7 ผู้หญิงคนนี้น่ากลัว
หลังจากส่งหญิงสาวคนรักเก่าแล้วปุณณวิชญ์ก็ขับรถเข้ามายังที่จอดรถของคอนโดฯ ในทีแรกรปภ. จะไม่ยอมให้รถของเขาผ่านเข้าไปเพราะไม่มีสติ๊กเกอร์ของคอนโดฯ ติดอยู่ที่หน้ารถเหมือนผู้เข้าพักอาศัยคนอื่นๆ แต่เมื่อเขาลดกระจกด้านคนขับลงรปภ. ก็ให้เขาขับรถเข้าไปจอด
คอนโดฯ แห่งนี้เขาพึ่งซื้อได้ไม่นานราคาก็หนักเอาการอยู่แต่เพราะเห็นว่าใกล้ที่ทำงานและการเดินสะดวกสบายก็ตกลงจ่ายโดยไม่คิดอะไรมากเพราะถือว่าเป็นการซื้อความสุขให้กับตัวเอง ภายห้องกว้างขวางตกแต่งโทนสีน้ำตาลอย่างที่เขาชอบ ห้องชุดนี้มีห้องเล็กๆ อีกห้องที่เขาจัดเตรียมไว้ เพราะคิดว่าอีกหน่อยถ้าพิจิกาเข้ามาเรียนมาในกรุงเทพฯ จะได้มาพักกับเขาที่นี่ ส่วนของห้องครัวก็มีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน แต่หนุ่มโสดอย่างเขาแทบไม่ค่อยได้ใช้
เนื่องจากส่วนใหญ่จะทานอาหารมาจากข้างนอกมากกว่า มุมรับแขกมีโซฟาเบดสีเทาเข้ม เป็นมุมที่เขาโปรดปรานที่สุด ตรงข้ามมีทีวีจอกว้าง 50 นิ้ว วางอยู่ ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านเพราะเขาจ้างแม่บ้านที่คอนโดฯ ให้มาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ น้อยชิ้นเพราะชายหนุ่มนั้นชอบความโล่งมากกว่า
ภายในห้องนอนสีควันบุหรี่สลับขาวเตียงกว้างที่ตอนนี่มีร่างหนานอนจมอยู่ใต้ผ้าห่มสีเทาเข้ม มีตู้ข้างเตียงสีแชมเปญ วอลนัท ขนาด 50 ซม. ช่องบนมีหนังสือที่เจ้าของห้องชอบหยิบมาอ่านก่อนนอนอยู่หลายเล่ม ช่องล่างเป็นลิ้นชักเก็บเอกสารจำพวกบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้านบนสุดวางโทรศัพท์กับโคมไฟขนาดเล็กไว้ อีกมุมหนึ่งของห้องมีโต๊ะทำงานกับคอมพิวเตอร์แบบออลอินวันที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้งานบ่อยนักเพราะเขามักจะใช้โน้ตบุ๊กเป็นส่วนใหญ่
ติ๊ง.. ติ๊ง..ติ๊ง.. เสียงไลน์ดังรั่วๆ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาดูว่าใครกันที่ไลน์มาเวลานี้
หนูดี : รูปคน 4 คนใส่เสื้อชูชีพอยู่บนเรือ
หนูดี : รูปต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยส่งแสงระยิบระยับท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน
หนูดี : เรื่อเที่ยวพิเศษกับคู่รักนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติค่ะน้าวิชญ์
ปุณณวิชญ์ไม่ค่อยชอบช่องทางการติดต่อแบบนี้มากนักเพราะเขาขี้เกียจพิมพ์ ชายหนุ่มกดโทร.ออกไปทันทีโดยไม่พิมพ์ตอบ
“หนูดี ไปทำอะไร” น้ำเสียงที่เป็นห่วงส่งผ่านมาทางโทรศัพท์
“หนูดีมาดูหิ่งห้อยค่ะ” พิจิกาตอบไปตามจริง
“น้ารู้ แต่หนูดีเคยบอกว่า เรือชมหิ่งห้อยจะมีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดไม่ใช่เหรอ” เขาทวนความจำให้หลานสาว
“อันนี้กรณีพิเศษค่ะน้าวิชญ์ พอดีนักท่องเที่ยวอยากมาดูวันนี้เลยจ้างเรือพามาให้ดูค่ะ พี่โอปเลยชวนหนูดีมาเป็นเพื่อน”
