ตอนที่ 2 แรกพบสบตา (2)
ตอนที่ 2 แรกพบสบตา (2)
เช้าวันรุ่งขึ้นกัญชรสงดการออกไปหางาน ซึ่งเป็นภารกิจประจำไปหนึ่งวัน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไปปฏิบัติภารกิจ ที่ยิ่งใหญ่กว่า หญิงสาวดูนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่าเหลืออีกไม่ถึงชั่วโมง ก็จะได้เวลานัด เธอจึงออกจากห้องพักไปขึ้นรถโดยสารหน้าปากซอย
ใช้เวลานั่งรถสิบนาทีเศษๆ ร่างสมส่วนในชุดทะมัดทะแมงก็เดินมาหยุดยืนอยู่ปากซอยที่อีกฝ่ายนัดหมายเอาไว้
“อู่อยู่กลางๆ ซอยใกล้ๆ ตึกสีเปลือกไข่ เดินเข้าไปจะอยู่ฝั่งขวามือ...ถ้าไปไม่ถูกก็ให้นั่งวินหน้าปากซอยเข้าไป และบอกวินว่าไปอู่ช่างอิงค์” หญิงสาวพึมพำทวนความจำที่อีกฝ่ายบอกไว้ ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นแล้นตรงเข้าไปหาพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่นั่งเล่นหมากฮอตกันอยู่
“พี่คะ ไปอู่ช่างอิงค์คันหนึ่งค่ะ”
วินที่รอคิวอยู่ลุกขึ้นปุ๊บปั๊บ เดินไปสตาร์ทรถรอให้ผู้โดยสารสาวขึ้นนั่งจนเรียบร้อย จึงออกรถตรงไปยังอู่ช่างอิงค์ตามที่ลูกค้าสาวบอก
“นี่แหละครับอู่ช่างอิงค์”
กัญชรสหันมองภายในอู่เล็กน้อยก่อนจะวาดขาลงจากรถ แล้วล้วงเหรียญจากกระเป๋ากางเกงยีนจ่ายเงินค่าโดยสาร จากนั้นเธอก็เดินตรงเข้าไปหาวินมอเตอร์ไซค์ท่าทางมีอายุคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าร้าน
“ขอโทษนะคะ ที่นี่อู่ช่างอิงค์หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นวินมอเตอร์ไซค์ที่มาส่งเธอเมื่อครู่ก็บอกไปแล้ว
“ใช่ครับ”
“ไม่มีใครอยู่เลยเหรอคะ” หญิงสาวถามพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หินอ่อนอีกตัว
“อยู่สิ...นั่นไง” วินมอเตอร์ไซค์พยักพเยิดไปที่ร่างสูงในชุดเสื้อสีเข้มคล้ายเสื้อช็อปของเด็กช่างกับกางเกงยีนเก่าๆ ที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงจากบันไดที่เชื่อมต่อขึ้นชั้นบนของอู่ พร้อมตะโกนบอกเสียงดังอย่างคุ้นเคยว่า “อิงค์สาวมาหา”
“สาวที่ไหนครับลุง” อิงครัตถามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมกับเดินยิ้มตรงไปหาวินมอเตอร์ไซค์ลูกค้าขาประจำ
และพอชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ เท่านั้นเอง ดวงตากลมโตของกัญชรสถึงกับเบิกกว้าง หัวใจเต้นระรัวเผลอลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้ตัว โอ้แม่เจ้า! ถ้าตอนนี้เธอมีอะไรสักอย่างอยู่ในมือต้องทำมันหล่นกระจายแน่นอน เพราะผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มหน้าตาโคตรหล่อกระชากใจสาวรุ่นอย่างเธอเสียเหลือเกิน
“คุณครับ...คุณครับ...คุณ!”
เสียงเรียกดังๆ ทำให้คนที่มัวแต่จับจ้องใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของเจ้าของอู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนเธอจะทำหน้าเลิ่กลั่ก ยกมือขึ้นลูบผมซอยสั้นเกือบๆ จะเท่ากับคนหล่อตรงหน้าอย่างขวยเขิน พร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ กลับไป
“คะ…”
“คุณหรือเปล่าครับที่ว่ามาหาผม”
“อ๋อค่ะๆ อ้าว...แล้วลุงคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไปแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามหาวินมอเตอร์ไซค์ที่ก่อนหน้านั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอแก้เก้อ
“ลุงเขามาปะยางรถ ผมเอาเงินทอนให้แก แกก็ไปแล้วละครับ ว่าแต่คุณ...”
“กัญชรสค่ะ กัญชรส โพธิกร มาตามที่คุณอิงครัตโทรนัดเมื่อวานค่ะ” กัญชรสรีบแนะนำตัว ทำให้ชายหนุ่มที่อ้าปากค้างเหมือนจะพูดต่อพยักหน้า แล้วระบายยิ้มที่ทำเอาคนมองอย่างเธอใจแทบละลาย
“คุณกัญชรสเองเหรอครับ...ผมรออยู่พอดีเลย งั้นเราจะไปคุยกันที่โต๊ะข้างในหรือจะคุยตรงนี้ดีครับ” ชายหนุ่มชี้ไปที่โต๊ะเพียงตัวเดียวภายในอู่ ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยตู้และชั้นวางอะไหล่ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือช่างต่างๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งก็เป็นธรรมดาของอู่ซ่อมรถทั่วไป ก่อนจะมาชี้ลงตรงโต๊ะหินอ่อนทรงกลมตรงหน้า
“ตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็นั่งรอผมตรงนี้แป๊บหนึ่งนะครับ” อิงครัตวิ่งหายขึ้นไปชั้นบน เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ลงมาพร้อมเอกสารบางอย่างและขวดน้ำดื่ม
“น้ำครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณไม่เห็นต้องลำบากเอามาให้เลย มาแค่นี้เอง” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ ซึ่งอิงครัตก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับวางเอกสารที่เขาถือติดมือมาพร้อมกับขวดน้ำลงตรงหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณอุตส่าห์มาหาผมถึงที่ และก็นี่ครับเอกสารต่างๆ ทั้งเกี่ยวกับตัวผมและการโอนเงิน”
มือบางเปิดเอกสารเหล่านั้นดูคร่าวๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเจ้าของเงินที่เธอยืมไปใช้โดยพลการ พลางพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ อิงครัตจึงพูดต่อไปว่า
“ก็อย่างที่รู้ๆ กันคือ ผมสะเพร่าโอนเงินเข้าผิดบัญชี แทนที่มันจะเข้าบัญชีแม่ผม แต่ผมกลับโอนไปเข้าบัญชีคุณซะงั้น ซึ่งผมก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะตอนที่ผมกำลังโอนเงินผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อนไปด้วย เลยเผลอกดเลขท้ายของบัญชีสลับกัน จาก 32 เป็น 23 และมันก็เป็นเรื่องบังเอิญมากๆ ที่ชื่อคุณกับชื่อแม่ผมดันชื่อเหมือนกัน”
“ค่ะ”
คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้น พลางมองหญิงสาวรูปร่างหน้าตาลักษณะท่าทางคล้ายทอมบอยตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“คือก็พูดกันตามตรงนะครับว่า ผมอยากได้เงินจำนวนนั้นคืน”
“ค่ะ”
“ที่คุณว่าค่ะ นี่คือ...คุณจะคืนเงินจำนวนนี้ให้กับผมใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” กัญชรสตอบรับอย่างว่าง่ายเป็นครั้งที่สาม
ซึ่งก็ทำให้อิงครัตถึงกับยิ้มกว้าง ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่การเจรจาผ่านไปอย่างง่ายดายและจบลงแบบรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ทว่า
“แต่คือ...ฉันมีเรื่องจะบอกคุณน่ะค่ะ ว่า…ว่า...คือ...ตอนนี้เงินในบัญชีมันเหลืออยู่แค่สองหมื่น” ท้ายประโยคหญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบามาก มากซะจนทำให้คนที่นั่งเงี่ยหูฟังอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ ต้องถามย้ำขึ้นอีกครั้ง
“อะไรนะครับ ผมขอช้าๆ ชัดๆ อีกสักครั้งว่าตอนนี้เงินมัน...มันอะไรนะครับ”
กัญชรสกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากเย็น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเธอก็ก้มหน้ากลั้นใจพูดประโยคนั้นอีกครั้ง อย่างช้าๆ ชัดๆ ตามที่ชายหนุ่มได้ร้องขอมา
“ฉันบอกว่า...ตอนนี้เงินในบัญชีมันเหลือแค่สองหมื่นเท่านั้นเองค่ะ” ทันทีที่หญิงสาวเอ่ยจบ บรรยากาศของความเงียบและความตึงเครียดก็เข้ามาเยือน กัญชรสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสีหน้านิ่งขรึมของหนุ่มหล่ออย่างอิงครัตแล้วรีบยกมือไหว้พร้อมกับสารภาพเรื่องที่ตนเองได้กดเงินของเขามาใช้โดยพลการเสียงรัว
