ตอนที่ 2 แรกพบสบตา (1)
ตอนที่ 2
แรกพบสบตา
“ก็ใช่นะสิ อิงค์รีบไปติดต่อธนาคารเดี๋ยวนี้เลยนะลูก เขาจะได้รีบจัดการให้” ผู้เป็นแม่แนะนำ
“แต่มันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะครับ เงินมันจะเหลือเหรอ” อิงครัตบอกอย่างหนักใจพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่กลัวมันจะเปื้อน มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง เป็นเพราะตอนโอนเงินเขามัวคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเพลินแน่ๆ เลยไม่ได้ตรวจเช็คให้ละเอียดรอบคอบ สะเพร่าโอนเงินไปเข้าบัญชีใครก็ไม่รู้
“เหลือไม่เหลือก็ต้องลองคุยกับทางธนาคารและเจ้าของบัญชีนั้นดูก่อน รีบๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย…”
“ครับๆ ถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวผมโทรกลับอีกทีแล้วกันนะครับ”
“จ้ะ”
“งั้นแค่นี้นะครับ” วางสายเสร็จร่างสูงก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนแรกชายหนุ่มกะว่าจะไปทั้งชุดนี้เลย แต่พอก้มลงมองสภาพตอนนี้ของตัวเองแล้วต้องส่ายหน้า เพราะมันเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งคนทั้งชุด เขาจึงตัดสินใจถอดมันออก แล้วโยนลงตะกร้าศูนย์รวมความเน่าอย่างแม่นยำ จากนั้นก็พาตัวเองเข้าไปวิ่งผ่านน้ำ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที อิงครัตก็อยู่ในชุดแจ๊คเก๊ตสีดำกางเกงยีนพร้อมออกนอกบ้าน
ร่างสูงในชุดสะอาดกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันได ในมือก็ถือหมวกกันน๊อคคู่กาย พร้อมกับตะโกนบอกอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับงานหน้าอู่
“อัทธ์พี่ฝากอู่หน่อยนะ ขอออกไปทำธุระที่ธนาคารแป๊บหนึ่ง”
อัทธ์เงยหน้าขึ้นพยักรับ ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ อิงครัตเดินเข้าไปด้านในสุดของอู่แล้วเข็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันโปรดของเขาออกมาที่ถนน ไม่นานมันก็ถูกขับวิ่งฉิวตรงไปที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่ากิโลเมตรทันที
เมื่อมาถึงอิงครัตก็รีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร เขาจึงได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เขาไปทำธุรกรรมทางการเงินก่อน ทันทีที่ได้ใบแจ้งความเขาก็ย้อนกลับไปที่ธนาคารแห่งนั้นอีกครั้ง
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการตรวจสอบทั้งทางเอกสารและหลักฐานต่างๆ รวมไปถึงการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารของผู้รับโอน ซึ่งเขาเองก็เพิ่งมาทราบว่าชื่อเจ้าของบัญชีที่เขาโอนเงินเข้าไปผิดนั้น ชื่อเดียวกันกับผู้เป็นแม่คือ กัญชรส ทั้งนี้เพื่อความรวดเร็วและลดความยุ่งยากลง ชายหนุ่มจึงได้ขอให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร ขอเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของกัญชรสอีกคน กับเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งนั้น เพื่อที่เขาจะได้ไปติดต่อและพูดคุยกับเจ้าตัวโดยตรง
กัญชรสที่เพิ่งกลับมาจากหางานล้มตัวลงบนที่นอนปิกนิกของตัวเองอย่างกลุ้มใจ หลังจากที่เพิ่งวางสายจากเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร ซึ่งโทรมาติดต่อเรื่องเงินห้าหมื่นที่โอนเข้าผิด และยังไม่ทันที่เธอจะได้คิดแก้ปัญหาว่าจะเอาอย่างไรกับเงินที่ใช้ไปดี เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ก็เป็นเบอร์แปลกอีกแล้ว แต่นั่นมันก็ไม่ได้เพิ่มความทุกข์ใจให้หญิงสาว เพราะมันคนละเบอร์กับเมื่อครู่ กัญชรสพานคิดเอาเองอย่างตื่นเต้นดีใจว่าอาจจะเป็นบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่เธอไปสมัครงานทิ้งเอาไว้ โทรมาเรียกไปสัมภาษณ์หรือไม่ก็ไปเริ่มงานก็เป็นได้
แต่พอรับสายสีหน้าดีใจเมื่อครู่กลับเซียวลงจนเกือบจะกลายเป็นร้องไห้ เมื่อมันไม่ใช่โทรศัพท์ติดต่อจากบริษัทใดๆ อย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่มันเป็นโทรศัพท์จากเจ้าหนี้รายใหญ่ ที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตานั่นเอง
และตั้งแต่กัญชรสรับสายเจ้าหนี้รายใหญ่คนดังกล่าว เธอก็พูดอยู่แค่สองคำคือคำว่า ‘ค่ะ’ กับ ‘ได้ค่ะ’ นาทีนี้ฝ่ายนั้นว่าอะไรก็ต้องยอมและว่าตามกันไปก่อน ถึงแม้ที่จริงแล้ว มันก็เป็นความผิดของฝ่ายโน้นเหมือนกันที่สะเพร่าโอนเงินเข้าผิดบัญชี แต่ทั้งนี้ตามหลักความถูกต้องแล้ว เธอเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปกดของเงินของเขามาใช้ เพราะมันเป็นเงินจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ร้อยสองร้อย ที่โอนผิดแล้วก็แล้วกันไป ถึงแม้เธอเองจะคิดอยู่เสมอว่าอย่างไรซะเจ้าของก็ต้องตามเอาคืนเข้าสักวัน แต่ทำไงได้ก็คนมันไม่มีก็เลยจำเป็นต้องกดมาใช้บางส่วน ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไม่มีทางออกที่ดีกว่า การไปเจรจากับเจ้าของเงิน ดังนั้นเธอจึงทำใจดีสู้เสือ ยอมรับนัดไปเจรจาเรื่องนี้ ที่อู่ซ่อมรถของอีกฝ่าย ซึ่งก็โชคดีที่มันอยู่ไม่ไกลจากที่เธอพักนัก
“อู่ช่างอิงค์” หญิงสาวอ่านทวนชื่ออู่ ซึ่งเป็นจุดนัดพบในวันพรุ่งนี้บนเศษกระดาษอีกครั้ง
“สาธุ...ขอให้คุณอิงครัตเป็นผู้ชายใจดี มีเมตตากับนังรสคนนี้ด้วยเถิด” มือบางพนมยกขึ้นเหนือศีรษะ หวังให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะฟังจากน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มทุ้มที่ได้ยินผ่านสายโทรศัพท์เมื่อครู่แล้ว เธอก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอจะเป็นผู้ชายอบอุ่นใจดีเหมือนกับน้ำเสียง