“น้าเป็นห่วงมีไปกันแค่นั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” ปุณณวิชญ์เป็นห่วงไปสารพัดเพราะดูจากรูปแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นคงจะเอาตัวรอดกันยาก เพราะมีผู้ชายถึง 2 คน กับผู้หญิงตัวเล็กๆ อีก 2 คน
“ไม่ต้องห่วงนะคะ น้าวิชญ์หนูดีดูแลตัวเองได้ พี่โอปก็อยู่ด้วยทั้งคน” พิจิกายังคงมองโลกในแง่ดีอย่างที่เคยเป็น
“แล้วหนูดีจะกลับบ้านตอนไหน นี่ดึกมากแล้วกลับเองได้หรือเปล่า” ปุณณวิชญ์อยากจะขับรถกลับอัมพวาตอนนี้เลยเพราะเป็นห่วง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าแต่ก่อนหนูดีออกมากับนักท่องเที่ยวกลางคืนอย่างนี้บ่อยไหม เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นและไม่เคยรู้ แต่ตอนนี้เขารู้และก็อดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้ไม่ได้
“คืนนี้หนูดีค้างกับพี่โอปค่ะ หนูดีไม่ค่อยได้ยินเสียงน้าวิชญ์เลยค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะเรือกำลังจะวนกลับแล้วค่ะ” พิจิกาวางสายไปแล้ว ปุณณวิชญ์มองรูปที่ส่งมาอีกครั้ง ในเรือมีผู้ชายคนเดียวที่เป็นคนไทยน่าจะเป็นคนที่ชื่อโอป เพราะอีกคนดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนไทย ส่วนอีกคนก็เป็นผู้หญิง น่าจะเป็นแฟนกับหนุ่มชาวต่างชาติคนนั้น
เด็กสาวบอกว่าคืนนี้จะค้างกับพี่โอป มันหมายความว่ายังไงกัน เพราะผู้หญิงกับผู้ชายถ้าลองได้พักด้วยกันแล้วไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เขาพยายามโทรหาหลานสาวอีกครั้งก็ไม่มีคนรับ ครั้นจะโทรไปหาพี่สาวก็กลัวว่าจะทำให้เธอไม่สบายใจ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่านายโอปอะไรนั่นจะไม่คิดอะไรเกินเลยกับเด็กอายุยังไม่ถึง 15 อย่างพิจิกาหลานสาวของเขา
ติ๊ดๆ ...ติ๊ดๆ ... เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นรอบที่ 3 หลังจากที่ปุณณวิชญ์เลื่อนปลุกมา 2 รอบแล้ว เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับก็เกือบจะตีหนึ่ง เพราะเป็นห่วงพิจิกา เช้านี้ชายหนุ่มคิดว่าจะโทรไปถามก่อนที่หลานสาวจะไปเรียน แต่กดโทรศัพท์โทร. หาพิจิกาก็ปิดเครื่องเขามองนาฬิกาที่ปลายเตียง แค่ 7.30 ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน ปุณณวิชญ์เริ่มไม่สบายใจ จึงตัดสินใจโทร. หาเมษา
“อ้าว วิชญ์มีอะไรโทร. มาแต่เช้าเลย”
“เปล่าครับ” ปุณณวิชญ์ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“นี่พี่กำลังจะเตรียมไปดูนักเรียนเข้าแถวกันแล้ว วิชญ์มีธุระอะไรด่วนไหม”
“คือ ...เมื่อคืนหนูดีค้างที่โอบรักโฮมสเตย์ผมเลยอยากถามว่าเช้านี้เธอกลับมาหรือยัง” เมื่อถามออกไปแล้วก็กลั้นใจรอฟังคำตอบ
“วิชญ์ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนูดีกลับมาตั้งแต่เช้า และอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนตามปกติ หนูดีไปนอนค้างที่โฮมสเตย์อยู่บ่อยๆ วิชญ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ วิชญ์คงยังไม่เคยเจอเจ้าของโอบรักโฮมสเตย์เลยอาจจะกังวล แต่พี่ว่าไม่มีอะไรหรอกจ้ะ บ้านนั้นเค้าเอ็นดูหนูดีกันทั้งบ้าน พี่ต้องรีบไปก่อนเด็กมาเข้าแถวกันเยอะแล้ว ตอนเย็นพี่จะให้หนูดีโทร. ไปหานะ” เมษารีบวางสายเพราะเธอต้องไปคุมนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ
แม้จะได้ยินคำยืนยันจากปากของพี่สาวแล้ว ปุณณวิชญ์ก็ยังไม่ค่อยสบายใจมากนัก เห็นทีเขาคงต้องหาเวลาไปทำความรู้จักกับเจ้าของโอบรักโฮมสเตย์บ้างเสียแล้ว
ชายหนุ่มขับรถเก่าคันเดิมออกจากคอนโดฯ แล้วตรงไปยังที่ทำงาน เขากะเอาไว้ว่าจะเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จก่อนบ่ายเพราะรู้ดีว่ามุกไหมนั้นจะต้องมาหาเขาอีกแน่ๆ แต่กว่าเธอจะตื่นก็คงจะหลังเที่ยงวันไปแล้วตามปะสานักเที่ยวที่เขาเคยรู้จัก
“คุณวิชญ์” ดารณีตกใจที่เห็นเจ้านายมาแต่เช้าทั้งๆ ที่ยังอยู่ในช่วงวันหยุดตามที่เขาได้แจ้งเธอไว้
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นครับคุณดารณี” ชายหนุ่มถามขึ้น
“คือ...ดาไม่คิดว่าคุณจะเข้ามา” ตอบออกไปแต่ก็ต้องรีบหลบสายตา
“ไหนๆ ก็มาจากบ้านแล้วเลยว่าจะเข้ามาทำงานต่อสักหน่อย แล้วก็จะพักจริงๆ แล้ว หวังว่าคราวนี้คงมามีเรื่องด่วนแบบเมื่อวานอีกนะครับคุณดา” ปุณณวิชญ์บอกกับเลขาฯ ด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง
“อย่าไปว่าคุณดาเลย...โทษแฟนเก่าของแกดีกว่ามีอย่างที่ไหน อยู่ๆ ก็มาขู่ว่าจะเอามีดกรีดข้อมือตัวเองถ้าไม่โทร. ตามให้นายเข้ามาที่บริษัท” ตุลาเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาจิบอย่างสบายใจ
“เฮ้อ...” ปุณณวิชญ์ถอนหายใจก่อนชวนกันเดินหายเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
“แล้วแกจะเอายังไงต่อดีล่ะ จะกลับไปคืนดีด้วยไหม น้องเค้าก็หน้าตาน่ารักดีอยู่หรอกนะ แต่ฉันว่าไม่ค่อยเหมาะกับแกสักเท่าไหร่” เมื่ออยู่กันแค่ 2 คนในห้องตุลาก็พูดกับเพื่อนอย่างที่ตนเองคิด
ปุณณวิชญ์สายหัวเพราะยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีวิธีไหนทำให้มุกไหมเลิกยุ่งกับเขา
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่ได้ติดต่อกันไปนานหลายปีพอเจอกันอีกทีก็เลยรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ากว่า”
“นี่แสดงว่าไม่ได้คิดจะกลับคืนดีสักนิดเลยใช่ไหมวะ”
“อือ ไม่หรอก เจ็บแล้วจำตอนนี้ไม่อยากมีใครทั้งนั้นแหละ แค่เรื่องงานก็ปวดหัวจะแย่”
“นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ ไม่คิดจะมีใครไหมเหรอ”
“ยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า ผู้หญิงเดี๋ยวนี้หาที่ถูกใจยากจังก็ไม่รู้”
“ก็แกมันเรื่องมาก มีสาวๆ มาให้เลือกตั้งเยอะก็ไม่เห็นสนใจจริงๆ สักคน”
“ก็แกดูแต่ละคนที่เข้ามาสิ ให้ฉันควงไปไหนต่อไหนก็ได้นะ แต่ถ้าจะให้มาเป็นแม่คงลูกคงต้องคิดหนักว่า ฉันอยากเจอคนที่พูดกันรู้เรื่องหน้าตายังไงก็ได้ ขอแค่เข้าใจงานของฉันและไม่งอแงเป็นเด็กบางทีทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องไปเอาใจพวกเธออีก ฉันก็ไม่ไหมเหมือนกัน” ปุณณวิชญ์บอกกับเพื่อน
ผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกเขานั้นช่างหายากเสียจริง ชายหนุ่มต้องการใครสักคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต่องทำตัวติดกันหรือต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่ต้องให้เขาเอาอกเอาใจมากเพราะเขาเองมีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะอยู่แล้วถ้ายังจะต้องเอาเวลาไปตามใจผู้หญิงอีกชายหนุ่มก็คงจะเหนื่อยและปวดหัวน่าดู
“ตรีว่าพี่คงจะเจองานหนักแล้วล่ะคะ” ตรีทิพย์ที่เดินเข้ามาฟังอยู่น่านก็พูดขึ้น
“ทำไมล่ะ” เขาหันไปถามรุ่นน้อง
“ตรีได้ยินมาว่ามุกไหมเค้าพึ่งจะเลิกกับแฟนค่ะ คงอยากลับมาหาพี่วิชญ์ เพราะตอนนี้พี่วิชญ์ยังไม่มีใคร”
“อ้าว! เหรอ..ซวยแล้วไอ้วิชญ์” คนไม่ทุกข์ร้อนหัวเราะเยาะ
“พี่วิชญ์ยังอยากกลับไปคบกับน้องมุกไหมอีกรึเปล่า” ตรีทิพย์หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถามขึ้นเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์เลย” ปุณณวิชญ์ตอบอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นตรีว่าพี่วิชญ์ต้องรีบมีแฟนแล้วล่ะ หรือไม่ก็หนีไปบวชเลยก็ได้นะคะ” ตรีทิพย์เสนอทางออกที่คนฟังอีกสองคนแทบสำลักกาแฟ
“พูดอย่างกับว่าแฟนมันหากันง่ายๆ ตามตลาดอย่างนั้นแหละ”
“งั้นก็บวช” ตุลาเริ่มสนุกกับการหาทางออกที่แสนจะตลกของตรีทิพย์
“บวชไปแล้ว”
“เอาเป็นว่าช่วงนี้แกยังไม่ต้องเข้าบริษัทละกัน มีอะไรด่วนจะติดต่อไปเอง หลบหน้าไปสักพักน้องเค้าคงเลิกตื้อไปเอง ถ้าน้องเค้ามาหาอีกก็บอกไปว่าไปต่างประเทศแล้วกัน” ตุลาเสนอเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มจะไม่ค่อยสนุกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียแล้ว
“แต่ถ้าด่วนแบบเมื่อวานก็ไม่เอานะ” ชายหนุ่มยังไม่ลืมเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ก็เมื่อวานมันตั้งตัวไม่ทันนี่คะพี่วิชญ์ อยู่ๆ น้องเค้าเข้ามาโวยวายว่าจะขอเจอกับพี่ ตรีก็หวังดีเรียกไปคุยข้างบนเพราะกลัวพนักงานคนอื่นตกใจ ที่ไหนได้กลายเป็นตัวประกันซะงั้น” พูดแล้วตรีทิพย์ก็อดขำไม่ได้เพราะเมื่อวานเธอเรียกน้องมุกไหมเข้าไปคุยในห้องทำงานของปุณณวิชญ์กะให้เธอใจเย็น แต่พอเข้าไปหญิงสาวก็ยืนขวางประตูและเธอให้เรียกตุลา วศินเข้าไปด้วยพอดารณีเห็นว่าทั้งสามคนหายเข้าไปเป็นเวลานานก็เดินเข้าไปตามอีกคน สุดท้ายก็ต้องโทรศัพท์ตามให้ปุณณวิชญ์มาคลี่คลายสถานการณ์
“พี่ไม่โทษว่าเป็นความผิดของใครหรอก ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคนที่เลิกกันไปตั้งนานจะยังกลับมาหากันแบบนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ
“สงสัยน้องเค้าจะไม่มีที่ไปนะคะหรือไม่ก็ยังติดใจอะไรพี่วิชญ์อยู่” ตรีทิพย์ให้ข้อสังเกตกับทุกคน
“นั่นน่ะสิ ผู้หญิงนี่น่ากลัวกว่าที่เราคิดเยอะเลย” ตุลาเสริมขึ้น