ตอนที่ 11 ไม่รู้ว่าลูกใคร
บนรถยนต์คันหรู
มารินนั่งเบาะหน้ารถมีลูกสาวนั่งคร่อมนอนหลับซบไหล่แม่ พสุธรมองถนนแล้วเหลือบมองแม่เด็กเป็นระยะ มารินนั่งอึดอัดภาวนาให้ถึงบ้านเร็ว ๆ ไม่อยากอยู่ในรถกับคนที่เกลียดเธอนาน
“ถ้าตอนนั้นไม่แท้ง ลูกก็น่าจะอายุไล่เลี่ยกับลินดา.....” พสุธรพูดขึ้นมาลอย ๆ มารินสะดุ้งสายตาหลุกหลิก (ว่าแล้วว่าต้องมีคำพูดที่ทำให้เธออึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก)
“อึม......”
“พ่อเด็กไปไหน?”
“ตายไปแล้ว” เธอตัดใจตอบมองออกนอกหน้าต่างอยากเลี่ยงคำถามที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด
“ทำไมลินดาหน้าไม่เหมือนไอ้เวรที่พาเธอไป หรือว่ามีผัวใหม่อีก”
“ก็มีเรื่อย ๆ แหละ สวยไง” มารินมองเหวี่ยงประชดรำคาญที่เขาจี้จุดถามเหมือนสงสัยอะไร
“เอี๊ยด” เขาหักพวงมาลัยจอดรถเข้าข้างทางเปลี่ยวแล้วหันมาจ้องหน้าแม่เด็กด้วยความโมโห
“ลูกไม่รู้ว่าชื่อพ่อไม่เคยเห็นหน้าพ่อ เพราะแม่แรดจนไม่รู้ว่าเป็นลูกของใคร!”
“ยุ่งอะไรด้วย จะแรดจะร่านมันก็ตัวริน”
“ทำตัวสำส่อนไม่สงสารลูกบ้างเหรอวะ!” เขาหงุดหงิดทุบพวงมาลัยแรง ๆ ด้วยความโมโหปนผิดหวังที่เธอใจง่ายมีอะไรกับผู้ชายไปทั่ว
“ลูกก็ลูกริน ไม่ต้องมาเดือดร้อน จะขับไปส่งไหมถ้าไม่ไปจะได้เรียกรถกลับเอง!” เธอตวาดกลับสีหน้าขึงขังเมื่อไม่ได้คำตอบเลยคว้ากระเป๋าสะพายกับพี่ฮิบและกอดกระชับลูกสาวที่นอนหลับจะเปิดประตูลงจากรถ พสุธรมองเมลินดาที่นอนหลับสบายเขารีบกดล็อกประตูรถจ้องหน้าแม่เด็กอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เห็นแก่ลินดาหรอกนะ ไม่งั้นปล่อยให้เดินกลับไปเองแล้ว!” เขาสะบัดหน้าขึงขังแรง มารินมองเคืองไอ้คนบ้าพูดประชดดันเชื่ออยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปียังไม่รู้อีกว่าเธอเป็นคนยังไง
รถคันหรูแล่นมาจอดหน้ารั้วบ้านพร้อมกับความคุกรุ่นภายในรถแม้ไม่มีเสียงโต้เถียงแต่ความเงียบต่างคนต่างอารมณ์เสียก็ทำให้บรรยากาศในรถระอุได้ พสุธรลงรถช่วยอุ้มเมลินดาไปส่งในห้องนอนได้โอกาสมองรอบ ๆ ห้องเพื่อสอดส่องดูรูปของพ่อเด็กแต่ภายในห้องนั้นไม่มีรูปชายคนอื่นนอกจากแม่ลูกและภาพวาดระบายสีเต็มผนังห้องและตุ๊กตาที่วางเต็มที่นอนมีพื้นที่ว่างสำหรับนอนแค่สองคน
“จะสำรวจอีกนานไหม กลับไปได้แล้วเชิญ.....” มารินถือพี่ฮิบยืนอยู่หน้าห้องผายมืออีกข้างเชิญเขากลับ
“อุตส่าห์ขับรถรับส่งคำขอบคุณสักคำก็ไม่มี” เขาเดินบ่นพึมพำไปที่หน้าประตูห้อง
“ขอบคุณมากนะคะที่รับส่ง ถ้าไม่มีคุณเราสองคนแม่ลูกต้องลำบาก พวกเราซาบซึ้งในน้ำใจของคุณมากค่ะ......” เธอลากเสียงยาวประชดประชันสุด ๆ เขาหันมองนิ่งนึกถึงเมื่อก่อนที่เคยหยอกล้อเล่นกันเป็นประจำ มารินเงยมองสบสายตาคมแล้วนิ่งไป ทั้งสองมองจ้องกันเนิ่นนาน เขาเป็นฝ่ายเดินเข้าชิดใกล้มองตากันหวานซึ้งจะด้วยบรรยากาศยามค่ำคืนแสงไฟสลัวหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์หลงลืมสถานะของกัน เขาโน้มลงเข้าใกล้หน้าสวยเป้าหมายคือริมฝีปากบางที่เผยอรอคอยให้เขาประกบมอบไออุ่นที่โหยหา
“แม่ขา พี่ฮิบอยู่ไหน” เสียงลูกสาวดังขึ้นตายังปิดสนิทเอื้อมมือควานหาตุ๊กตาตัวโปรดที่ต้องนอนกอดทุกคืน อดีตผัวเมียผละออกห่างกันท่าทางเลิ่กลั่กสายตาหลุกหลิกทำตัวไม่ถูก มารินตั้งสติได้ก่อนเลยวิ่งเอาตุ๊กตาไปให้ลูกส่วนพสุธรเม้มริมฝีปากหันซ้ายหันขวาเดินออกไปจากบ้านดื้อ ๆ โดยไม่บอกลา สักพักมารินเดินตามออกมาล็อกประตูรั้วบ้านเห็นรถเขาขับออกไปถึงหน้าปากซอย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงกับความรู้สึกเมื่อครู่อดีตที่เคยรักและปัจจุบันที่ยังรักทำให้เธอเกือบเผลอใจ
เช้าวันศุกร์
มารินพาลูกไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลสองแม่ลูกกอดกันก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนวันนี้ยายจะมารับไปเลี้ยงที่บ้านยายเพราะเธอต้องไปร่วมงานเอ้าท์ติ้งของลูกค้า พรุ่งนี้บ่าย ๆ ถึงจะไปรับลูก
มารินขับรถเก๋งคันเก่ามายังโรงแรมชานเมืองที่เป็นสถานที่จัดงานเอ้าท์ติ้งเพื่อความร่วมมือและสามัคคีของบริษัทเกมที่เธอเป็นตัวแทนประกัน มารินกับเพื่อนได้รับเชิญมาเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่าพนักงานของที่นี่ ตั้งแต่ช่วงเช้าทุกคนแบ่งทีมและร่วมเล่นเกมช่วยเหลือกันในการให้ทีมตัวเองชนะและร้องเล่นเต้นรำสนุกสนานเป็นการละลายพฤติกรรม พนักงานต่างพูดคุยกันเปิดใจกันมากขึ้นไม่แบ่งหัวหน้าลูกน้องทุกคนอยู่ในระดับเดียวกันหมด
กิจกรรมดำเนินไปครึ่งวันดานุเข้าร่วมทีมแข่งขันกับลูกน้องยิ้มอย่างเป็นมิตร มารินที่ไม่เคยรู้จักใครก็ได้รู้จักพนักงานหลายคน
