บทที่ 1 ลูกบอลของปารลี
“นอนนะลูก”
ปารลีบอก ลูกน้อยที่แหงนหน้ามองแม่ก็ซุกซบลงกับอกอุ่น ก่อนจะหลับไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย ผ่านไปพักใหญ่เมื่อเห็นลูกบอลหลับสนิท ดวงตาคู่งามก็ปรือปรอย ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ตามไป
“สวัสดีค่ะคุณแจน” ปารลีเร่งฝีเท้าเข้ามาจนทันเวลาเปิดร้านเครื่องประดับในห้างหรู
“จ้ะ” ผู้จัดการร้านสาวใหญ่พ่วงด้วยตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของบริษัทจิวเวลรีที่มาเปิดเป็นหน้าร้านโชว์สินค้ายิ้มให้หล่อนอย่างเอ็นดู นึกถึงความขยันและตรงเวลาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้มีภาระเลี้ยงดูลูกเล็ก แต่ไม่เคยทำให้เสียงาน จนเธอรู้สึกวางใจ
“สาวๆ พวกนั้นมาสายอีกแล้วสินะ” เธอบ่นไม่จริงจังนัก ด้วยเห็นสภาพการจราจรตอนเช้าหลังจากผ่านภาวะฝนตกหนักตลอดคืน เพิ่งจะหยุดตกก็เช้ามืดนี้เอง
“รถติดทั้งสองทางเลยค่ะ จันทร์เดินมาเลยไม่มีผล”
ปารลีเล่าพร้อมรอยยิ้ม แต่เป้าหมายเพื่อช่วยชี้แจงสาเหตุการยังไม่มาถึงของเพื่อนร่วมงานมากกว่า คุณแจนได้แต่พยักหน้ารับรู้
เปิดร้านยังไม่ทันเสร็จ สองสาวก็วิ่งหน้าเริดกระหืดกระหอบเข้ามา ส่งยิ้มแหยให้ปารลี แล้วเดินหลบผู้จัดการเจ้าระเบียบเพื่อไปเก็บกระเป๋าถือที่ด้านในอย่างทำเวลา ก่อนออกมาช่วยกันเปิดร้าน จัดตู้วางกันอย่างขะมักเขม้น
“พี่จันทร์ เจ๊มีพูดถึงหนูกะเมย์กันสักจิ๊ดหรือเปล่า” หนิงยิ้มแป้น ถามอย่างขี้เล่น เมื่อเห็นว่าผู้จัดการออกไปพบลูกค้าข้างนอก โดยบอกช่วงบ่ายจะกลับเข้ามา
“นิดเดียว” ปารลีตอบแล้วยิ้มส่งให้ ทำเอาสองสาวถึงกับทำหน้าแหย
“เห็นแล้วว่ารถติด ถ้าวันไหนฝนตกต้องรีบออกจากบ้านเร็วกว่าปกติสิจ๊ะ จะได้มาถึงทันเวลา” หล่อนบอกอย่างเอ็นดู สองสาวตกปากรับคำ แล้วรีบช่วยกันทำงานต่อ
ปารลีมองสองคนนั้นแล้วให้นึกถึงน้องสาวซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน พลันนั้นก็รีบเงยหน้ากะพริบตาปริบๆ หวังขับไล่น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ เมื่อนึกถึงคำพูดของน้องที่บอกว่าไม่เหลือความศรัทธาให้เธออีก แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสองปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นกลับไม่เคยบรรเทาลงเลย
“เหม่ออะไรคะพี่จันทร์”
หนิงชะโงกหน้ามาถามเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่นิ่งเงียบเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จนถูกเรียกไปสองครั้งถึงหันมามอง ปารลีฝืนยิ้มให้ ก่อนหันไปสนใจกับงานต่อ จนมีลูกค้าจึงออกไปบริการตามปกติ กระทั่งเวลาผ่านเกือบเที่ยงวัน ผู้จัดการสาวก็กลับเข้ามา
“ไหนว่ากลับช่วงบ่ายไงคะ” ปารลีเอ่ยทักอย่างสงสัย
“โอ๊ย! พี่โดนลูกค้ายกเลิก บอกว่าแฟนไม่ปลื้มแบบของร้านเราอย่างกะทันหัน”
“หนูว่าไม่มีตังค์ซื้อกะทันหันมากกว่า”
เมย์วางแก้วน้ำดื่มให้พร้อมพูดอย่างปากไว ก่อนจะหน้าจืดสนิทเพราะโดนอบรมอีกกระบุงใหญ่ ว่าด้วยเรื่องการห้ามวิจารณ์ลูกค้า
ปารลีทำงานจนถึงห้าโมงเย็นจึงรีบกลับ เพราะจะไปรับลูกบอลที่บ้านป้าบัว ไม่อยากให้หญิงชราต้องอยู่ดูแลลูกบอลนานๆ เพราะความที่ลูกบอลกำลังซน กลัวป้าบัวซึ่งก็แก่มากแล้วจะรับมือกันไม่ไหว