“ขอโทษค่ะ ฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ วันนี้จะโอนส่วนที่เหลือคืนให้คุณทันที แต่ส่วนที่นำไปใช้สัญญานะคะว่าจะคืนให้คุณจนครบ ไม่หนี ให้ดอกด้วยก็ได้ แต่อย่าแพงนะคะ” กัญชรสต่อรอง มองหน้าเจ้าหนี้ด้วยสายตาอ้อนวอน
อิงครัยเหลือบตามองหน้าที่จ๋อยสนิทของหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะโคลงศีรษะไปมาพลางพ่นลมออกจากปาก
“เรื่องนี้จะโทษคุณคนเดียวมันก็ไม่ถูก ต้นเหตุมันก็เกิดจากผม...ในเมื่อเงินที่คุณกดออกมาก็ถูกใช้ไปหมดแล้วใช่ไหม”
“ยังค่ะ เหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ฉันขอนับดูก่อน” กัญชรสทำท่าจะควักกระเป๋าสตางค์ออกมานับจริงๆ ทำให้อิงครัตรีบปราม
“ไม่ต้องหรอก คุณจำเป็นต้องใช้ไม่ใช่เหรอ...ตกลงก็เอาตามที่คุณเสนอมานั่นแหละ โอนเงินสองหมื่นที่เหลือกลับมาให้ผมวันนี้ ส่วนเงินสามหมื่นที่คุณกดไปใช้นั้นก็ ค่อยๆ ทยอยคืนตามกำลังของคุณก็แล้วกัน เดือนเท่าไหร่ก็ได้”
“ดอก...” เสียงใสเอ่ยถามสิ่งที่กังวล พร้อมทั้งทำหน้าตาบ้องแบ๊ว ซึ่งอิงครัตเห็นแล้วอดที่จะระบายยิ้มออกมาไม่ได้
“ผมไม่เอาหรอก”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลย...คุณนี่นอกจากหน้าตาดีแล้วยังใจดีด้วยนะคะ”
“เรื่องนั้นผมไม่เถียงคุณหรอก” ชายหนุ่มตีขลุมยอมรับคำชมของอีกฝ่าย พลางหัวเราะน้อยๆ แต่ไม่นานมันก็สะดุดกึก
“แต่ว่า...ตอนนี้ฉันยังตกงานอยู่เลย เรื่องเงินสามหมื่นที่ว่าจะคืน...ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มเริ่มชักสีหน้า แววจะไม่ได้เงินส่วนนี้คืนเห็นอยู่รำไร จะยกให้เลยก็ใช่ที่ เพราะเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมากจากไหน เงินสามหมื่นกว่าจะได้มามันก็ไม่ใช่ง่ายๆ
“นานแค่ไหน”
“ก็จนกว่าฉันจะได้งานน่ะค่ะ” และในชั่วขณะนั้นเอง หางตาของกัญชรสก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศรับสมัครงานติดอยู่ตรงหน้าอู่ ซึ่งมันก็ทำให้นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นมาทันที “หรือไม่อย่างนั้นคุณก็รับฉันเข้าทำงานที่นี่เลยสิคะ อู่ของคุณเปิดรับอยู่ไม่ใช่เหรอนั่นฉันเห็น” นิ้วเรียวชี้ไปที่กระดาษปิดประกาศ ที่เพิ่งจะถูกนำมาติดเมื่อเช้านี้เอง
ด้านอิงครัตรีบหันขวับไปมองตามแล้วก็ต้องร้องเสียงหลง “เฮ๊ย! ไม่ได้ คุณเดินเข้าไปอ่านตำแหน่งที่ผมเปิดรับชัดๆ หรือยัง อู่ผมไม่ได้เปิดรับพนักงานบัญชี พนักงานทำเอกสาร หรือว่าแม่บ้านนะ”
“มันไม่ได้ไกลมาก ตัวหนังสือก็ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มซะขนาดนั้น และที่สำคัญสายตาฉันดีพอ นั่งอยู่ตรงนี้ฉันก็อ่านออกว่าคุณรับสมัครผู้ช่วยช่าง”
“นั่นไง คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า คุณเป็นผู้หญิงสมัครไม่ได้หรอก ไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่า เรื่องเงินผมรอได้” อิงครัตแนะนำอย่างใจกว้าง ตอนนี้รู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าไม่น้อย ที่คงจะอยากได้งานเพื่อเอาเงินมาคืนเขามาก จนต้องออกปากขอทำงานผู้ช่วยช่าง ที่เป็นงานของคนที่ต้องเรียนด้านนี้มาหรือไม่ก็ชื่นชอบอยากหาประสบการณ์ ซึ่งก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นเพื่อลดความกดดัน เขาจึงไม่อยากเร่งรัดเรื่องเงินที่หญิงสาวเอาไปใช้
แต่ดูเหมือนความหวังดีของเขาจะถูกปฏิเสธ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อิงครัตแทบอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้กับความดื้อดึงของหญิงสาวมาดทอมบอยคนนี้ ให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ไม่ค่ะ! ฉันยังยืนยันที่จะสมัครเป็นผู้ช่วยช่างที่อู่ของคุณ”