ตอนที่ 6 สอนงาน
สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัทในเครือก้องเกียรติพาณิชย์ อาคารสำนักงานสูงกว่าหกสิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหลวง ชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากลิฟต์ชั้นสี่สิบเก้าตรงเข้าไปที่ประตูสำนักงานใหญ่ ออีกทั้งยังเป็นชั้นขอเจ้าของตึกสูงแห่งนี้อีกด้วย
"คุณมาพบใครหรือคะ"
เสียงประชาสัมพันธ์สาวตรงหน้าประตูเอ่ยทักทายผู้มาเยือน แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้จะสนใจฟังหรือหยุดให้คำตอบเธอ เขาเดินตรงเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว เท้าที่ก้าวยาวมั่นคงไม่แม้จะหยุดหันหลังตามเสียงประชาสัมพันธ์คนสวยที่ยังเดินตามเขาเข้ามา
"ขอโทษนะคะ คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ"
เสียงร้องเรียกให้เขาหยุด เพราะเห็นคนที่เดินอย่างมุ่งมั่นไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ จนเมื่อชายคนนั้นเจอกับพนักงานที่สวนมา เขาจึงหยุดถาม
"ห้องประธานอยู่ตรงไหน"
"ทางนั้นครับ" พนักงานชี้บอกทางเขา ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครตามมาด้านหลัง จนเมื่อเสียงเอะอะดังขึ้น ราวัติเลขาของท่านประธานเดินมาดู จึงได้เห็นแขกที่มาเยือน จึงได้บอกให้ทุกคนกลับไปทำงานต่อ แขกของท่านประธาน
"คุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง"
เสียงเอ่ยทักทายคุณก้องเกียรติดังขึ้นทันที ที่ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา
"อ้าว มาแล้วหรือเจ้านนท์ นั่งก่อนซิลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักทายแล้วพลางชี้ให้ชายหนุ่มไปนั่งที่โซฟารับแขก แล้วท่านก็ลุกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่เดินตามเขาไป
"คุณต้องการอะไร" นนทิวัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยคำถามใหม่แก่ผู้เป็นพ่อ
"พ่ออยากให้แกมาเรียนรู้งานที่บริษัทเรา..."
"แล้วลูกชายของคุณล่ะ" คุณก้องเกียรติยังพูดไม่ทันจบนนทิวัฒน์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
"แกอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะ ยังทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ อีกหน่อยก็ต้องมาช่วยดูแลบริษัท รีบเข้ามาเรียนรู้งานซะ"
"ไม่ ผมไม่ทำ พ่อก็ให้ลูกชายพ่อดูแลไปซิ ผมก็มีธุรกิจที่ต้องดูแลของผม"
"ไอ้คลับบาร์ของแกน่ะนะ"
"ใช่ แล้วพ่อก็เลิกมาวุ่นวาย เลิกให้ใครต่อใครมาวุ่นวายกับผมได้แล้ว"
"ไอ้ธุรกิจสีเทาของแก เลิกซะก่อนที่ฉันจะจัดการจริงจัง ส่วนอย่างอื่นแกอยากทำฉันจะไม่ห้าม แล้วก็พรุ่งนี้เข้ามาที่บริษัท ถ้าไม่อย่างนั้นคลับแกอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้แน่" ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเข้มไม่แพ้กัน
"ผมไม่มา" นนทิวัฒน์เน้นเสียง
"ราวัติ โทรหา" คุณก้องเกียรติเอ่ยชื่อรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก จนทำให้นนทิวัฒน์ถึงกับถอนหายใจ แม้เขาจะจ่ายเงินจำนวนไม่น้อยในการเปิดทางธุรกิจสีเทาต่างๆ แต่เขาก็ยังเชื่อในเส้นสายของพ่อที่มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
"กี่โมง" นนทิวัฒน์สะบัดเสียงถามผู้เป็นพ่ออย่างไม่สบอารมณ์
"แกมาสักสิบโมงก็ได้พรุ่งนี้ พรุ่งนี้คุณรินจะกลับมาถึงกี่โมง" ในท้ายประโยคคุณก้องเกียรติหันไปถามเลขาของท่าน
"น่าจะมาถึงก่อนบ่ายโมงครับ"
"ผมกลับได้หรือยัง"
นนทิวัฒน์กลับออกมาจากสำนักงานใหญ่ด้วยอารมณ์ที่ออกจะขุ่นเคืองผู้เป็นพ่ออยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ที่ท่านให้เลขาหน้านิ่งของท่านไปตามเขาที่ร้าน แล้วเขาปฏิเสธมา ร้านของเขาก็เริ่มมีปัญหามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะพวกนักเลงหรือตำรวจที่คอยตามกวนเขาอยู่ตลอด เขาออกจะมั่นใจว่านั่นคงเป็นฝีมือพ่อแน่นอน จนสุดท้ายที่เขาแทบจะทนไม่ได้ ก็คือพนักงานตัวท็อปของเขาหลายคนถูกซื้อตัวออกไป และลูกค้าประจำที่มาแล้วไม่เจอก็ออกจะไม่ค่อยพอใจ ทำให้ที่สุดเขาต้องมาพูดกับพ่อให้รู้เรื่อง
แม้เขาจะยังโกรธท่านอยู่ แต่เมื่อเห็นหน้าตาที่ออกจะซูบผอมของท่าน ก็อดทำให้เขาใจหายไม่น้อย เพราะเมื่อหลายปีก่อนที่ได้เจอกันยังดูท่านไม่แก่ขนาดนี้เลย เขาจำใจต้องยอมรับปาก
นนทิวัฒน์มาถึงสำนักงานเวลาสิบนาฬิกาตรงตามที่นัดกับผู้เป็นพ่อเอาไว้ และครั้งนี้ประชาสัมพันธ์หน้าบริษัทก็ออกจะยิ้มแย้มต้อนรับเขาเป็นอย่างดี แถมยังช่วยนำทางมาที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัทอีกด้วย การประชุมที่แสนจะน่าเบื่อกว่าจะผ่านพ้นไป ส่วนใหญ่ก็เพียงแนะนำเขากับคณะผู้บริหาร บอกถึงขอบเขตตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคน และเขาก็ออกจะจำได้บ้างไม่ได้บ้างเสียด้วยซ้ำ กว่าจะเสร็จจากห้องประชุมก็เกือบจะเที่ยง
นนทิวัฒน์ได้แต่นั่งหาวนอนอยู่ในห้องท่านประธานใหญ่ เพราะท่านบอกว่าวันนี้ยังกลับไม่ได้ ให้รอเจอคนที่จะมาสอนงานเขาก่อน และจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้
"รอถึงกี่โมงผมหิวข้าวแล้ว" นนทิวัฒน์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่ยังนั่งเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"มาถึงแล้วครับ กำลังขึ้นมา" เสียงราวัติเอ่ยตอบ
นนทิวัฒน์ลุกออกจากโซฟา กำลังจะออกจากห้องก็ได้ยินเสียงพ่อเขาเอ่ยถาม
"นั่นแกจะไปไหน"
"ไปห้องน้ำ"
รินรดาที่ถูกเรียกตัวให้กลับกรุงเทพด่วน หลังจากที่เธอส่งงานให้พีรพลเสร็จในช่วงเช้าเธอก็รีบเข้ากรุงเทพทันที และเมื่อเธอแจ้งเลขาท่านประธานว่ามาถึงแล้ว ท่านก็บอกให้ขึ้นมาที่ห้องได้เลย
รินรดามาถึงห้องท่านประธานใหญ่ก่อนเวลาเที่ยงเพียงไม่ถึงสิบห้านาที ก็เห็นเพียงท่านประธานกับเลขาของเขา คุณก้องเกียรติเอ่ยย้ำเรื่องที่เคยบอกเธอไว้เมื่อครั้งนั้นว่าจะให้เธอช่วยฝึกงานให้ลูกชายของเขา ซึ่งเธอก็ตอบตกลงไปตามหน้าที่ ถึงจะไม่อยากทำแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา เธอที่ยังฟังท่านประธานพูดถึงงานที่จะฝากฝังให้เธอช่วยสอนไม่จบ จึงไม่ทันได้หันไปมองเสียงประตู จนท่านประธานเอ่ยแนะนำบุคคลที่เข้ามาใหม่
"คุณริน นี่เจ้าลูกชายตัวดีของผม ที่จะให้คุณช่วยสอนงานให้" ท่านประธานสูงวัยเอ่ยแนะนำคนหนุ่มที่เปิดประตูห้องเข้ามา
รินรดา มองคนที่กำลังนั่งลงตรงโซฟาข้างท่านประธานด้วยความตื่นตระหนก ไอ้หนุ่มบาร์โฮสต์