บทที่ 3 ความรู้สึกดีดี 1.2
ณดลลอบมองลักษิณาเป็นระยะ ตั้งแต่ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลจนขึ้นทางด่วน ลักษิณาไม่พูดกับเขาสักคำ หล่อนจะมองออกไปนอกรถราวกับว่า ด้านนอกมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า ทั้งที่ในรถมีเขาที่เป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัย เป็นที่หมายปองของสาวๆ มากหน้าหลายตานั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน สาวคนใดได้นั่งรถกับเขาเป็นต้องคุยจ้อไม่หยุด ออดอ้อนสารพัด พูดคะขาไม่หยุด ทว่าลักษิณาเสมือนคนเป็นใบ้ ไม่พูดไม่จาสักคำ ไม่สนใจเขาสักนิดเดียว ทำให้เขาเสียศูนย์เล็กน้อย
เป็นณดลเองที่ลอบมองลักษิณาเป็นระยะ ลักษิณาไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัด หล่อนสวยแบบเรียบง่าย ชวนมอง ใบหน้าหล่อนไม่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง แม้แต่ลิปกลอสก็ไม่ทา เป็นความสวยงามตามธรรมชาติที่มีพลังดึงดูดบางอย่างให้เขาหันไปมองหน้าหล่อน และอีกหนึ่งเรื่องที่เขาประทับใจสาวนั่งเบาะด้านข้างคือ หล่อนใช้มือรับอาเจียนของมารดาตน ไม่แม้แต่จะแสดงทีท่ารังเกียจ
“รักไม่พอใจอะไรพี่หรือเปล่าคะ ทำไมไม่พูดกับพี่เลย” ณดลเปิดปากพูดก่อน พูดหวานตามสไตล์ ลักษิณาหันมองผู้พูด
“รักไม่ได้ไม่พอใจพี่โปรดค่ะ และไม่มีเหตุผลที่ไม่พอใจ รักเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยค่ะ” ลักษิณาบอกตามตรง
“พี่ค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่ารักไม่พอใจพี่” ณดลพูดและหันมายิ้มให้ลักษิณา “พี่ลืมไปเลย เรื่องแบบฝึกหัดของน้องมิ้งค์ รักเอาวางไว้ตรงเบาะนะคะ”
“ค่ะพี่โปรด” เพื่อความแนบเนียน ลักษิณานำแบบฝึกหัดที่รจเลขเตรียมมา วางไว้บนเบาะหลัง
“รักทำงานพิเศษหลายอย่างจังค่ะ ไหนจะสอนพิเศษ ไหนจะไปทำงานนี้อีก ว่าแต่มันเป็นงานอะไรคะ”
เขายังพูดลงท้ายด้วยคะขา ฟังดูแล้วเป็นผู้ชายอบอุ่น มิน่าเล่าหญิงสาวหลายคนจึงหลงรักเขาหัวปรักหัวปรำ ขนาดหล่อนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขายังคล้อยตาม
“ฐานะทางบ้านรักไม่ค่อยดีค่ะ เราต้องช่วยกันทำงานค่ะ พ่อรักรับเหมาก่อสร้าง มีงานบ้างไม่มีงานบ้าง แม่รับจ้างซักรีดเสื้อผ้า พ่อกับแม่รายได้ไม่แน่นอน พี่สาวรักทำงานโรงงานปลากระป๋องแถวบ้าน รายได้หลักก็มาจากพี่สาว รักเลยต้องหางานพิเศษทำระหว่างเรียน แบ่งเบาภาระเรื่องค่าเทอม ค่ากินและค่าใช้จ่ายภายในบ้านค่ะ” ลักษิณาตอบโดยไม่ปิดบัง และไม่อายที่ตนฐานะค่อนข้างยากจน ต่างกับเขาลิบลับ “รักมีงานพิเศษสองอย่าง หนึ่งคือสอนภาษาอังกฤษให้น้องมิ้งค์ สองคือเป็นพนักงานรายชั่วโมงร้านกาแฟค่ะ ถ้าวันไหนวันหยุดรักก็ทำทั้งวัน”
เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงเล่าเรื่องชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองให้เขาฟัง ผู้หญิงที่เขาเจอร้อยละเก้าสิบคือมีฐานะความเป็นอยู่ดี ร่ำรวยทั้งรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นต์คือฐานะค่อนข้างดี ไม่ได้ขัดสนจนต้องทำงานพิเศษ แต่พอได้ยินเรื่องราวของลักษิณา ณดลอดชื่นชมไม่ได้
“รักไม่เหนื่อยหรือคะ วันหยุดก็ต้องทำงาน” เขาถามเชิงชวนคุย
“ลำบากก็ต้องทนค่ะ พ่อสอนรักเสมอว่า ถ้าเราขยัน ไม่เกี่ยงงาน ไม่เกี่ยงเงิน ใช้สอยอย่างประหยัด รู้จักคุณค่าของเงิน รู้จักเก็บอดออมสักวันเราจะสบาย แต่ถ้าเราไม่คิดทำอะไรเพราะกลัวเหนื่อยหรือลำบาก ชีวิตเราไม่มีวันสบายค่ะ”
เป็นคำสอนของบิดาที่พร่ำสอนลักษิณาเสมอ ซึ่งหล่อนก็จำขึ้นใจและปฏิบัติตามคำสอนเรื่อยมา
“ร้านกาแฟที่รักกำลังไปทำงานอยู่ในห้างเดอะมอลล์งามฯ แล้วบ้านรักอยู่ที่ไหน อยู่ไกลจากที่ทำงานหรือเปล่าคะ” เขาถามต่อ
“อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลค่ะ มีทั้งรถเมล์และรถตู้ผ่านค่ะ”
“ค่อยโล่งใจหน่อย พี่นึกว่ารักต้องนั่งรถเมล์ย้อนกลับมาแถวมหาลัย”
“ถ้าทำงานไกลมากก็ไม่คุ้มกับค่าจ้างสิคะ”
“อืมจริงด้วย” หลังจากสนทนากันหลายประโยคขึ้น ลักษิณาก็เริ่มคุยกับณดลมากขึ้น แต่เป็นการพูดคุยที่มีเขาเป็นคนนำร่องก่อน ลักษิณาจะตอบและพูดคุยเพิ่มเติม ทั้งสองคุยกันหลายเรื่อง ณดลไม่รู้สึกเบื่อหรือรำคาญในการพูดคุยกับลักษิณาเลย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกว่า อยากได้ยินเสียงหล่อนไปตลอดทางที่เขาขับรถ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่งรัก” ลักษิณายกมือไหว้ณดล คลี่ยิ้มให้เขา เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นในหัวใจณดล เมื่อเห็นรอยยิ้มที่กระจ่างบนดวงหน้าลักษิณา
ลักษิณายิ้มสวยมาก...
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ยินดีค่ะ”
ณดลตอบเสียงหวาน มองตามร่างเล็กที่ก้าวลงจากรถ เสียงแตรรถประจำทางดังมาจากข้างหลังรถ ดึงสติณดลให้กลับมา เขารีบนำรถออกไปตามถนนสายหลักทันที ในใจคิดไว้ว่า เขาต้องได้เจอลักษิณาอีกแน่นอน