อนรับทันที

“ฮัลโหลค่ะคุณแม่ กำลังจะกลับบริษัทแล้วค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”

“เอาไว้ครั้งหน้าฉันจะมาพูดต่อให้จบ” พอวางสายเรียบร้อยก็บอกเขาเป็นการปิดท้าย หมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องทำงานของท่านประธาน ไม่กล่าวคำลาด้วยซ้ำ เล่นเอาหนุ่มพ่อม่ายถึงกับส่ายศีรษะอย่างระอา

“หึ ผู้หญิงอะไร...ด่าเก่งชะมัด ใครแต่งงานด้วยซวยทั้งชาติ”

รับบัตรกำนัลมาอ่านรายละเอียดแล้วดวงตากลมก็เบิกกว้าง หล่อนแทบไม่เชื่อสายตาว่ามารดาจะเอามาให้ตนเอง จำได้ว่าโรงแรมแห่งนี้เพิ่งเปิดและค่าเข้าพักค่อนข้างแพง ด้วยวิวที่สวยมองเห็นทะเลอันกว้างไกล ไหนจะกิจกรรมพิเศษ มีอาหารเสิร์ฟถึงห้องทั้งเช้าและเย็นหากต้องการ สามารถจัดปาร์ตี้ขนาดเล็กสำหรับกลุ่มที่มาเที่ยวเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนได้

เคยอยากไปแต่ไม่มีเวลาเพราะงานที่รัดแน่น ไหนจะต้องไปรับประทานอาหารกับผู้ชายที่มารดาหามาให้ และทุกรายก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปเมื่อเจอฝีปากของหญิงสาวพูดเรื่อวีรกรรมที่ผ่านมาของตนเอง

อย่างนี้ล่ะมั้งที่ทำให้หล่อนไม่มีชายใดอยากพัฒนาความสัมพันธ์ด้วย

“คุณแม่ให้หนึ่งไปเที่ยวทะเลเหรอคะ แม่พูดจริงเหรอ คือเรื่องจริงเหรอคะ” ยืนหน้าโต๊ะทำงานของคุณภวิกา ท่านยิ้มแล้วพยักหน้าเพื่อยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก

“จริงสิ อยากไปพักผ่อนไม่ใช่หรือไง”

“ใช่ค่ะ ใช่...แต่มันแปลกๆ นี่นา” ยังคงกังขาไม่คิดว่ามารดาจะใจดีกับตนเอง ในช่วงที่อยู่ปากเหวเพราะลูกสาวไม่ได้ตกลงปลงใจกับชายคนใด ประเคนให้กี่คนก็ไม่ยอมรับสักคนจนนึกท้อใจ

มีเพียงคนเดียวที่พอจะเห็นว่ามีสายสัมพันธ์กับนารากานต์บ้าง...ปภพ

หมายตาชายหนุ่มเอาไว้ให้มาเป็นลูกเขยของตน

“แม่ได้ที่พักฟรีมาจากคุณวิลันดา เขาเปิดโรงแรมสาขาใหม่เลยเอามาแจก ลูกก็ไปพักสิ...แม่ว่าสวยดีนะ” น้ำเสียงเรียบไม่มีพิรุธสักนิดจนเธอเริ่มคล้อยตาม คำนวณวันเวลาเอาไว้คิดว่าไปศุกร์กลับวันจันทร์น่าจะได้

“เห็นว่าที่โรงแรมมีปาร์ตี้ด้วย น่าสนุกลูกอาจจะชอบ” เพียงแค่ได้ยินคำว่าปาร์ตี้ดวงตาก็เบิกกว้างกว่าเดิม ตื่นเต้นจนเนื้อสั่นแต่เก็บอาการเอาไว้

“ปาร์ตี้เหรอคะ เครื่องดื่มไม่อั้นสินะ...หนึ่งไปค่ะ เห็นแก่ที่คุณแม่อยากให้ไปหรอกนะ ขอบคุณมากเลยนะคะ เดี๋ยวศุกร์นี้หนึ่งเสร็จงานจะรีบไปทันทีเลย” ตอบตกลงอย่างง่ายดายไร้ข้อกังขาเหมือนตอนแรก คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นก็เบาใจ

“จ้ะ เที่ยวให้สนุกนะ” อวยพรพร้อมยิ้มให้นารากานต์ มองตามแผ่นหลังบางที่ห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วหายลับออกไปจากประตูบานหนา จากนั้นมุมปากหยักจึงค่อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์

แค่สร้างโอกาส...คงไม่ผิดมากเท่าไหร่ ที่เหลือให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิตทำงานก็แล้วกัน

เมื่อถึงวันศุกร์เธอก็จัดของแล้วนำไปเก็บไว้ในรถยนต์ส่วนตัว พอถึงเวลาเลิกงานก็แทบจะบินออกจากห้องไปถึงจุดหมาย อิสระอยู่เพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น

ร่างบางขับรถไปต่างจังหวัดเอง เปิดเพลงเสียงดังแล้วร้องตามลั่นรถ มีความสุขกับการอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีคนข้างกาย ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขดีไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย มีเพียงมารดาที่ชอบคิดแทนหล่อน

เลือกจอดรถอยู่ช่องวีไอพีสำหรับจอดสองคืน แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะที่ต้องการเข้าพัก หล่อนถ่ายภาพเอาไว้เยอะมาก เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเที่ยวหลังตรากตรำทำงานอย่างหนักหลายปี หรือส่วนมากถ้าไปเที่ยวก็ช็อปปิ้งกับเพื่อนที่ต่างประเทศ ไม่ค่อยมาทะเลกันเท่าไหร่

คราวนี้แหละจะใส่บีกินี่เล่นน้ำให้หนำใจไปเลย!

“ทะเลจ๋า พี่หนึ่งมาแล้ว” เข้ามาพักในห้องสวีทที่เห็นวิวทะเลชัดจนเหมือนเอื้อมมือไปคว้ามันได้ หล่อนวางกระเป๋าไว้บนพื้นยังไม่ไปจัด รีบเปิดประตูบานเลื่อนแล้วมายืนริมระเบียง อย่างแรกที่ต้องทำคือการนำขาตั้งกล้องมากางแล้วเริ่มเก็บภาพเอาไว้

มาคนเดียวก็เหนื่อยแบบนี้แหละ เสียดายที่เพื่อนสนิทท้องทำให้ทิวากรไม่ยอมให้มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงสนุกกว่านี้ จะได้ใส่บีกินี่คู่กัน คงสวยน่าดู

“คะแม่ หนึ่งมาถึงแล้วนะคะ ห้องพักสวยมากเลยค่ะ เห็นวิวทะเลด้วย หนึ่งชอบมากๆๆ ขอบคุณแม่มากนะคะ” มารดาโทรมาทำให้ต้องรีบรับ น้ำเสียงสดใสบ่งบอกว่าตนชอบใจเป็นอย่างมาก

ห้องพักก็สวย รูปทรงห้าเหลี่ยมเหมือนหัวเรือทั้งยังตกแต่งด้วยโทนสีขาวตัดกับครามเหมือนน้ำทะเลอีกต่างหาก ภาพที่ห้อยไว้ข้างฝาก็เป็นชายหาด ต้นมะพร้าวริมทะเล หรือเรือใบกลางทะเล มองแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น

ทิ้งกายนั่งบนโซฟายาวที่แบ่งโซนจากเตียงนอนชัดเจน ห้องกว้างมองแล้วสบายตา แต่หญิงสาวคิดว่าคงไม่ค่อยได้ใช้หรอก หล่อนอาจสิงตัวอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มมากกว่า

‘เห็นลูกมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้ว แม่เกือบลืมบอกลูก พรุ่งนี้จะมีงานแต่งของน้องกานต์ลูกชายเพื่อนแม่ เห็นว่าจัดที่โรงแรมนั้น ลูกไปร่วมงานแทนแม่ด้วยนะ แม่บอกน้องไปแล้วว่าลูกจะไปแทน ใส่ซองหนึ่งหมื่นเดี๋ยวแม่โอนให้ เที่ยวให้สนุกนะลูก’

คุณภวิการ่ายยาวไม่ปล่อยช่องว่างให้หล่อนได้แทรก แล้ววางสายไปทันทีเล่นเอานารากานต์นิ่งอึ้ง รู้แล้วว่าตนพูดเยอะได้ใคร

คุณแม่ไงล่ะ...

“แม่ แม่คะ หนึ่งบอกตอนไหนว่าจะไป ฮึ่ย นี่มันมัดมือชกให้มาเที่ยวเพราะไปงานแต่งคนอื่นชัดๆ แม่นะแม่ นึกว่าหวังดีจริงๆ” วางโทรศัพท์ลงข้างกายแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หล่อนยกมือขึ้นกอดอกพลางทำหน้าบึ้ง สุดท้ายก็เป็นแค่หมากในกระดานเกมของแม่จนได้!

งานแต่งมีวันเสาร์ช่วงเย็น ทำให้ตอนเช้าหล่อนไปดำน้ำดูปะการังและถ่ายรูปจนหนำใจ ลงโซเชียลเยอะจนเพื่อนต่างมาคอมเม้น หญิงสาวนั่งอ่านอย่างสนุกสนานแล้วตอบกลับบางคน ค่อยเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อไปงานแต่งของรุ่นน้อง

ไปงานแต่งทีไรมีแต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอายุน้อยกว่า จะรีบแต่งกันไปไหนใช้ชีวิตยังไม่คุ้มเลย...

หล่อนเลือกชุดสีขาวลายลูกไม้สายเดี่ยวยาวกรอมเท้าแล้วแหวกมาถึงขาอ่อน กระโปรงพริ้วไหวไปตามสายลม ส่วนผมก็เปียมาไว้ข้างเดียวเพราะถ้าปล่อยได้โดนลมทะเลตียุ่งไปหมด จึงเลือกจะเซฟตัวเองสักหน่อย

มาถึงงานที่จัดแบบเรียบง่าย แต่เชื่อเถอะว่าแค่ค่าสถานที่ก็แพงแล้ว...ไหนจะค่าที่พักซึ่งจองไว้ให้เพื่อนอีกต่างหาก เป็นเธอคงจัดง่ายๆ อยู่บ้านเชิญแขกมาร่วมงานไม่กี่คน เป็นงานเล็กที่แสนอบอุ่นก็พอแล้ว

“สวัสดีครับพี่หนึ่ง คุณป้าบอกผมว่าพี่หนึ่งจะมา..” เข้ามาในงานก็ใส่ซองเรียบร้อย หล่อนหวังมาดื่มไวน์ให้หนำใจอย่างเดียว ต้องสมกับเงินของมารดาที่เสียไปด้วย

รู้จักกับฝ่ายเจ้าบ่าวเพราะเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน แต่คนละสายชั้นเท่านั้นเอง เธอส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกล่าวแสดงความยินดีพอเป็นพิธี

“ยินดีด้วยนะ เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เห็นตั้งแต่เด็ก”

“ผมรอไปงานของพี่นะครับ หวังว่าจะเร็วๆ นี้” เจอหยอกกลับแบบนี้ก็แทบไปไม่เป็น หล่อนทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วยิ้ม

“จ้า รอไปก่อนอีกนานๆ เลยนะ มาๆ ขอถ่ายรูปกับบ่าวสาวหน่อย” กำลังจะไปยืนตรงกลางแต่เจ้าบ่าวกลับรั้งหล่อนเอาไว้ก่อน เล่นเอานารากานต์ถึงกับงงเพราะตนเองถ่ายคนเดียว จะให้ยืนด้านข้างก็ดูแปลกพิกล

“พี่ภพทางนี้ค่ะ” เจ้าสาวคนสวยรีบทักทายญาติของตัวเอง และชื่อนั้นทำให้ดวงตากลมรีบหันขวับตามเสียง ก่อนจะพบหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยฮาวายสีชมพู และกางเกงขาสั้นสามส่วน ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นท่านประธานผู้น่าเกรงขาม

การแต่งตัวของเขาลดอายุจริงลงไปเยอะมาก

“มาถ่ายรูปด้วยกันเลยสิครับ จะได้เป็นคู่พอดีไม่เอียงฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง” รีบชวนแล้วดึงพี่สาวเอาไว้ไม่ให้หล่อนเดินหนีไปไหนได้ นารากานต์กัดฟันกรอดเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว

“ใช่ค่ะ พี่ภพมาเลย” ปภพสบตากับนารากานต์พอดี ถ้าเธอตาไม่ฝาดเห็นเขาถอนหายใจเหมือนเอือมระอาเต็มทน หล่อนถึงกับโมโหคิดว่าเขาเจอเรื่องน่าเบื่อแบบนี้คนเดียวหรือไง

เธอเองก็โดนบังคับมาเหมือนกันนั่นแหละ!

“แม่พี่บอกให้ทำแบบนี้ใช่ไหม” กระซิบกับเจ้าบ่าวที่พยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เมินคำถามนั้นแต่ก็โดนบิดเข้าที่สีข้างจนได้

“เอ่อ ถะ ถ่ายรูปกันนะครับ” รีบถ่ายจะได้จบถือว่าเขาทำตามความต้องการของคุณป้าเรียบร้อยแล้ว

นารากานต์จะทำอะไรได้นอกจากยิ้มให้กล้องสุดชีวิต หลังจากนั้นก็รีบออกจากเฟรมให้คนอื่นได้ถ่ายบ้าง หล่อนเหลือบมองร่างสูงที่เดินมาทางนี้เช่นกัน จึงทักทายสักหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป

“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”

“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเธอเหมือนกัน” เขาเหลียวมองแล้วตอบกลับเสียงเรียบ ตนมาก็เพราะเจ้าสาวเอ่ยชวน และก็รู้จักเธอตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งพ่อแม่สนิทกันหากไม่มาก็กลัวท่านโกรธ อีกอย่างคิดว่ามาพักผ่อน อย่างไรลูกชายก็มีเข้าค่ายอยู่โรงเรียนกับพี่เลี้ยง

โรงเรียนนานาชาติก็ขยันหากิจกรรมให้ปภังกรทำเหลือเกิน หลายครั้งที่เขาไม่ว่างไปเข้าร่วมก็มีพี่เลี้ยงที่ไปกับเด็กน้อยเสมอ จึงพอให้เบาใจได้บ้าง

“ถ้างั้นช่วยทำเหมือนไม่รู้จักกันจะดีมากเลยค่ะ” ปภพพยักหน้าทันที ตนก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่

“ตามนั้น” สองหนุ่มสาวจึงเดินแยกทางทันที เธอเข้าไปโซนเครื่องดื่มแล้วหยิบไวน์มาจิบตามบรรยากาศที่เริ่มครึกครื้น งานนี้นอกจากมีโต๊ะยาวให้นั่งยังมีโซนสำหรับขาแดนซ์อีกต่างหาก เหมือนเป็นการฉลองมงคลสมรสริมหาดที่จัดเพื่อให้คนวัยเดียวกันได้มาร่วมเป็นสักขีพยาน

แล้วนารากานต์ก็ชอบมากเสียด้วย เพราะปลอดจากสายตาของผู้ใหญ่ที่มักเอาเรื่องไปนินทาให้กันฟัง

“อ้าวหนึ่ง มาด้วยเหรอ ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่เลยนะ” เจอเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันแต่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ทั้งดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ค่อยจริงใจด้วย หล่อนจึงไม่ต้องการเสวนาให้เปลืองน้ำลาย

“ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะ” ยิ้มให้เล็กน้อยแล้วรีบเดินออกมาทันที หล่อนถือแก้วทรงสูงเอาไว้ไม่ปล่อยขณะย่ำอยู่บนผืนทรายที่เดินลำบาก ก้มมองเท้าตัวเองที่สวมแตะสีขาวรัดส้น ยังดีที่เอาติดกระเป๋ามาด้วย ไม่อย่างนั้นแย่แน่เลย

“ว๊าย” เดินอยู่ดีๆ ก็โดนคนเข้ามาชนไม่ทันให้ตั้งตัว หญิงสาวเกือบล้มแล้วถ้าไม่ถูกคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับคำเอ่ยขอโทษจากผู้ก่อเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ขอโทษ..หนึ่ง” แต่กลายเป็นว่าเขาดันรู้จักเธอ

และเธอก็รู้จักเขาดีเสียด้วย

‘พี่อาร์ม’

ดาราที่กำลังโด่งดังในตอนนี้...และเป็นแฟนเก่าของเธอ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel