บทที่๒ (๒)
“ป้าชื่อป้าจินนะครับ ไปเล่นกับป้าทางนั้นไหมครับ คุณภพป้าฝากลูกสาวด้วยนะคะ น้องเจนค่ะ” น้องวินถูกดึงออกไปให้คุยกับคุณป้าที่ตนไม่รู้จัก และไม่คุ้นหน้าสักนิด คนเป็นพ่อมองตามแล้วทำหน้าเครียด ที่เขาพาลูกชายมาด้วยก็เพราะต้องการใช้เป็นเหตุผลเพื่อขอตัวกลับบ้านเร็วกว่าปกติ
ทว่าคนอื่นเหมือนจะรู้ทันจึงรีบแยกลูกออกจากพ่อ...แล้วดูเหมือนน้องวินก็ไม่ได้งอแงถึงจะอยู่กับคนแปลกหน้า
เพราะรู้ดีว่าอยู่ในที่ปลอดภัย คนเหล่านี้ไม่ได้คิดร้ายกับตนนอกจากอยากเอาตัวเข้ามาเป็นแม่ของเขา
“สวัสดีค่ะคุณภพ เจนนะคะ” รีบแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว ตอนแรกก็ไม่คิดจะเชื่อแม่ว่าผู้ชายอายุสี่สิบจะหล่อเหลาปานนี้ แต่พอได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ยกมือไหว้พลางยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน เชื่อว่าเขาต้องหลงมนต์เสน่ห์ของเธอบ้างล่ะ
“ครับ” แต่ปภพก็ทำเพียงตอบแบบขอไปที สายตามองตามลูกชายที่ถูกพาไปกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย กังวลว่าคืนนี้ตนอาจจะไม่ได้กลับเร็วอย่างที่หวังไว้เสียแล้ว...
ไม่นานวงสนทนาของพ่อม่ายหน้าหล่อก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวหลายคนแวะเวียนมาทำความรู้จักไม่ขาดสาย ชายหนุ่มยิ้มจนเหงือกจะแห้งอยู่แล้ว หวังเพียงว่าตนเองจะหลุดพ้นสักที
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งของห้องก็มีสองแม่ลูกยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้า คุณภวิกามองลูกสาวที่กำลังดื่มด่ำกับไวน์ขาวก็นึกโมโห น่าจะตั้งชื่อว่าเมรีอาจเหมาะกว่านารากานต์ ผู้หญิงอะไรขี้เมาเสียเหลือเกิน
คงต้องโทษลูกชายที่มักพาพี่สาวไปสังสรรค์จนติดใจ หลังจากนั้นถ้าไม่เมามีหรือแม่ตัวดีจะกลับบ้านถูก
“รีบเข้าไปหาคุณภพสิ” คว้าแก้วทรงสูงจากมือของนารากานต์ เล่นเอาคนที่อารมณ์ดีต้องทำหน้ามุ่ย
“คะ ทำไมหนึ่งต้องเข้าไปหาเขาด้วย” หล่อนมีความสุขจะตายที่เห็นหญิงสาวหลายคนไปรุมทึ้งเขาเหมือนแมลงวันตอมขี้ไม่มีผิด
“เรานี่นะ ไม่เห็นหรือไงว่ามีผู้หญิงมากมายจ้องจะจับเขาอยู่ เราได้เปรียบคนอื่นเพราะทำงานกับเขาแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่พลาด รีบเข้าไปพูดกับพี่เขาเร็ว” คนที่ขัดขวางความสุขน่าจะเป็นมารดาของเธอเนี่ยแหละ หญิงสาวพรูลมหายใจเสียงเบาแล้วพยายามคิดหาทางหนีทีไล่
ก่อนจะปิ๊งไอเดียที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย...
“โอ๊ย หนึ่งปวดท้องค่ะ ปวดท้องมาก ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” แสร้งงอตัวแล้วเอามือกุมท้อง รีบวิ่งออกจากงานจัดเลี้ยงเพื่อหลีกเลี่ยงคำสั่งของคุณภวิกา
“หนึ่ง ยายหนึ่ง ลูกคนนี้ใช้ไม่ได้เลย” ท่านทำได้แค่บ่นไล่หลังแล้วดื่มไวน์หมดแก้ว ลูกคนเล็กมีครอบครัวที่น่ารัก เหลือก็แต่คนโตที่ไม่มีเข้ามาเลยสักคน นัดผู้ชายกี่คนให้ก็ไม่มีใครชอบหรืออยากสานต่อพัฒนาความสัมพันธ์
ลูกสาวของเธอก็ออกจะสวยแต่ทำไมถึงไม่มีใครชอบเลยล่ะ มันผิดที่ตรงไหนกันแน่นะ แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นแผนของแม่ตัวดีแน่นอนที่ไล่ตะเพิดคนพวกนั้นไป
เพราะฉะนั้นคราวนี้ท่านต้องไม่พลาด...ลูกเขยของตนต้องเป็นปภพเท่านั้น!
สวนข้างโรงแรมถูกจัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้มาพักผ่อน มีต้นไม้ร่วมรื่นและยังมีสไลด์เดอร์สำหรับเด็กอีกต่างหาก ร่างบางจึงเลือกจะหนีลงมาข้างล่าง แล้วหย่อนกายลงบนม้านั่งยาวพลางถอนหายใจเสียงหนัก
“เฮ้อ น่าเบื่อจะแย่ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากงานบ้าๆ นี้สักทีก็ไม่รู้” เหมือนมาประชันโฉมหรืออวดลูกชายลูกสาวกันซะมากกว่า เมื่อก่อนยังไม่มีตัวเด่นแต่ทุกวันนี้หลังจากที่ปภพโสดทุกคนก็ให้ความสำคัญกับชายหนุ่มมาก
เหมือนสปอร์ตไลท์ส่องไปที่เขาเพียงคนเดียว เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้นี่นา...เพราะแม่เธอก็ยังไม่เว้นเอาลูกสาวไปประเคนถึงที่
“ไม่มีอะไรให้กินเลย หิว..” ลูบท้องตัวเองรู้สึกหิวอีกแล้ว ตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากไวน์สองแก้ว แถมยังดื่มไม่หนำใจก็ต้องออกมาข้างนอก หรือเธอจะแอบไปหาอะไรกินข้างนอกแล้วค่อยกลับเข้างานดีนะ
ร้านข้างทางหน้าโรงแรมก็น่าสน...
“ผมมีขนมนะครับ คุณอาจะกินไหม” แต่แล้วก็มีเสียงเล็กเอ่ยทางด้านซ้ายจนต้องหันไปมอง หล่อนจำเด็กที่อยู่ในชุดสูทผูกโบว์กระต่ายได้
น้องวินลูกชายปภพไงล่ะ มีคนเดียวนั่นแหละที่พาลูกชายมางานแบบนี้
ไม่รู้ว่าคิดอะไรของเขา...
ดวงตากลมค่อยไล่มองมือน้อยที่แบออก แล้วกำคุกกี้สองถึงสามชิ้นเอาไว้ หล่อนคิดว่ากินแค่นี้คงไม่อิ่มหรอก แต่เห็นถึงความมีน้ำใจของเด็กมากกว่า
“หือ อากินได้เหรอ”
“ได้ครับ แบ่งกันนะ” เห็นหนูน้อยไม่หวงของก็รับมากิน พร้อมแบ่งที่นั่งข้างกายให้อีกต่างหาก หนุ่มน้อยจึงนั่งลงแล้วเคี้ยวขนมอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากหยักยกขึ้นอย่างเอ็นดู ไม่คิดว่าลูกของเขาจะนิสัยดีแตกต่างจากพ่อราวฟ้ากับเหว
สงสัยพี่เลี้ยงคงสอนมาดีแน่เลย...
“เรารู้จักอาเหรอถึงแบ่งขนมให้กิน”
“ไม่รู้จักครับ แต่พ่อบอกว่าเห็นคนลำบากต้องช่วยเหลือ คุณอากำลังลำบากเพราะหิวใช่ไหมครับ” คนอย่างปภพน่ะเหรอจะสอนลูกเป็นด้วย เธอไม่อยากจะเชื่อสักนิด แต่ในเมื่อปภังกรบอกแบบนั้นจะพยายามยอมรับแล้วกัน
“โห ตัวเท่านี้เองทำไมเก่งจังเลย น่ารักต่างจากพ่อลิบลับ”
“คุณอารู้จักพ่อของผมด้วยเหรอ”
“ไม่อยากรู้จักหรอก..ครับ รู้จักสิ คุณปภพใช่ไหม” ประโยคแรกเอ่ยกับตนเสียงเบาแล้วค่อยพยักหน้าให้หนุ่มน้อยที่รอฟังคำตอบ
“ใช่ครับ” พอเห็นว่ามีคนรู้จักพ่อของตนก็ดีใจ อย่างน้อยคุณอาคนนี้ก็คงไม่ใช่คนไม่ดีแล้วล่ะ
“แล้วหนูออกมาจากงานยังไง ออกมาคนเดียวแบบนี้พ่อจะไม่ตามหาแย่เหรอ” เด็กอายุแค่นี้แต่ออกมาจากงานแล้วลงบันไดมาที่สวนคนเดียว
จะเก่งเกินไปแล้ว...
“ไม่หรอกครับ พ่อกำลังคุยกับผู้หญิงหลายๆ คน ผมไม่อยากนั่งฟังคุณป้าพูดเรื่องตัวเองเลยแอบออกมา” หลุดหัวเราะยามได้ยินปภังกรพูดถึงคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ถ้าเธอเป็นลูกชายเขาก็คงเบื่อเหมือนกันนั่นแหละ
ต้องทนฟังใครไม่รู้พูดเรื่องราวของตัวเอง ในงานที่ต้องสวมหน้ากากยิ้มแย้มเข้าหากันตลอดเวลา แทนที่จะได้นอนดูการ์ตูนหรือเล่นของเล่นอยู่ห้องสบายๆ
ปภพไม่ไหวจริงๆ เลย พาลูกออกมาลำบาก
“ถ้างั้นเรามาเล่นเกมกันไหม เดี๋ยวอาจะพาเล่นเกม” เริ่มสันทนาการเด็กน้อยที่ตนเพิ่งรู้จักแต่ถูกชะตา ความจริงหญิงสาวเข้ากับเด็กได้เป็นอย่างดี แต่คนละเรื่องกับการมีลูกเป็นของตัวเองเพราะเธอไม่รู้ว่าจะเลี้ยงอีกหนึ่งชีวิตได้ดีหรือเปล่า
“เกมอะไรครับ” เริ่มสนใจบ้างแล้ว และปภังกรก็ค่อนข้างชอบคุณอาที่เพิ่งเจอ
“หนูชื่ออะไรนะครับ อายังไม่รู้จักชื่อเลย” พูดคุยกันเสียตั้งนานแต่ยังไม่ได้ถามชื่อเป็นเรื่องเป็นราว เห็นเพียงหน้าค่าตาไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็คงแปลกพิกล
“วินครับ” แนะนำตัวเองด้วยวาจาฉะฉาน หล่อนจึงไม่พลาดที่จะบอกชื่อของตนเช่นเดียวกัน เพิ่งมีเพื่อนวัยเด็กก็จะเก้อเขินหน่อย
“อาชื่ออาหนึ่งนะ”
“ครับอาหนึ่ง” คนต่างวัยสบตาแล้วยิ้มให้กัน น้องวินไม่ใช่คนที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่ายและชอบละเล่นคนเดียวมากกว่า เพราะชินเสียแล้วกับการที่พ่อทิ้งให้อยู่กับหนังสือวิทยาศาสตร์และสารคดีสัตว์โลก
รู้ว่าท่านงานเยอะในหนึ่งสัปดาห์จะมอบวันอาทิตย์ให้ลูกชายตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อทดแทนเวลาที่เสียไป น้องวินก็ไม่ดื้อและไม่ซนกับปภพ ทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งสอนมาโดยตลอด
“เดี๋ยวอาหนึ่งจะพาน้องวินเล่นเกมเอบีซี” เลือกเกมที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย หนูน้อยเอียงศีรษะอย่างุนงงไม่เข้าใจว่านั่นคือเกมหรือกำลังเอ่ยตัวอักษรภาษาอังกฤษกันแน่ ทำไมตนไม่เคยได้ยินเลย
“เล่นยังไงเหรอครับ”
“เดี๋ยวอาจะอธิบายให้ฟัง...” อธิบายอย่างละเอียดเพื่อให้เด็กน้อยเข้าใจ น้องวินก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีตาแทบไม่กระพริบ กลัวว่าตัวเองจะไม่เข้าใจเกมตัวอักษร ทว่าเริ่มสงสัยมันเกี่ยวกับตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างไรในเมื่อเปลี่ยนแค่มือ
พอเริ่มเล่นก็สนุกจนเปล่งเสียงหัวเราะออกมา หญิงสาวแสร้งแพ้ให้ปภังกรสองรอบแล้วชนะอีกหนึ่งรอบ เห็นว่าหนุ่มน้อยเริ่มคล้อยตามก็อมยิ้มมีความสุข คิดถึงตอนยังเด็กแล้วมารดาพาไปงานเลี้ยงของผู้ใหญ่ หล่อนทำได้แค่นั่งมองคนนั้นคนนี้พูดคุยกัน
โดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง... เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่
เจอหน้าแม่นับครั้งได้แทนที่จะอยู่กันแบบครอบครัว กลับพาออกงานสังคมพบปะคนไม่รู้จัก หญิงสาวเลยไม่ค่อยอินกับงานพวกนี้เท่าไหร่
“เย้ วินชนะ อาหนึ่งแพ้อีกแล้ว” ชูสองแขนแล้วร้องตะโกนด้วยความดีใจ หญิงสาวที่แพ้จึงถอนหายใจแล้วอ้อนเด็กชาย
“อ่า น้องวินตีเบาๆ น้า อาหนึ่งเหมือนจะเจ็บเลย”
“ได้ครับ วินจะตีเบาๆ นะ อาหนึ่งจะได้ไม่เจ็บ” พออาหนึ่งยื่นแขนมาตรงหน้า น้องวินก็จัดการตีเบาๆ หนึ่งที ตามคำขอร้องของนารากานต์ ความใจดีของคนอายุน้อยกว่าทำให้หล่อนเอ็นดูมากกว่าเดิม
“เด็กดี...ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ” ลูบศีรษะนุ่มอย่างแผ่วเบา ทำให้น้องวินมองตาปริบ พลันรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
“วินชอบอาหนึ่ง อาหนึ่งสนใจมาเป็นแม่วินไหมครับ” คำพูดเหมือนชวนเล่นขายของแต่ใจความสำคัญเล่นเอาหล่อนถึงกับส่ายหน้าหัวสั่นคลอน คำเชิญชวนนั้นมันน่ากลัวเกินไป แค่คิดว่าต้องโดนผู้หญิงหลายสิบคนรุมทึ้งด้วยสายตาอาฆาตก็ขนลุกชันไปทั้งตัว
“หยะ อย่าดีกว่าครับ ไม่เอาดีกว่า เป็นแค่อาแบบนี้ดีอยู่แล้วนะอย่าให้เป็นแม่เลยครับ”
“ทำไมล่ะครับ ถ้าอาหนึ่งเป็นแม่เราก็จะได้เล่นกันแบบนี้ทุกวันไง” น้องวินก็ยังไม่วายอ้อนวอนเหมือนการเป็นแม่มันง่ายนักหนา นอกจากเธอจะไม่ชอบพ่อของเด็กน้อยแล้ว ยังจะมีศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจอีกหลายคนน่ะสิ
“ไม่เอาหรอก ค่อยเล่นตอนเจอกันก็ได้...” พยายามจะกล่อมให้หนูน้อยคล้อยตาม แต่กลายเป็นว่ายังไม่ทันเอ่ยจบก็มีคนขัดเสียก่อน
“อยู่นี่ค่ะ! น้องวินอยู่นี่ค่ะพี่ภพ!”
ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดราตรีสีแดงปาดไหล่ ผมเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าแสนสวยซึ่งถูกแต่งแต้มอย่างดี ภายนอกงดงามชวนตกตะลึง มาพร้อมกับพลังเสียงที่ทำให้พวกเธอตกใจจนสะดุ้ง
ตะโกนเรียกอย่างเดียวไม่พอ ยังเข้ามาอุ้มน้องวินออกไปแล้วมองหล่อนเหมือนเป็นโจรห้าร้อย เล่นเอานารากานต์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“นี่เธอกล้าดียังไงพาหลานฉันออกมาข้างนอก ตั้งใจลักพาตัวน้องวินมาใช่ไหม” ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนทว่าผู้หญิงคนนี้กลับกล่าวหาเธอโดยไม่มีมูลความจริงสักนิด
“คิดจะจับพี่ภพแต่เข้าทางลูกเขา หน้าไม่อายบ้างเลยผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้” คราวนี้หล่อนกำหมัดแน่นพร้อมจะปะทะกลับ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาเสียก่อน แล้วปภพก็เข้ามาอุ้มลูกชายสุดรักสุดหวงออกไปอย่างรวดเร็ว
“วิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่พ่อตามหาตั้งนาน กลับบ้านเรากัน” ไม่แม้แต่จะหันมามองหล่อนสักนิด หางตาก็ยังไม่แล ปล่อยหญิงสาวยืนนิ่งตาค้างเพียงลำพัง
“กลับบ้านนะครับน้องวิน” แล้วผู้หญิงที่เข้ามาเหวหล่อนเสียงดังก็เดินเคียงข้างกันไป ปล่อยเธอเอาไว้กับความโมโหที่ยังไม่ได้ระบายออกมา
นี่มันอะไรกัน หล่อนโดนด่าฟรีเหรอ!
“ดะ เดี๋ยวนะ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย! บ้าเอ๊ย ตกใจพูดไม่ออกได้ไงวะ ปล่อยให้ตัวเองโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวได้ไงหนึ่ง หึ่ย!” กระทืบเท้าอยู่อย่างนั้นเพื่อให้คลายอารมณ์โกรธได้บ้าง คอยดูเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องด่าให้อีกฝ่ายหน้าหงายบ้าง!