บท
ตั้งค่า

8 อยากเจอ

รถสองแถวที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักเรียนค่อยๆ จอดอย่างช้าๆ บริเวณหน้าปากซอยที่หน้าร้านขายของชำ นักเรียนต่างทยอยเดินลงมากันเรื่อยๆ ปุณณวิชญ์เคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถอย่างร้อนใจเพราะยังไม่เห็นหลานสาวของเขาเดินลงมา จนกระทั่งรถโดยสารแล่นออกไป

เขาไม่เคยมารอรับหลานสาวลงจากรถโดยสารมาก่อนเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากปากซอยมากนัก แต่วันนี้เขาอยากจะคุยกับเธอเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่นักว่าเด็กสาวจะมากับรถโดยสารคันไหน

‘คงไม่ใช่คันนี้’ ชายหนุ่มคิดในใจ

รถโดยสารผ่านไปแล้วอีก 2 คันพิจิกาก็ยังไม่มากับรถคันไหนเลย จนท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พระอาทิตย์กำลังจะอำลาของฟ้าสิ้นสุดภารกิจของวัน

ครืด...ครืด....โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับสั่นอยู่นานก็ไม่ทำให้เจ้าของหันมาสนใจเลยสักนิดเพราะขณะนี้เขากำลังร้อนใจที่หลานสาวยังไม่กลับบ้านทั้งๆ ที่เริ่มจะมืดแล้ว โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดก็ยังคงสั่นไม่หยุดจนชายหนุ่มต้องเบนสายตามามองเพราะความรำคาญ

หนูดี คือชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอขนาด 5.8 นิ้วของ ไวเท่าความคิดชายหนุ่มรีบกดรับสายทันที

“หนูดี อยู่ไหนทำไมยังไม่กลับบ้านครับ” เขารีบกรอกเสียงไปตามสายโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรเลยสักนิด

“คะ?”

“น้ามารอหนูดีอยู่ที่หน้าปากซอยตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว ไม่เห็นหนูดีมาสักทีเลย”

“อะไรนะคะน้าวิชญ์....” หญิงสาวไม่แน่ใจสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“น้าบอกว่า น้ามารอรับหนูดีที่หน้าปากซอย ตรงร้านขายของชำที่หนูดีเคยบอกว่าชอบมาลงรถโดยสารที่นี่ แต่รถผ่านไปหลายคันแล้วหนูดียังไม่มาสักที นี่น้าว่ากำลังจะไปตามหนูดีที่โรงเรียนอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้หนูดีอยู่ที่ไหน น้าจะได้ไปรับถูก” ปุณณวิชญ์พูดเสียยืดยาวแทบลืมหายใจด้วยความเป็นห่วงหลานสาวคนเดียว

เสียงหัวเราะของหลานสาวดังมาตามสายแล้วเธอก็ต้องรีบพูดออกไปก่อนคนที่อยู่ปลายสายจะวิตกกังวลมากไปกว่านี้

“น้าวิชญ์ ใจเย็นๆ ค่ะ วันนี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเลยหนูดีเลยกลับบ้านเร็วกว่าปกติ นี่หนูดีกลับมาถึงบ้านตั้งแต่บ่ายสามแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มทั้งโล่งใจและนึกขำตัวเองไปพร้อมๆ กัน ถ้าเขาโทรศัพท์ไปถามตั้งแต่เธอไม่ลงมาจากรถโดยสารคันแรกก็ไม่ต้องมานั่งรออยู่ในรถเกือบสองชั่วโมงอย่างนี้

“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะ” เด็กสาวรีบมาเอาใจเมื่อชายหนุ่มเดินขึ้นมาบนบ้าน ความรู้สึกอุ่นใจที่เห็นว่าน้าชายเป็นห่วงทำให้หัวใจดวงน้อยพองโต ‘นี่คงเป็นอาการพ่อหวงลูกสาวอย่างที่เพื่อนๆ มักจะเล่าให้เธอฟัง’ พิจิกาแอบคิดในใจ

“รอหนูดีนานเลย เมื่อยไหมคะ” ไม่เพียงแค่พูดแต่เธอนวดไหลให้เขาอย่างเอาใจ

“นิดหน่อย น้าไม่รู้ว่าหนูดีกลับมาแล้ว จะโทร. ถามก็ลืมสงสัยจะแก่แล้ว” ปุณณวิชญ์หัวเราะ

“ยังไม่แก่เลยค่ะ วัยอย่างน้าวิชญ์นี่แหละที่สาวๆ ชอบ”

“น้าไม่ยักรู้นะ ว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นเค้าชอบคนมีอายุกัน” ชายหนุ่มฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขาเริ่มจะตามวัยรุ่นไม่ค่อยทันแล้ว

“ก็คนอายุเยอะกว่า โตกว่าไม่ค่อยงอแงงี่เง่าเหมือนคนวัยเดียวกันไงคะน้าวิชญ์ เพื่อนหนูดีบางคนยังมีแฟนเป็นรุ่นพี่เรียนมหาลัยเลยค่ะ” คนพูดไม่ได้คิดอะไรเพราะแค่เล่าเรื่องไปตามปกติ แต่คนฟังเริ่มไม่สบายใจ เพราะวัยขนาดนี้ยังไม่สมควรที่จะคบหาเพื่อนต่างเพศ

“แล้วหนูดีล่ะ มีแฟนกับเขาหรือยังครับ” ในที่สุดปุณณวิชญ์ก็กล้าที่จะถามหลานสาวออกไปตรงๆ

พิจิกาหัวเราะตัวงอกับคำถามของน้าชาย “บ้าไปแล้วค่ะ ใครจะไปมีแฟนกันปวดหัวตายเลยค่ะ เดี๋ยวโกรธกัน เดี๋ยวงอนกันวันๆ มีอยู่แค่นี้ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี หนูดีว่าแค่เรื่องเรียนเรื่องเดียวหนูดีก็ปวดหัวแล้วค่ะ”

คนเป็นน้ารู้สึกใจชื้นที่ได้ยินคำตอบของหลานสาว เขารู้ว่าพี่สาวของเขานั้นสอนลูกสาวมาอย่างดีเหมือนกับที่เคยสอนเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“แล้วพี่โอปล่ะ หนูดีไม่ได้คิดอะไรกับเขาใช่ไหม” เด็กสาวส่ายหน้า ขมวดคิ้วอย่างสงสัยในคำถามที่ออกมาจากปากของน้าชาย

“ไม่นี่คะ” เด็กสาวตอบไปแบบงงๆ เพราะยังเข้าใจสิ่งที่น้าชายถาม

“ก็ดีแล้ว เพราะเท่าที่น้าดูจากในรูป พี่โอปอะไรเนี่ย อายุก็น่าห่างจากหนูดีพอสมควร ดีแล้วที่หนูดีไม่คิดอะไรกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นน้าคงไม่ค่อยชอบใจนัก ผู้ชายอายุขนาดนั้นน่าจะผ่านอะไรมาเยอะไม่เหมาะจะเป็นแฟนหนูดีหรอกและอีกอย่างหนูดีคงจะตามผู้ชายแบบนั้นตามไม่ทันหรอก” เมื่อได้พูดในสิ่งที่ตัวเองกังวลออกไปแล้วปุณณวิชญ์ก็เหมือนยกภูเขาลูกย่อมออกจากอก

“อ๋อ...ค่ะ” พิจิกาพยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินเลี่ยงออกไปปล่อยให้น้าชายนั่งอยู่หน้าระเบียงบ้านคนเดียว

เมื่อเดินออกมาพ้นสายตาของน้าชายแล้ว พิจิกาก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดไปดูรูปที่เคยส่งให้น้าชายอีกครั้ง ในรูปนั้นเธอนั่งติดกับคุณอรรถพล ส่วนพี่โอปนั่งกับไมค์ แล้วเธอก็ยิ้มกว้างเพราะเข้าใจแล้วว่าน้าชายทำไมต้องทำเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจพี่โอป

“แม่คะ” พิจิกานอนเอามือเท้าคางอยู่บนเตียง มองมารดาที่กำลังตรวจการบ้านเล่มสุดท้าย ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“มีอะไรหรือเปล่าหนูดี หรือว่าง่วงแล้ว” เมษาเก็บสมุดทั้งหมดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูกสาวที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง

“หนูดีมีเรื่องจะเล่าให้แม่ฟังค่ะ”

“แม่ก็นึกว่าหนูจะรอเข้านอนพร้อมแม่ที่ไหนได้ มีเรื่องมาเล่านี่เอง เรื่องอะไรล่ะท่าทางจะสนุกนะ” เมื่อเธอเห็นแววตาระยิบระยับของลูกสาวก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องสนุกๆ อย่างที่เธอเคยทำ

“ก็น้าวิชญ์น่ะสิคะแม่” พิจิกาขยับเข้ามาใกล้ผู้เป็นแม่เพราะกลัวเสียงตัวเองจะดังไปถึงข้างนอก

“น้าวิชญ์?” เมษาเลิกคิ้วสงสัย

“ค่ะ เมื่อตอนเย็นน้าวิชญ์คุยกับหนูดีหลายเรื่องเลยค่ะแล้วอยู่ๆ ก็ถามหนูดีว่าคิดยังไงกับพี่โอป พอหนูดีบอกว่าไม่ได้คิดอะไร น้าวิชญ์ท่าทางโล่งใจแล้วบอกว่าดีแล้วเพราะหนูดีกับพี่โอปอายุห่างกันเยอะไม่เหมาะจะเป็นแฟนกัน”

“แม่ไม่เข้าใจ หนูจะเป็นแฟนกับหนูโอปอได้ยังไง มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า” เมษามองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย

เด็กสาวส่ายหน้า “แม่ลองดูรูปนี้สิคะ” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์มือถือที่มีรูปถ่ายของเธอกับพี่โอปและนักท่องเที่ยวอีก 2 คนบนเรือ

เมษามองดูรูปแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ลูกสาวพยายามจะเล่าให้ฟังอยู่ดี “เล่าต่อเถอะลูก”

“ค่ะแม่ ก็ในรูปหนูดีนั่งกับนักท่องเที่ยวเค้าชื่อคุณพลค่ะ เค้ามากับแฟนที่เป็นฝรั่งคนนี้” เธอชี้ไปที่รูป “แล้ววันนั้นหนูดีก็บอกกับน้าวิชญ์ว่า ไปเป็นเพื่อนพี่โอป พาคู่รักนักท่องเที่ยวไปดูหิ่งห้อย น้าวิชญ์น่าจะคิดว่าพี่โอปกับฝรั่งในรูปเป็นแฟนกัน แล้วคุณพลที่นั่งคู่กับหนูดีคือพี่โอป” เธอหยุดหายใจ

“ถึงว่าล่ะ เช้าวันถัดมาน้าชายเราถึงโทร. หาแม่แต่เช้า คงเพราะเป็นห่วง แล้วทำไมหนูดีไม่อธิบายน้าเค้าไปล่ะลูก ว่าพี่โอปที่หนูชอบเรียกน่ะคือหนูโอปอแล้วพี่เค้าก็เป็นผู้หญิงเป็นผู้หญิง”

“ก็หนูดีไม่กล้าบอกค่ะ หนูดีอยากให้แม่บอกน้าวิชญ์เอง เพราะน้าวิชญ์ต้องหน้าแตกแล้วคงอายหนูดีแน่ๆ”

“อ๋อ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะบอกให้ แล้วหนูก็อย่าลืมพาน้าเค้าไปทำความรู้จักกับหนูโอปอด้วยนะลูกจะได้คุ้นเคยกันไว้”

“ค่ะแม่ เย็นพรุ่งนี้พี่โอปจะฉลองวันเกิดให้หนูดีที่บ้านนะคะ แม่ไปด้วยกันนะคะ ครูกัลยาว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกับแม่เลย เห็นครูว่าเปลือกส้มโอเชื่อมที่แม่ให้หนูดีเอาไปให้ลองชิมครั้งก่อน รสชาติอร่อยถูกใจเลยจะให้แม่ลองทำไปวางขายที่ร้านของฝากครูกัลยาในตลาดค่ะแม่”

เปลือกส้มโอเชื่อมเริ่มมีคนทำมาวางขายกันหลายเจ้าตามร้านของฝากในตลาดน้ำ เมษาเลยลองนำเปลือกส้มโอมาทำบ้าง กว่าจะทำได้ก็เสียเปลือกส้มโอไปมากโขเพราะยังติดรสขมของเปลือกอยู่ครั้งที่แล้วรสชาติเริ่มอร่อยลงตัวไม่มีรสขมของเปลือก เธอจึงให้ลูกสาวเอาไปฝากให้ครูกัลยาได้ชิม ไม่นึกว่าครูกัลยาจะชอบถึงขนาดให้เธอทำไปวางที่ร้านขายของฝากในตลาดน้ำที่ครูเปิดไว้แล้วจ้างเด็กในหมู่บ้านที่ว่างจากงานสวนไปช่วยขายในวันที่ตลาดเปิด

“ที่บ้านใช่ไหมลูก” เมษาถามลูกสาวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ค่ะแม่ จัดที่บ้านค่ะ ตอนแรกจะจัดที่โฮมสเตย์แต่พอดีตรงกับวันศุกร์พี่โอปกลัวว่าจะไม่ค่อยสะดวกเพราะแขกที่มาพักอาจจะอยากได้ความเป็นส่วนตัว”

วันนี้เมษาต้องรีบไปทำงานที่โรงเรียนแต่เช้าเธอเลยไม่ได้บอกเรื่องที่น้องชายเข้าใจผิดเมื่อวานเพราะคิดว่ายังไงเย็นนี้ก็ได้เจอกันอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel