บทที่ 3 นางบำเรอสิบล้านบาท 2
“ไอ้บ้า ใครจะไปชอบ ปล่อยฉันนะ” เธอร้องเสียงแหลมพร้อมดึงมือออกอย่างแรงแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“เหอะ ทีเมื่อก่อนเห็นคุณชอบนักชอบหนาไม่ใช่เหรอ มาลูบมาไล้มาจับมายั่วผมบ่อยจะตาย ทีตอนนี้ล่ะทำเหมือนไม่เคย”
“ก็ฉันไม่เคยจริงๆนี่นา”
“เคย” เขาย้ำ
“ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย เห็นคุณชอบจับของผม ผมเลยปล่อยให้คุณจับไง ไม่ดีใจเหรอไง”
“ฉันบอกให้ปล่อย” เพลงพิณสั่งเสียงแข็ง
“คิดว่าคุณเป็นใครถึงมาสั่งผมได้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง
“เป็นลูกน้อง”
“ใช่ไง คุณเป็นลูกน้อง เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”
“แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มายึดมือฉันไว้แบบนี้นะคะจามิล” พูดจบ หญิงสาวก็ก้มลงกัดแขนของเขาอย่างแรงจนชายหนุ่มต้องอุทานลั่น
“เฮ้ย !” แล้วก็ปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระพลางก้มลงมองแขนตัวเองที่เห็นเป็นรอยซี่ฟันอย่างเห็นได้ชัด
“คุณกัดผม” เขาคำรามในลำคอ ในขณะที่เพลงพิณยักไหล่เบาๆทั้งๆที่หน้ายังไม่หายแดง
“ขอตัวล่ะค่ะ” ว่าแล้วก็ทำท่าจะหันหลังเดินออกจากห้องแต่มือใหญ่ดึงคอเสื้อเธอไว้ได้ทัน
“ว้าย ! ปล่อยเสื้อฉันนะ”
“ไม่ปล่อย คุณต้องมาขอโทษผมก่อน”
“ฉันไม่ขอโทษ ฉันไม่ผิด”
“คุณผิด คุณกัดผม” เสียงเข้มๆยังคงกล่าวหาอย่างคุกคาม
“ฉันไม่ผิด”
“คุณผิด ขอโทษผมเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมไม่ปล่อย”
“เอ๊ะ! คุณจามิล ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคะ”
“ขอโทษผมก่อนสิ”
“ยังไงฉันก็ไม่ขอโทษคุณเด็ดขาด” พูดจบ เพลงพิณก็หันขวับไปทางเขาอย่างรวดเร็วทำให้เสื้อที่โดนชายหนุ่มยึดไว้แน่นขาดออกเสียงดัง
แคว่ก!
เสื้อขาดยังไม่น่าตกใจเท่ากับอกอวบในบราเซียตัวจิ๋วสีชมพูหวานที่โผล่ออกมาท้าทายสายตาของเขา…
“เฮ้ย !” เขารีบปล่อยมือออกพร้อมก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าว หน้าที่เคยดุดันอยู่เสมอเริ่มแดงแจ๋เหมือนเพิ่งเคยเห็นอกสาวเป็นครั้งแรก ในขณะที่หญิงสาว…
“กรี๊ดดดดดดด” แหกปากลั่นพร้อมยกมือขึ้นปิดหน้าอกเอาไว้ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากด่าเขาให้สมใจ ชายหนุ่มก็ชี้นิ้วสั่นๆมาทางเธอพร้อมตะคอกว่า
“นี่คุณจงใจจะยั่วผมใช่มั้ยยัยปิศาจ”
“คุณเป็นคนดึงเสื้อฉันไว้เองนะ” เธอค้าน แต่เขายังไม่ทันจะได้โต้กลับอะไรอีก เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
แอ๊ดดดดดด
จามิลก้าวเท้ายาวๆตรงเข้าหาหญิงสาวก่อนจะรวบร่างบางมากอดแล้วหันหลังให้กับประตูอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เท่ากับว่าตอนนี้เขายืนกอดเธออยู่โดยเอาตัวเองบังเธอให้พ้นจากสายตาของผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่
“มีอะไร” เขาหันหน้าไปถามเลขาสาวทั้งๆที่ตัวเองยังยืนหันหลังแบบนั้นอยู่
“อะ เอ่อ”
“เอ่ออะไร มีอะไรก็พูดมา” เขาถามเสียงห้วน
“คือว่าคุณรัตนพลมาขอพบค่ะ”
“บอกให้เขารอก่อน”
“ค่ะ” เอมจันทร์พยักหน้ารับ
“อ้อ เดี๋ยว”
“คะ”
“คราวหน้าถ้าจะเข้ามาในห้องผม ช่วยเคาะประตูด้วยนะ อย่าเสียมารยาท เพราะผมคงไม่ใจดีเหมือนพ่อผมแน่ๆ” เขาตำหนิออกมาตรงๆเล่นเอาเอมจันท์ถึงกับหน้าเสีย หญิงสาวรีบก้มหน้าขอโทษก่อนจะออกจากห้องไปแล้วปิดประตูลงไว้ตามเดิม
ทันทีที่ภายในห้องเหลือเขาและเธอเพียงสองคนเหมือนเก่า จามิลก็ผลักร่างนิ่มออกห่างเหมือนว่ารังเกียจเสียหนักหนา ร่างสูงเดินไปที่พนักเก้าอี้ที่มีเสื้อแจ๊คเก๊ตวางพาดอยู่ ก่อนที่เขาจะหยิบมันมาส่งให้เธอ
“ใส่ซะ” เขาพูดโดยไม่ยอมมองเธอเลยสักนิด ในขณะที่เพลงพิณรีบเอื้อมมือสั่นๆไปคว้าเสื้อจากมือเขามาสวมอย่างรวดเร็วพร้อมรูดซิบจนสุด ถึงแม้จะดูตลกอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาสวมเสื้อแจ๊คเก๊ตของผู้ชายตัวใหญ่โคร่งแถมต้องรูดซิบอีกต่างหาก แต่มันก็ยังดีกว่าจะต้องมาอยู่ในสภาพเสื้อขาดหลุดลุ่ยโชว์เนื้อนวลให้ใครเห็น…โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้
“ออกไปซะ วันนี้ผมอนุญาตให้คุณกลับบ้านก่อนได้” เขาสะบัดมือไล่เหมือนเธอไม่ใช่คน
“ถึงคุณจะไม่อนุญาต ฉันก็จะกลับค่ะ ใครมันจะบ้าอยู่ในสภาพนี้”
“อ้าว งั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงก่อนจะพูดออกมาอย่างดูถูกว่า “ผมนึกว่าคุณจะชอบโชว์เนื้อหนังมังสาให้หนุ่มๆเห็นซะอีก”
“คุณจามิล!”
“ทำไมล่ะ ผมพูดแทงใจดำคุณเหรอไง อ้อ ลืมไปว่า…คุณไม่ชอบให้หนุ่มๆมองคุณอย่างเดียวแต่ชอบให้ทำอย่างอื่นด้วยใช่มั้ยล่ะ”
สิ้นคำพูดของเขา ฝ่ามือเล็กๆก็ฟาดลงมากระทบเสี้ยวหน้าคมอย่างแรงจนชายหนุ่มหน้าหันไปตามแรงตบ
“แพรพิณ !” เขาตะคอกลั่น
“ฉันไม่ได้ชื่อแพรพิณ ฉันชื่อเพลงพิณ จำเอาไว้” เธอตวาดกลับเสียงดัง หน้านวลๆยังแดงก่ำไม่เลิก แต่ครั้งนี้ไม่ได้แดงเพราะเขินอาย แต่มันแดงเพราะความโมโหจัด
“คิดว่าเปลี่ยนชื่อแล้วจะทำให้ตัวเองดูสะอาดขึ้นมาเหรอไง สกปรกยังไงก็ยังสกปรกอยู่อย่างนั้นแหละ”
“คุณจามิล หลายครั้งแล้วนะที่คุณด่าฉันแบบนี้”
“หรือคุณจะเถียงว่ามันไม่จริงล่ะ”
“ใช่ ฉันจะเถียง เพราะมันไม่จริง”
“คนหลอกตัวเอง”
“คุณนั่นแหละ ทุเรศที่สุด ชอบรังแกผู้หญิง”
“เหอะ” เขาทำเสียงชนิดหนึ่งในลำคอ ในขณะที่เพลงพิณเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“ถ้าฉันลาออก แม่ของฉันคงลำบากเพราะงานสมัยนี้หายาก ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน และที่สำคัญ…ถ้าฉันลาออก คุณคงจะดูถูกฉันมากกว่าเดิม”
“…” ชายหนุ่มเงียบ
“คุณดูถูกว่าฉันเป็นโสเภณีทั้งๆที่ฉันไม่เคยไปทำงานแบบนั้น”
“…” เขายังคงเงียบต่อไป
“คุณให้ค่าตัวฉันคืนละห้าร้อยบาท นับว่าดูถูกฉันมาก ถึงฉันจะเป็นแค่พนักงานลูกน้องต๊อกต๋อยของคุณ แต่ก็ไม่เคยมีใครเอาฉันไปวัดเป็นมูลค่าเงินอย่างเหยียดหยามแบบคุณมาก่อน”
“…” ครั้งนี้เขาก็ยังคงเงียบไม่กล่าวอะไรออกมาเหมือนเคย มีเพียงดวงตาคมเท่านั้นที่จับจ้องมองเธออยู่เหมือนรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป
“ในเมื่อคุณตีราคาค่าของฉันเป็นแค่เงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท งั้นฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า…” เพลงพิณหยุดพูดแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเหมือนรวบรวมกำลังใจในการพูด
“จะประกาศอะไร” เขาเปิดปากถามห้วนๆ
“ขอประกาศไว้เลยว่า…ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณจะเอาฉันไปเป็นนางบำเรอให้ได้เพื่อสนองตัณหาของคุณ วันนั้นคุณจะต้องมีเงินให้ฉันสิบล้านบาท”
“ฝันไปหรือเปล่าคุณ ผู้หญิงเละๆแบบคุณนี่นะ จะเรียกเงินสิบล้าน แค่พันเดียวผมยังคิดแล้วคิดอีกเลยนะ”
เพลงพิณเชิดหน้าขึ้นสูงขึ้นก่อนจะพูดออกมาว่า “ยังไงคุณก็ต้องจ่ายให้ฉันสิบล้านบาท คอยดูสิ !!”