ส่วนหนิงกับเมย์นั้นจะอยู่ต่อจนถึงเวลาปิดร้านในตอนสองทุ่มครึ่ง โดยมีพนักงานอีกคนขอที่เริ่มงานในช่วงบ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน
หญิงสาวเดินลัดเลาะมาตามทาง เพียงยี่สิบนาทีก็มาปรากฏตัวที่บ้านป้าบัว
“แม่ แม่จ๋า”
เสียงลูกเหมือนเสียงสวรรค์ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ลูกบอลกำลังวิ่งซนในห้องแคบที่มีไม้ระแนงตีกั้นตรงประตู ซึ่งลุงชุบสามีป้าบัวเป็นคนทำ แล้วต้องตรวจสอบความแข็งแรงกันเสมอเพราะลูกบอลชอบไปขย่มเล่น หล่อนเปิดรั้วระแนงแล้วยิ้มเมื่อลูกโผเข้ามาจนเซ รับกระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัวของเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะยกร่างป้อมขึ้นอุ้ม
วันนี้อากาศดี ฝนไม่ตก แดดไม่ร้อนในช่วงเย็น คนในอ้อมกอดจึงอารมณ์ดี พูดจ๋อยๆ มาตลอดทางที่เดินกลับ สักพักก็ได้ยินเสียงเรียก คุณแม่ลูกหนึ่งจึงหันไปมอง
“น้องจันทร์ มาเอาเค้กกล้วยหอมค่ะ พี่ทำให้น้องเฟิร์น เลยทำเผื่อลูกบอลด้วย”
ครูพิมพ์ซึ่งเป็นครูอนุบาลของโรงเรียนไม่ไกลจากชุมชน และเป็นคุณแม่ของลูกสาวที่เกิดก่อนลูกบอลไม่กี่เดือน ส่งกล่องทัปเปอร์แวร์ไปให้ มีเค้กกล้วยหอมสูตรพิเศษใส่ผักจำพวกฟักทองและแครอต ลูกบอลยื่นมือออกรับแทนเมื่อเห็นขนมโปรด แต่ปารลีบอกให้ธุจ้าป้าพิมพ์เสียก่อน จากนั้นจึงได้กล่องขนมมากอดแนบอกอย่างหวงแหน
หล่อนเดินต่ออีกไม่ถึงห้าสิบเมตรก็ถึงห้องเช่าที่กว้างพอสำหรับสมาชิกสองคน ไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยนัก เพราะห้องติดกันเป็นครอบครัวที่มีอัธยาศัยดีและคุ้นเคยกัน วางเด็กชายลงแล้วไขประตู เมื่อเปิดออก ก็หันมาจับมือเล็กยกสูงขึ้นเพื่อช่วยให้ก้าวพ้นธรณีประตูที่กั้นไว้สูงเกินพอดี ซึ่งตอนมาอยู่แรกๆ หล่อนก็เดินสะดุดอยู่หลายครั้ง
เอาแล้วไง เจ้าลูกหมูเริ่มแกะกล่องแล้ว
“ยังกินตอนนี้ไม่ได้นะคะ ลูกบอลต้องกินข้าวก่อน” หล่อนไม่แปลกใจเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอม จนเกิดการยื้อยุดกัน
“หม่ำข้าวก่อนนะคะคนเก่ง หม่ำข้าวแล้วเล่นรถด้วย”
เอ่ยจบก็เดินไปหยิบของเล่นพลาสติกชิ้นเดิมมาให้ เมื่อเห็นของเล่นสุดโปรด เด็กชายก็ละความสนใจมาหา ปารลีฉวยจังหวะนั้นเอากล่องขนมไปเก็บให้ไกลตาของลูกบอลทันที
เช้าวันเสาร์ ปารลีอุ้มร่างเล็กป้อมผ่านบ้านป้าบัว หยุดทักทายเมื่อเห็นหญิงชราก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าบ้าน
“ลุงเขาเพิ่งออกไป น่าจะบอก จะได้รอ” ป้าบัวพูด เมื่อรู้ว่าสองแม่ลูกจะเดินไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาล
“อย่าเลยค่ะ จันทร์ไม่อยากให้เสียเวลา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวให้เจ้าตัวยุ่งเสร็จ ก็สายกันทุกที” ปารลีพูดถึงคนต้นเหตุอย่างเอ็นดู ที่ตอนนี้ปล่อยให้เดินเตาะแตะอยู่ไม่ห่าง
“งั้นก็ไปเถอะ แต่ป้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าคราวนี้จะเป็นยังไง ขนาดฉีดวัคซีนครั้งที่แล้วมีลุงไปด้วย เห็นว่าดิ้นจนแทบเอาไม่อยู่” ป้าบัวพูดยิ้มๆ ถึงคนที่ยังร่าเริงยิ้มโชว์ฟันหน้าให้เธออย่างอารมณ์ดี
สนทนากันสักพัก สองแม่ลูกก็จูงมือกันเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ เมื่อบอกปลายทางเสร็จสรรพ ปารลีก็ชี้ให้ลูกน้อยดูนอกหน้าต่างรถ ลูกบอลชอบเวลาได้นั่งรถออกจากบ้าน ตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เห็น จนรถติดจอดสนิทอยู่บนท้องถนน หญิงสาวก็กวาดมองด้านนอกอย่างต้องการแก้เบื่อ หล่อนเห็นภาพครอบครัว มีพ่อแม่ และลูกสองคนนั่งอยู่ตอนหลัง แล้วจึงเบือนมามองลูกชายตัวเองที่ยังคลอเคลียอยู่บนตักด้วยความสะเทือนใจ ก่อนหักห้ามความเศร้าไว้ส่วนลึก แล้วตั้งใจฟังคำถามของลูกชาย แม้จะเป็นคำถามเดิมๆ ที่เคยตอบหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยนึกเบื่อ
ปารลียื่นบัตรประจำตัวของลูกตรงเคาน์เตอร์พยาบาล แล้วนั่งรอคิวพาลูกบอลเข้าไปตรวจวัดน้ำหนักและการเติบโตทางร่างกาย ติดตามพัฒนาการให้เหมาะสมไปตามวัย นับตั้งแต่เกิดมาลูกบอลเป็นเด็กสมบูรณ์แข็งแรงดี เจ็บป่วยแทบนับครั้งได้ และยามที่ไม่มีอะไรมาขัดใจ ลูกชายตัวน้อยของเธอก็แสนจะขี้เล่นและร่าเริง แต่ถ้ามีใครขัดใจ เทวดาน้อยแสนน่ารักก็จะกลายเป็นเด็กดื้อดึง อาละวาดฟาดงวงฟาดงาจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่ว่าเด็กน้อยจะอยู่ในอารมณ์ใด ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นลูกบอลล้วนทำให้เธอภูมิใจทั้งสิ้น
ปารลีอุ้มลูกน้อยเข้าไปในห้อง ลูกบอลเริ่มรู้และโยเยดิ้นหนีจนต้องปลอบคนเก่งอยู่ตลอด เมื่อฉีดยาเสร็จ หมอหนุ่มท่าทางสุภาพก็หยอกล้อจนยิ้มออก ก่อนจะโน้มดวงหน้ากลมซบไหล่บางของมารดา
หญิงสาวเดินออกจากห้องตรวจ ผ่านห้องเตรียมคลอด ข้างในมีคุณแม่มือใหม่เข้ามาฝึกและเรียนรู้วิธีดูแลทารกอยู่หลายราย ด้วยที่นี่มีคอร์สเตรียมความพร้อมในราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับหลายที่ แม้หล่อนไม่เคยได้เข้าคอร์ส แต่ได้อาศัยหนังสือเพิ่มพูนความรู้ จึงทำให้คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่หลายคน จนเมื่อเห็นพนักงานใจดีที่คุ้นหน้าหันมาทักทาย หล่อนก็ยิ้มให้
“หนูจันทร์หรือเปล่าจ๊ะ”
เสียงทักจากด้านหลังเรียกปารลีให้หันมอง แล้วจำได้ว่าเป็นพนักงานบัญชีที่เคยร่วมงานกันในบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานเก่าของหล่อน
“ใช่ค่ะ พี่วีเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า”
ปารลีถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเจอคนเคยสนิทสนมในฐานะรุ่นพี่ในที่ทำงาน สองปีกว่าที่หล่อนจากมาก็ไม่เจอใครอีก ถ้าเลือกได้ปารลีก็อยากหนีหายไม่ต้องเจอหน้าใคร ยกเว้นแต่วีรยาที่เคยให้ความช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนัก จนเกือบเดือดร้อนไปด้วย
“สบายดี นั่งก่อนดีไหม เจ้าตัวเล็กดูท่าจะหนักน่าดูนะ”
วีรยามองเด็กน้อยที่หลับคาบ่าอย่างแปลกใจ ใบหน้าเล็กกลมดูน่ารักน่าชังเหลือเกิน ตัวกลมป้อมสมบูรณ์ แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายแต่สุดท้ายเลือกเก็บไว้ หญิงรุ่นพี่มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีๆ ไม่ต่างจากวันเก่าก่อน เธอนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต ซึ่งกำลังถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของหลายคนตามเวลาที่ผันผ่าน ทั้งๆ ที่ยังมีข้อขัดแย้งและข้อสงสัยที่ไม่ได้รับการพิสูจน์...นั่นเพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อยากให้ทุกอย่างเข้าสู่ปกติโดยเร็ว จึงพร้อมใจกันปล่อยทุกอย่างให้ผ่านเลยไป
“วันนี้พี่วีมาทำอะไรคะ”
