บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 ลาภก้อนโต (2)

“ดีลูก พ่อจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาบ่อยๆ...แล้ววันนี้ไม่ได้ทำงานเหรอ” ผู้เป็นพ่อถามอย่างเช่นทุกครั้งที่โทรมาหาผู้เป็นลูกสาว หรือลูกสาวโทรไปหา

“ทำจ้ะทำ รสเข้ากะดึก นี้ก็เพิ่งจะเลิกงาน ตอนนี้ก็อยู่หน้าปากซอยนี่แหละ พ่อกับแม่สบายดีนะจ๊ะ เงินพอใช้หรือเปล่า” แม้จะตกงานมาเกือบเดือนแล้วกัญชรสก็ตอบอย่างนี้ทุกครั้งที่ถูกถาม และเดือนนี้ก็โชคดีมาก ที่มีเงินก้อนใหญ่หลงเข้าบัญชีมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอก็ยังคิดไม่ตกว่าจะหาเงินที่ไหนใช้หนี้และจ่ายค่าห้อง รวมไปถึงส่วนที่ต้องโอนกลับบ้านในวันนี้ ซึ่งถ้ายังคงได้ทำงานอยู่ที่เดิมวันนี้ก็เป็นวันเงินออก ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจเลยที่พ่อโทรมาถาม เพราะถ้าไม่มีเงินจากเธอตรงนี้ ผู้เป็นพ่อแม่จะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่าย

“พอๆ ไม่ได้ใช้อะไรมากมาย อยู่บ้านก็หาเก็บผักเก็บหญ้ามาลวกจิ้มน้ำพริกก็อิ่มอร่อยไปเหมือนกัน” ผู้เป็นพ่อพูดพลางหัวเราะสดใสของผู้เป็นพ่อ ทำให้กัญชรสอดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไม่กล้าที่จะบอกความจริงว่าตอนนี้เธอกำลังถังแตก เพราะไม่อย่างนั้นจากน้ำเสียงสดใสที่ถูกส่งผ่านสายโทรศัพท์มา มันคงจะกลายเป็นน้ำเสียงขุ่นมัวอย่างคนคิดหนักแทน ซึ่งเธอไม่ต้องการที่จะได้ยินมัน

“พ่อก็อย่ามัวแต่กินผักกินหญ้าละ กินเนื้อกินหมูซะบ้าง จะได้แข็งแรงนะคะ รสเป็นห่วง ฝากบอกแม่ด้วย”

“โอ๊ย! ไม่ต้องห่วง แม่แกน่ะ แข็งแรงอย่างกับวัวกับควาย แถมบ่นมันได้ทั้งวัน นิ่งเป็นหลับขยับเป็นบ่น” คราวนี้เสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อรู้สึกจะดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้นินทาผู้เป็นภรรยาที่อยู่กินกันมานานหลายสิบปี

“พ่ออะ ไปว่าแม่ เดี๋ยววันหลังรสจะโทรไปฟ้องแม่ว่าพ่อน่ะนินทาว่าแม่แข็งแรงอย่างกับวัวกับควาย”

“กลัวที่ไหน รส...เดี๋ยวพ่อต้องไปแล้วนะสายแล้ว ถ้าจะคุยกับแม่ก็โทรมาช่วงบ่ายๆ หรือไม่ก็เย็นๆ แล้วกันลูก เพราะพ่อจะเอามือถือไปด้วย”

“จ้ะ ฝากความคิดถึงแม่ด้วย รักพ่อนะ” กัญชรสกดวางสายพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองในใจว่าเห็นทีจะต้องรีบๆ หางานใหม่ให้ได้เสียแล้ว เพราะไม่อยากจะโกหกบุพการีอีกต่อไป แม้มันจะไม่ใช่การโกหกเรื่องใหญ่โตอะไร แต่คนที่ไม่ค่อยจะชอบโกหกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่างเธอ ก็รู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกัน

หลังจากเดินแกมวิ่งมายืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มกลางซอย มือบางก็พนมขึ้นไว้ที่กลางอกจากนั้นก็เริ่มกล่าวปณิธาน ที่เธอตั้งใจจะทำหลังจากที่กดเงินจำนวนสามหมื่นบาทของใครก็ไม่รู้ไปใช้ก่อน ด้วยน้ำเสียงที่รัวและเร็ว

“ฉันขอกดเงินจำนวนนี้ไปใช้ก่อนนะ สัญญาว่าจะไม่กดเพิ่มอีกเด็ดขาด และถ้าได้งานได้เงินมาฉันจะทยอยเอามาฝากกลับคืนจนครบจำนวน จากนั้นสัญญาว่าแกจะได้กลับไปนอนอยู่ในบัญชีของเจ้าของแกแน่นอน สาธุ...”

