บทที่ 6
‘ยายตัวตุ่น ยายหมูอ้วน โตขึ้นอย่าหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสาวของนายราล์ฟนะ’
คำพูดของตนเองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่สะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท ทำเอาเจ้าของนัยน์ตาสีทองเพลิงต้องยกมือเสยผม หลุดเสียงต่อว่าตัวต้นเหตุ ที่กำลังจะทำให้ชีวิตโสดของเขาเดินทางมาถึงที่สิ้นสุดด้วยความโมโหเหลือกำลัง
“ยังไงผมก็ไม่แต่งงานกับเธอหรอกยายตัวตุ่น”
ผู้เป็นมารดาตีสีหน้าไม่สบายใจ ตอนที่ได้ยินเสียงพึมพำเอ่ยพูดของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางเอื้อมมือไปจับต้นแขนสีแทนแข็งแกร่งของลูกชายไว้ ก่อนจะเอ่ยขอร้องเสียงปนสะอื้น
“ราล์ฟ ถือเสียว่าทำเพื่อแม่ได้ไหมลูก แต่งงานกับหนูต้นหยก แล้วแม่จะได้นำเงินจำนวนนี้ยกเป็นสินสอดให้พวกเขาได้เอาไปจ่ายหนี้ ได้เอาไปตั้งต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง”
“ไม่ครับมาดาม ยังไงผมก็ไม่แต่งงานเด็ดขาด สิ่งที่ฝ่ายโน้นเสนอเงื่อนไขมา มันเท่ากับเป็นการขายลูกกินนะครับ”
ราล์ฟพยายามเบือนหน้าหนี เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหยาดน้ำตาอุ่นใสของมารดา เพราะสายน้ำอุ่นๆ ที่ไหลรินมาตามพวงแก้มของท่าน กำลังจะทำให้เขาใจอ่อนในนาทีใดนาทีหนึ่ง ซึ่งหากเขาใจอ่อนเมื่อไร เขาคงต้องหลุดปากเอ่ยตอบรับ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการเอาชีวิตทั้งชีวิตไปแขวนคออยู่กับคนที่เขาไม่รัก
“ราล์ฟ...ลูกอย่างมองว่าเป็นการขายลูกกินสิลูก หนูต้นหยกเองก็ไม่ได้ตกลงปลงใจอยากจะแต่งงานกับคนเจ้าชู้ประตูดินเหมือนราล์ฟ เพราะเธอเองก็มีคนรักอยู่แล้ว แต่เพราะคำว่ากตัญญูไม่อยากให้พ่อแม่ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ไม่มีหลังคาคุ้มหัวนอน หนูต้นหยกจึงยอมตกลงแต่งงานกับราล์ฟ ซึ่งแม่เชื่อว่าหากมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าให้เลือกเดิน หนูต้นหยกคงไม่ยอมตกล่องปล่องชิ้น กับคนที่รักใครไม่เป็นอย่างราล์ฟ เดริโก้ร์ บุณยกร ผู้ได้รับฉายาว่า สิงห์ผู้ไร้หัวใจแห่งโรม หรอกลูก”
มาดามแคทลีนกางปีกปกป้องมธุรินอย่างเต็มที่ นางเชื่อว่ามธุรินเองก็คงไม่อยากแต่งงานกับลูกชายของนางสักเท่าไร เพราะนอกจากเจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ปจะมีผู้หญิงคอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบความสุขให้อย่างไม่ซ้ำหน้ากันแล้ว ราล์ฟยังรักใครไม่เป็นด้วย หัวใจของเขาถูกล็อคตายไว้อย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะใช้กุญแจดอกใดก็ไม่สามารถปลด
ปล่อยให้หัวใจดวงนี้มามอบความรักให้กับหญิงสาวผู้ใดได้
เจ้าของนัยน์ตาสีทองเพลิง ลอบตีสีหน้าไม่พอใจ ตอนที่ถูกมารดาเอ่ยถึงฉายาของตนเอง ซึ่งถูกเพื่อนรักเพื่อนตายอีกสามคน และผู้หญิงทั่วทั้งประเทศอิตาลีได้ตั้งฉายาให้ แต่ทว่าที่เขาเผยความไม่พอใจให้เห็นนั้น หาใช่เพราะโกรธมารดาไม่ แต่เขากำลังโกรธมธุรินต่างหาก ซึ่งเธอควรดีใจที่จะได้แต่งงานกับเขา ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา และร่ำรวยที่สุดในอิตาลี ถึงจะถูก แต่มธุรินกลับยอมแต่งงานเพราะความจำใจ ซึ่งมันทำให้เขาออกจะไม่พอใจเอาอย่างมาก
“ถ้าหากผมปฏิเสธเรื่องที่มาดามขอร้องมา มาดามจะว่าอย่างไรครับ”
ราล์ฟลองเอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิง แม้คำว่าแต่งงานไม่เคยเข้ามาวิ่งวนอยู่ในหัวสมองเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาเริ่มโอนเอียงไปทางมารดาเกินครึ่ง เมื่อท่านเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะตัดพ้อต่อว่าออกมา
“ก็แล้วแต่ราล์ฟ หากราล์ฟไม่ตกลงเรื่องแต่งงาน แม่ก็คงต้องนั่งมองเพื่อนรักของแม่และหนูต้นหยก พากันย้ายไปอยู่สลัมอันแสนสกปรก เต็มไปด้วยอาชญากรทุกรูปแบบ ราล์ฟคงไม่รู้สึกอะไรที่เห็นครอบครัวของหนูต้นหยกตกต่ำเช่นนั้น แต่แม่คงทำใจไม่ได้ แม่คงกินไม่ได้ นอนไม่หลับไปอีกหลายเดือน และที่สำคัญแม่รู้สึกเสียใจมาก ที่ราล์ฟไม่รู้จักคำว่ากตัญญู เช่นหนูต้นหยก แม่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าแม่จะไม่พูดกับราล์ฟอีก และแม่จะย้ายไปอยู่ที่เวนิสด้วย”
ทิ้งไพ่เด็ดใบสุดท้าย ซึ่งเป็นเสียยิ่งกว่าไพ่รอยัลฟลัชไปแล้ว มาดามแคทลีนก็สะบัดหน้าหนี ทำท่าจะเดินหนีไปจากบริเวณดังกล่าว หากไม่ถูกผู้ที่เป็นลูกชายได้เอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
เจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ป ลอบถอนหายใจยาว ตอนได้ยินมารดาพูดถึงคำว่ากตัญญูและเรื่องการออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ ซึ่งเป็นเรือนหอที่คุณพ่อของเขาได้สร้างให้กับท่านด้วยความรัก และมารดาของเขาก็รักและผูกพันกับที่นี่เป็นอย่างมาก หากเขาปล่อยให้มารดาไปอยู่ที่อื่น ดวงวิญญาณของคุณพ่อเขาคงตำหนิเขาอย่างมากมาย และคงนอนตายตาไม่หลับแน่ หากรู้ว่าเขาทำให้มารดาได้เสียใจ
“มาดามครับ”
ราล์ฟเอ่ยเรียกมารดาเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยถามท่าน อย่างคนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหากปฏิเสธออกไป มารดาก็จะโกรธและย้ายออกจากคฤหาสน์หลังนี้ ซึ่งเขาเชื่อว่าท่านทำจริงอย่างแน่นอน และถ้าหากเขาตอบตกลงก็เท่ากับว่าชีวิตโสดที่ตนเองนั้นสุดหวงแหนได้เดินทางมาถึงที่สิ้นสุดแล้ว และที่สำคัญเขาต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ไปแต่งงานกับหญิงสาวที่เคยประกาศลั่นว่าจะไม่แต่งงานด้วย แม้จะเหลือผู้หญิงในโลกคือเธอแค่เพียงคนเดียวก็ตาม
“หากผมตกลงทำตามที่มาดามขอร้อง ผมกับต้นหยกจะต้องแต่งงานกันเมื่อไรครับ”
ราล์ฟไม่รู้เลยว่าคำถามของเขา ได้ทำให้ผู้เป็นมารดาแย้มยิ้มกว้างด้วยความถูกใจ เมื่อปลาได้กินเหยื่อที่นางได้ดักล่อไว้แล้ว นางรีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ซุกซ่อนอาการดีใจไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของลูกชาย
“วันมะรืนลูก แม่จะจัดงานแต่งงานในบ้านหลังนี้ เหมือนตอนที่แม่กับพ่อของราล์ฟได้แต่งงานกัน แม่จะเชิญแขกของแม่ที่สนิทจริงๆ เท่านั้น ส่วนราล์ฟจะเชิญสามหนุ่มด้วยก็แล้วแต่ราล์ฟ แต่แม่คิดว่าราล์ฟบอกให้ริชาร์ด เอริคและ
อันเดรียสมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็ดีเหมือนกันนะลูก อีกอย่างแม่ก็คิดถึงพวกเขาด้วย เกือบสามปีแล้วที่แม่ไม่ได้เจอสุดหล่อทั้งสามคนนั้น”
มาดามแคทลีนเอ่ยถึงสามหนุ่มผู้หล่อเหลา ซึ่งเป็นเพื่อนรักของลูกชายนางด้วยน้ำเสียงอบอุ่นระคนเอ็นดู ถึงแม้จะไม่ได้พบสามหนุ่มที่นางรักไม่ต่างจากลูกมาเกือบสามปีแล้ว แต่หนุ่มๆ ทุกคนก็ไม่เคยลืมนาง ทุกๆ เทศกาลสำคัญหรือวันเกิดของนาง หนุ่มๆ ทั้งสามก็มักจะส่งการ์ดหรือของขวัญมาให้นางเสมอ
“อีก 2 วันยังงั้นหรือครับมาดาม”
ราล์ฟเอ่ยถามราวกับคนละเมอ พอมารดาพยักหน้ารับพร้อมกับเอ่ยตอบออกมา ก็อดรู้สึกสยดสยองอยู่ในใจไม่ได้ ที่จะต้องแต่งงานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาวด้วยซ้ำไป
“ใช่แล้วลูก ตอนนี้หนูต้นหยกกำลังเดินทางมาที่โรม วันพรุ่งนี้ก็มาถึงบ้านเราแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานราล์ฟไม่ต้องเป็นกังวลนะ เพราะตอนนี้แม่จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว” ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะเอ่ยรวบรัดตัดตอนอีกครั้ง
“ตกลงตามนี้นะลูก เดี๋ยวแม่จะโทรไปเชิญแขกของแม่ก่อน ส่วนราล์ฟก็อย่าลืมโทรไปชวนสุดหล่อสามคนนั้นด้วยนะลูก”
“อีก 2 วัน ก็กลายเป็นคนมีพันธะแล้วนายราล์ฟ”
เจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ปพึมพำพูดกับตนเอง ขณะมองตามมารดาซึ่งเดินเป็นวิ่งออกจากห้องสมุดไป เขาไม่คิดทำตามคำแนะนำของมารดา เรื่องให้โทรไปชวนเพื่อนรักทั้งสามคนของตนเองมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งเขาสาบานได้ว่าไม่มีทางบอกให้สามคนนั้นได้ล่วงรู้อย่างแน่นอนว่าเขากำลังจะแต่งงาน ซึ่งฟังน่ากลัวไม่ต่างจากการเดินเข้าสู่หลักประหาร หากสามคนนั้นรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานคงได้พากันเยาะเย้ยไม่เลิก ยิ่งได้รู้ว่าเขาจะแต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ห่างไกลจากคำว่าสวยที่สุด แถมยังอ้วน เตี้ยม่อต้อเป็นมะขามข้อเดียว พวกเจ้าเพื่อนตัวแสบทั้งสามคนคงพากันหัวเราะจนฟันหัก และคงไม่รอช้าที่จะบินข้ามน้ำข้ามทะเลมากรุงโรม ตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าเขาจะแต่งงาน และที่สำคัญเขาคงเสียพนันให้กับเจ้าสามคนนี้เป็นเงินก้อนโต ที่ดันแพ้พนัน แต่งงานเป็นคนแรกในก๊วนเทพบุตรยอดเสน่หา