ตอนที่ 4 ทิป
คำตอบของเขาทำเอาเธอประมวลภาพในหัวแทบไม่ทันว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองลุกขึ้นมานั่งยังที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า รินรดาก็รีบคว้าผ้าห่มมาห่มเอาไว้ เธอหันไปเห็นเสื้อเชิ้ตของเขาวางพาดอยู่ขอบเตียงอีกฝั่งเลยรีบคว้ามาใส่โดยไม่ขออนุญาตหรือรอรับอนุญาต
เสื้อสีขาวตัวใหญ่แม้ผ้าจะไม่บาง แต่เมื่อคนใส่ไม่ได้มีชุดชั้นในมันก็แทบจะปกปิดเรือนร่างภายในไม่มิด อกอิ่มที่ชูชันจนเห็นยอดเชอร์รีสีสดดันเนื้อผ้าออกมา เรียวขาขาวที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมายิ่งชวนให้วาบหวิว ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปที่ห้องน้ำอีกครั้งหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาส่งให้เธอ เช่นเดียวกับที่เขาใส่อยู่ เธอเดินไปหาเขาตรงโต๊ะหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เห็นเขารินกาแฟใส่แก้ว แล้วก็ส่งให้เธอด้วย เธอรับมาแล้วก็นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามเขา
"เสื้อจะมาส่งกี่โมงคะ ฉันต้องไปทำงาน"
"หือ วันเสาร์เนี่ยนะ"
"ใช่ค่ะ" เขาเพียงพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ รินรดาก็เพียงนั่งดื่มกาแฟของเธอต่อ
เมื่อกาแฟจวนจะหมดแก้ว เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังขึ้น เขาเดินออกไปเปิดประตู เธอแอบมองตามไปจึงได้เห็นแม่บ้านนำชุดของเธอมาส่งให้ เขารับมาแล้วก็ยื่นให้เธอ รินรดาจึงหายเข้าห้องน้ำไปอยู่ครู่ เมื่อเธอออกมาก็เห็นเขาแต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน
"ฉันต้องเดินออกไปทางไหนคะ" เธอถามเขาเพราะไม่แน่ใจ เขาไม่ตอบแต่กลับเป็นสายตาสำรวจมองมาที่เธอ
"เดี๋ยวผมจะไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้"
"เป็นบริการของทางร้านครับ แล้วผมก็บอกคุณฟาติมาไปแล้วด้วย เกรงว่าถ้าไม่บริการจนครบ อาจจะเกิดปัญหากับผมได้"
รินรดามองดูนาฬิกาที่ผนังข้างฝาในห้อง ถ้าเกิดเธอยังต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกนิดเดียวคงจะไม่ทันประชุมตอนเช้าแน่นอน
"โอเคค่ะ"
นนทิวัฒน์ขับรถมาส่งที่คอนโดแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ใช่คอนโดหรูหราเหมือนพวกไฮโซ แต่ก็นับว่าราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ลำพังถ้าเงินเดือนพนักงานธรรมดาคงยากที่จะผ่อนให้รอดได้ในแต่ละเดือน รินรดาเอ่ยขอบคุณเขาแล้วก็ลงจากรถทันที
เธอนึกอยากจะโทรไปต่อว่านังเพื่อนตัวดี ที่ทิ้งเธอไว้ที่โฮสต์คลับเสียเหลือเกิน แต่ด้วยเวลาจำกัด ถ้าเธอไม่รีบออกจากบ้านก่อนแปดโมงเช้าเธอคงจะสายแน่นอน
รินรดามาถึงที่บริษัทเกือบจะได้เวลาเริ่มประชุมพอดี นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญท่านประธานคงจะไม่เรียกประชุมด่วนในวันหยุดเช่นนี้แน่นอน เธอสรุปได้ว่าเรื่องใหญ่ของท่านประธานก็คือ ลูกค้าจากต่างประเทศจะมาที่บริษัทในวันจันทร์ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเตรียมการต้อนรับ และอีกเรื่องก็คือเรื่องที่ท่านจะให้ลูกชายอีกคนของท่านเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัท รินรดาจึงได้รู้ว่าท่านมีลูกชายอีกคนนอกจาก คุณพีรพล ที่ตอนนี้ก็อยู่ในที่ประชุมด้วย เธอไม่เห็นเขาแสดงสีหน้าใดๆ เพราะเกือบทุกสายตาแทบจะหันไปมองเขาเป็นตาเดียว จนเมื่อการประชุมเร่งด่วนนี้จบลง รินรดาคิดว่าจะได้กลับไปพักผ่อนเสียหน่อย เพราะปกติวันเสาร์จะเป็นวันหยุดบริษัท
"คุณรินรดา เดี๋ยวคุณอยู่ก่อน" ท่านประธานใหญ่เอ่ยบอกเธอ รินรดาที่กำลังจะลุกออกจากโต๊ะ ก็ต้องนั่งลงอีกครั้ง
"ค่ะ" เธอเพียงขานรับเบาๆ เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว คงเหลือเพียงคุณก้องเกียรติประธานใหญ่ของบริษัท และเลขาส่วนตัวของท่านอีกคนคุณราวัติ
"ฉันมีเรื่อง เรียกว่าขอร้องดีกว่า อย่าเรียกว่าสั่งเลย" ท่านหยุดมองหน้าคนฟังนิดก่อนจะเอ่ยต่อ
"ค่ะ"
"เดี๋ยวถ้าลูกชายฉันมาทำงาน คงต้องขอร้องให้เธอช่วยสอนงานให้เขาหน่อย"
"เอ่อ..ค่ะ" เสียงขานรับออกจะแปลกใจไม่น้อย
"เจ้านนท์ มันออกจะเกเรสักหน่อย ไปอยู่เมืองนอกกับแม่เขาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยม เห็นว่าตอนนี้จบปริญญาโทแล้ว แต่กว่าจะจบแม่เขาก็เหนื่อยแทบแย่"
"ค่ะ" รินรดายังคงทำได้แค่เพียงขานรับเรื่องที่ฟังอยู่
"เจอตัวหรือยังล่ะ" คุณก้องเกียรติหันไปถามเลขาของเขา
"ได้เบาะแสแล้ว น่าจะเร็วๆ นี้ครับท่าน" ราวัติเอ่ยตอบท่านประธาน
"ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก อีกสักพักแหละ แต่บอกให้เธอเตรียมตัวไว้ก่อน"
"ค่ะ"
"เขาน่าจะไล่ๆ กับเธอนี่แหละ ปีนี้อายุเท่าไหร่ล่ะ"
"สามสิบแล้วค่ะ"
"อ๋อ อ่อนกว่าเธออยู่สามปี เจ้านั่นยี่สิบเจ็ดปีนี้"
แม้ภารกิจดูจะหนักหนาเพราะดีกรีเป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัท แต่เมื่อเห็นว่าอายุออกจะน้อยกว่าเธอ คงจะคุยกันพอได้ อย่างน้อยเวลาสอนงานเธอจะได้ไม่ต้องเกร็งเขามากนัก เธอสังเกตว่าท่านประธานออกจะเป็นห่วงลูกชายคนนี้ไม่น้อย เมื่อเทียบอายุกับคุณพีรพล น่าจะเป็นน้องชาย แม้เธอจะมีคำถามว่าทำไมไม่ให้ไปเรียนรู้งานบริหารกับพี่ชายเขาแต่กลับให้มาเรียนรู้งานกับเธอ สงสัยให้เริ่มเรียนรู้จากตำแหน่งเล็กๆ ก่อน
หลังจากประชุมเสร็จรินรดาลงมาที่ลานจอดรถ และเมื่อเข้ามานั่งในรถได้ เธอก็รีบควานหาโทรศัพท์โทรหานังเพื่อนตัวดีของเธอทันที
"เมื่อคืนทำไมแกไม่เรียกฉันกลับด้วย" ทันทีที่ฟาติมารับสาย รินรดาก็ใส่คำถามทันที
"แหมหล่อน จะว่าฉันไม่เรียก แกซัดกันท่าไหนชุดถึงเปียกขนาดต้องส่งซัก แถมยังหลับคาเตียงอีก ได้ไปกี่น้ำยะ ลืมไอ้หัวชมพูที่บ้านแกไปเลยซินะ"
"แกไม่ต้องพูดถึงมัน"
"เชอะ" ฟาติมาทำเสียงใส่เพื่อนอย่างน่าหมั่นไส้
"ทั้งหมดก็เพราะแกนั่นแหละ ฉันบอกแล้วว่าไม่เอาๆ"
"ก็แกเป็นคนบอกเองนี่ ว่าน่าสนใจ ฉันก็เลยจัดให้แกไง"
"ฉันพูดไปอย่างงั้น ไม่ได้จริงจัง"
"เออ สมาชิกที่ฉันสมัครให้แกน่ะมีอายุหนึ่งปีนะ เผื่อวันไหนแกเหงาๆ ก็ไปได้ จ่ายแค่ค่าเซอร์วิส กับให้น้องๆ นิดหน่อย" ฟังฟาติมาเอ่ยบอก ทำให้รินรดาเพิ่งจะนึกออกเดี๋ยวนี้เองว่าเธอลืมอะไรไป
"ฉันลืมจ่ายทิปให้น้องเขาอ่ะแก" เสียงร้อนรนเอ่ยบอกเพื่อน
"โถๆ เพื่อนรัก เขาบริการซะหลับคาเตียง แกนี่นะ ขายขี้หน้าฉันหมด เขาจะคิดว่านังป้าสองคนนี้งกจัง" แม้ฟาติมาจะเอ่ยเสียงหวานให้เพื่อน แต่ก็แค่ประโยคแรก พอประโยคถัดมา รินรดาจึงรู้ว่าเพื่อนแทบอยากจะหยุมหัวเธอ
"ทำไงดีล่ะ ผิดธรรมเนียมมากไหม"
"ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะที่นี่เขาบริการอย่างกับแกเป็นนางฟ้า"
หลังจากวางสายจากเพื่อน รินรดาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนแรกเธอจะให้เพื่อนเธอเอาไปให้ แต่ยายนั่นก็ดันอยู่พัทยาเสียแล้ว หรือจะให้โอนให้ แต่ถ้าโทรไปถามเลขบัญชีเขา เขาก็ต้องปฏิเสธแน่นอน รินรดาหันไปคว้าแฟ้มเอกสารด้านเบาะหลัง เธอค้นดูภายในแฟ้มเผื่อจะเจอซองจดหมายสีขาวที่เป็นซองเปล่าหลงเหลืออยู่บ้าง เธอหยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทในกระเป๋าสตางค์ออกมาสองใบ 'หวังว่าคงไม่น่าเกลียดมากนะ' แต่เมื่อดูเวลาเพิ่งจะเที่ยงวัน เธอก็ไม่แน่ใจว่าที่คลับจะมีพนักงานมาทำงานหรือยัง รินรดาจึงคิดว่าเธอควรจะไปช่วงเย็นหรือมืดๆ สักหน่อยจะดีกว่า
ยี่สิบนาฬิกา รินรดาขับรถมาที่คลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะต่างจากเมื่อคืนอยู่ไม่น้อย เพราะเธอไม่ได้มาด้วยชุดทำงานที่นังฟาติมามักเรียกว่าชุดป้า แต่เธอเลือกที่จะใส่กางเกงขาสั้นตัวเล็กอวดเรียวขา เสื้อยืดพอดีตัวที่ออกจะเห็นทรวดทรงอยู่ไม่น้อย เธอคิดว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าชุดป้าเมื่อวานนั่นแหละ แว่นตาหนาเตอะก็ถูกถอดออกใส่คอนแท็กต์เลนส์แทน ผมลอนยาวถูกมัดไว้สูงแบบหางม้า รองเท้าส้นเข็มสูงสามนิ้ว ยิ่งส่งให้เรียวขานั้นดูยาวขึ้นไม่น้อย แม้เธอจะสูงแค่ร้อยหกสิบก็ตาม