หญิงสาวยกมือขึ้นจรดหน้าผาก หันซ้ายแลขวามองหน้ามองหลังว่ามีใครสนใจพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอหรือเปล่า แต่นับว่าโชคดีมากเพราะวันนี้เป็นวันปกติในช่วงกลางวันภายในซอยจึงค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนช่วงเย็น ที่ต่างพากันเลิกงาน และในซอยจึงดูคึกคัก ถ้าเป็นช่วงนั้นเธอมาทำแบบนี้คนผ่านไปผ่านมาคงหัวเราะและคิดว่าเธอเป็นบ้าแน่ๆ

ผ่านไปไม่กี่นาทีกัญชรสก็โอนเงินให้พ่อและกดเงินออกมาตามจำนวนที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ออกมา จากนั้นเธอก็เดินสายใช้หนี้ คืนความเป็นไทให้กับตัวเอง

ในช่วงวันหยุดซึ่งอัทธ์ก็อยู่ช่วยงานที่อู่ตามปกติ แต่หลังจากเดินกลับมาจากหยิบอะไหล่ภายในอู่ ที่ด้านล่างทำเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อใช้สอยในการจัดเก็บอุปกรณ์การช่างและอะไหล่ต่างๆ รวมไปถึงรถของลูกค้าและรถของตัวเอง ส่วนชั้นบนนั้นก็จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสองหนุ่มโสดอย่างอิงครัตกับอัทธ์ ชายหนุ่มก็ยื่นโทรศัพท์ที่กดรับแล้วให้กับญาติผู้พี่ ที่อายุห่างกันไม่กี่ปี

“เอาพี่อิงค์โทรศัพท์”

“ใครวะ”

“ป้ากัญ”

เมื่อได้ยินชื่อคนที่โทรมา ชายหนุ่มจึงละจากงานแล้วเช็ดมือกับชุดหมีสีเข้ม ก่อนจะยื่นไปรับโทรศัพท์จากอัทธ์มาพูดต่อ “ครับแม่” อิงครัตทักคนเป็นแม่ลุกขึ้นเดินไปนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน

“อิงค์! อิงค์แน่ใจนะลูกว่าโอนเงินเข้าให้แม่บัญชีเดิมน่ะ”

คราวนี้คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเหมือนแปลกใจกับคำถามของผู้เป็นแม่ แต่เขาก็มั่นใจพอ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แน่ใจสิครับ ก็ผมโอนเข้าบัญชีนี้ของแม่มาตั้งหลายปีดีดัก จำได้ขึ้นใจเลยละครับแม่...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“ก็มีนะสิ วันนี้แม่ลองมาเช็กดูแล้วมันไม่มียอดเข้า...นี่เพื่อความแน่ใจและป้องกันความผิดพลาด แม่ก็ไล่ให้ยายอ้นกลับไปเอาสมุดบัญชีมาอัพดู ปรากฏว่ามันไม่มียอดเงินเข้ามาเลยจริงๆ อิงค์โอนไปบัญชีอื่นหรือเปล่าลูก” ผู้เป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล แม้สำหรับนางเงินห้าหมื่นไม่ได้มากมายอะไร แต่สำหรับผู้เป็นลูกชายที่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำกับอาชีพซ่อมรถก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงและกว่าจะหามาได้ ลูกของนางต้องใช้เวลาเก็บออมมาเป็นแรมปี

“ไม่น่ะครับ ผมก็ว่าผมอ่านชื่อแม่อยู่นา...เดี๋ยวๆ แม่ถือสายรอแป๊บหนึ่ง ผมขอไปหาสลิปก่อน” ว่าแล้วอิงครัตก็วิ่งขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอนไปรื้อเอากางเกงยีนที่นอนเน่าอยู่ในตะกร้าตั้งแต่เย็นวันนั้นขึ้นมา ค้นหาสลิปที่ว่า

“เจอแล้วครับเจอแล้ว เดี๋ยวๆ ผมลองไล่เลขที่บัญชี ที่อยู่บนสลิปดูนะครับ 204xxxxx23” ไล่จบคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันมุ่น ทำไมเขารู้สึกสะดุดๆ กับเลขสิบหลักที่เพิ่งไล่จบไปเมื่อครู่นี้จัง

“อิงค์...”

“แม่ครับทำไมผมรู้สึกทะแม่งๆ เวลาไล่ไม่คล่องปากมันขัดๆ ชอบกลหรือว่าผมลืม...แล้วตกลงที่ผมไล่มามันถูกต้องหรือเปล่าครับ”

“ก็แม่กำลังจะบอกอยู่นี่ไงว่า เลขที่บัญชีของแม่ลงท้ายด้วย 32 ไม่ใช่ 23!” สิ้นเสียงบอกจากผู้เป็นแม่ ร่างสูงของอิงครัตก็ทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนลายตารางน้ำตาลสลับขาว พร้อมทั้งอุทานอย่างตกใจ

“ห๊า! นี่แม่กำลังจะบอกว่า ผมโอนเงินเข้า บัญชีของคนอื่นอย่างนั้นเหรอครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel