บท
ตั้งค่า

2 - ปิ่นโต

แสนรักไม่ได้เจอหน้าสามีมาเกือบเดือน และไม่กล้าโทรถามสารทุกข์สุกดิบ เธอกลัวว่าจะไปสร้างความรำคาญให้สามีด้วยรู้ดีว่าสามีทำงานหนักมากในแต่ละวัน ไหนจะงานที่บริษัท ไหนจะงานที่โรงพยาบาล และงานสอนที่มหาวิทยาลัยอีก เขามีเวลาให้กับงาน แต่ไม่มีเวลาให้ภรรยาอย่างเธอ ก็อย่างว่านั่นแหละ เขา ‘ชัง’ เธอ แล้วจะมีเวลาให้เธอได้ยังไงกัน

“หนูแสนกลับมาแล้วเหรอลูก”

กิ่งเพชรถามลูกสะใภ้ที่เดินสะพายกระเป๋าใบเล็กเข้ามาในบ้านและกำลังเดินผ่านหน้าห้องนั่งเล่นขึ้นไปยังห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ห้องนอนที่เป็นห้องหอ แต่ใช้ชีวิตคนเดียวมาเกือบเดือน กิ่งเพชรล่ะอยากจับลูกชายมากักขังไว้ที่บ้านเหลือเกิน คนอะไรทำแต่งาน ไม่มีเวลากลับมาที่บ้าน พักแต่ที่แฟลตโรงพยาบาล พอโทรไปหาก็บอกแต่ว่าจะหาเวลามา จนตอนนี้เกือบเดือนก็ยังไม่กลับมาหาแสนรัก ไม่รู้ว่านางและเจ้าสัวคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้ทั้งสองแต่งงานกัน สงสารลูกสะใภ้เหลือเกินที่ถูกลูกชายตัวดีตัวเองทิ้งขว้างไม่ไยดีให้อยู่บ้านลำพังคนเดียว

“ค่ะ แม่กิ่ง” เธอเปลี่ยนปลายทางเท้าทันทีเมื่อแม่สามีเรียกทัก แสนรักเดินสะพายกระเป๋ามายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับยกมือไหว้ท่าน ก่อนจะนั่งลงโซฟาตัวที่ว่างอยู่ตรงข้ามท่าน

“เหนื่อยไหมลูกทำงานที่บริษัท?” นางถามลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วงและเอ็นดู

“นิดหน่อยค่ะแม่กิ่ง” เธอทำงานที่บริษัทของครอบครัวตัวเอง

“แล้วเนี่ยหนูแสนได้คุยกับพี่สงครามเขาบ้างไหมลูก”

“คือ...” เธอไม่รู้จะตอบท่านยังไง ได้แต่ก้มมองตักตัวเองและนั่นทำให้กิ่งเพชรรู้ทันทีว่าทั้งสองไม่ได้ติดต่อกัน

“ทำไมล่ะลูก หนูเป็นเมียของพี่เขานะลูก และพี่เขาก็เป็นของหนู เอางี้แล้วกัน ก่อนที่ลูกจะกลับแม่ได้โทรหาพี่สงครามเขาแล้ว ตอนนี้พี่สงครามเขาอยู่ที่โรงพยาบาล หนูเอามื้อเย็นไปส่งพี่เขาก็แล้วกันนะลูก เดี๋ยวแม่ไปสั่งเด็กเตรียมปิ่นโตให้ หนูแสนก็ไปทานมื้อเย็นกับพี่เขาที่โรงพยาบาลเลยก็แล้วกันนะ” ถ้าขืนให้ทั้งสองติดต่อกันเอง จนตายนางก็ไม่ได้อุ้มหลานแน่นอน

“คือว่า...” เธอยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธ แม่สามีท่านก็พูดแทรกขึ้นมาว่า

“หนูแสนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวแม่ไปสั่งเด็กเตรียมปิ่นโตให้และบอกคนขับรถเอารถมารอนะลูก” แล้วนางก็ลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่น ส่วนแสนรักเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็รีบลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นขึ้นไปยังชั้นสองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดไปส่งปิ่นโตสามีที่โรงพยาบาล

เกือบหนึ่งทุ่มที่แสนรักมาถึงโรงพยาบาล ด้วยเวลาที่ออกจากบ้านเป็นเวลาคนเลิกงานกลับบ้านรถจะติดเป็นพิเศษ พอมาถึงได้สอบถามถึงห้องทำงานส่วนตัวของสามีแล้วก็มานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องทำงานของสงครามและมองป้ายชื่อที่หน้าห้องทำงานของเขาแล้วก็ยิ้มภูมิใจในตัวของชายหนุ่ม

เวลาผ่านไปนานเกือบสามชั่วโมง พยาบาลหลายคนเดินผ่านหน้าเธอไปมาและเธอก็นั่งกอดปิ่นโตอยู่ที่เดิมรอให้เจ้าของห้องตรงหน้าผ่าตัดเสร็จกลับมาห้อง และพยาบาลทุกคนก็ไม่ได้ถามเธอว่าเธอเป็นอะไรกับอาจารย์หมอ เพราะตอนมาถึงเธอบอกว่าที่บ้านของสงครามให้นำมื้อเย็นมาให้จึงคิดเข้าใจว่าเป็นน้องสาว เพราะอาจารย์หมอไม่เคยเปิดเผยเรื่องแต่งงานกับใครที่โรงพยาบาล แม้จะงงเพราะทุกคนรู้ว่าสงครามเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง แต่ก็พากันคิดว่าเธอเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง ส่วนเรื่องแต่งงานมีแค่เพื่อนสนิทอย่างนายแพทย์ตรัณเท่านั้นที่รู้ความลับนี้

“น้องคะ ฝากปิ่นโตกับพี่ไว้ก็ได้นะคะ หรือจะเข้าไปรอในห้องของอาจารย์หมอสงครามก็ได้นะคะ เพราะกว่าจะผ่าตัดเสร็จอีกนานเลยค่ะ” พยาบาลสาวเดินมาบอกเธอด้วยความสงสาร เพราะเห็นเธอมารอนานแล้ว

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ แสนรอได้ นั่งรอที่หน้าห้องได้ค่ะ” แสนรักตอบ

“งั้นก็ตามสะดวกน้องเลยค่ะ ถ้ามีอะไรให้พวกพี่ช่วย ไปหาได้นะคะ พวกพี่อยู่เวรกันถึงหกโมงเช้าค่ะวันนี้” พยาบาลอีกคนเอ่ย

“ขอบคุณนะคะ” แสนรักเอ่ยขอบคุณน้ำใจของพยาบาลสาวสวยทั้งสองที่น่าจะอายุเยอะกว่าเธอสองสามปี

“พี่ไปก่อนนะจ๊ะ มีอะไรให้ช่วยไปหาได้นะคะ”

แล้วพยาบาลสาวทั้งสองก็พากันเดินจากไป ส่วนแสนรักก็หยิบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายโทรบอกให้คนขับรถกลับบ้านไปก่อน เธอจะอยู่รอส่งปิ่นโตให้สามี ทั้งๆ ที่เธอฝากพยาบาลไว้แล้วเธอกลับบ้านได้ แต่เธออยากอยู่รอเพราะ ‘คิดถึง’ เขา อยากเจอหน้าของเขา

ตีหนึ่งเกือบตีสอง สงครามเดินนวดต้นคอตัวเองกลับมาห้องทำงาน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานพยาบาลที่อยู่เวรก็บอกเขาว่ามีน้องสาวนำปิ่นโตมาให้และนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง

“น้องสาวผมเหรอ?” เขาถามพยาบาลสาวอย่างง่วงๆ

“ใช่ค่ะ สวยน่ารักเชียวค่ะอาจารย์หมอ” หนึ่งในพยาบาลในกลุ่มเอ่ย

“ผมไม่มีน้องสาว” เขาตอบกลับไปแล้วรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องทำงานตัวเองเพื่อไปดูว่าใครกัน ส่วนพยาบาลสาวๆ พอได้ยินอาจารย์หมอพูดแบบนั้นก็พากันรีบเดินตามไปติดๆ

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะอยู่รอฉัน” เสียงเข้มของสงครามทำให้คนที่นั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่เดินมาหยุดตรงหน้าตัวเอง

“คุณสงคราม” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว และภาพของทั้งสองและบทสนทนาของทั้งสองก็ถูกพยาบาลสาวๆ จับตามองอยู่ไม่ห่าง

“รู้ไหมว่ากี่โมงกี่ยามแล้วแสนรัก”

“ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบเสียงเอื่อยๆ

“เฮ้อ! จะตีสองแล้ว ฉันไม่คิดว่าเธอจะรอฉัน ตอนคุณแม่โทรมาบอกว่าเธอจะเอาปิ่นโตมาให้ก็คิดว่าเธอคงเอามาวางไว้ในห้องทำงานแล้วจะกลับ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะโง่อยู่รอจนฉันผ่าตัดเสร็จ” ใครจะคิดว่าเจ้าหล่อนจะอยู่รอจนเขาผ่าตัดเสร็จ และคำพูดของทั้งสองก็ตกเป็นประเด็นให้เหล่าพยาบาลที่พากันตามมาเอ่ยซุบซิบกัน

แสนรักไม่ตอบ เธอทำเพียงลุกขึ้นยืน แต่ด้วยความที่นั่งนานทำให้เซเล็กน้อย แต่ท่อนแขนแข็งแรงของสามีก็ตวัดโอบกอดรั้งไว้ทัน จนทำให้ร่างน้อยของแสนรักถูกดึงเข้าไปปะทะแผงอกแกร่ง มือน้อยกำหูหิ้วปิ่นโตแน่น และภาพของทั้งสองที่โอบกอดกันทำให้พยาบาลพากันปิดปาก เบิกตากว้างกับภาพที่เห็น

“ขาชาน่ะสิ” สงครามดันร่างเล็กออกห่าง แต่ยังคงโอบกอดประคองเอวเล็กคอดพยุงไว้ด้วยกลัวว่าเธอจะล้ม

“ปิ่นโตค่ะคุณสงคราม” แสนรักส่งปิ่นโตให้เขาพร้อมกับขืนตัวเองออกจากวงแขนแข็งแรงและเขาก็ยอมปล่อย จังหวะที่เขายกมือมารับปิ่นโต เธอก็เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่แหวนแต่งงาน ‘เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองแต่งงานแล้วสินะ’ แสนรักพึมพำกับตัวเองแล้วพูดต่อ

“ฉันกลับก่อนนะคะ”

“ขับรถมา?”

“น่าจะมีแท็กซี่วิ่งอยู่ค่ะ ตอนมาให้ลุงชมขับรถมาส่ง และเห็นว่าดึกเลยให้ลุงชมกลับบ้านไปพักก่อนค่ะ” เธอบอกสามี

“เป็นผู้หญิงนั่งแท็กซี่คนเดียวมันอันตราย เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาบอกเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณสงครามเพิ่งผ่าตัดเสร็จคงต้องการพักผ่อน” เธอเห็นสภาพที่ดูเหนื่อยล้าของเขาก็อดจะสงสารไม่ได้ แม้จะรู้สึกดีใจในความเป็นห่วงของเขา

“แล้วจะมาสร้างภาระให้ฉันทำไม ถ้ารู้ว่าฉันเหนื่อย” เขาพูดตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดถึงจิตใจคนฟัง

“ขอโทษค่ะ ที่มาเป็นภาระให้คุณ และฉันก็กลับเองได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอกค่ะ”

“แม่กิ่งกับพ่อฉันได้เอาเรื่องฉันตายพอดี เอางี้แล้วกัน ไปนอนที่แฟลตของฉันก็แล้วกัน”

“แต่ฉันไม่อยากรบกวนพื้นที่ส่วนตัวของคุณค่ะ” เธอบอกเขา

“เธอมารบกวนฉันตั้งแต่อยู่รอฉันแล้วแหละแสนรัก คืนนี้ค้างที่แฟลตกับฉัน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งที่บ้าน อ้อ...หรือเธอลืมว่าตัวเองเป็นเมียฉัน” เขาก้มลงเน้นย้ำท้ายประโยคให้เธอได้สำนึกถึงสถานะของตัวเอง แม้จะเป็นแค่ภรรยาในนามก็เถอะ แต่เธอก็คือภรรยาที่เขาตบแต่งมาถูกต้องตามกฎหมาย และนั่นก็ทำให้พยาบาลที่พากันแอบฟังไม่ไกลพากันอยากจะกรี๊ด เพราะนี่คือข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้เกี่ยวกับอาจารย์หมอหนุ่มสุดฮอตประจำโรงพยาบาล

“งั้นรบกวนด้วยนะคะ” แล้วเธอก็ยอมเดินตามเขาไปเงียบๆ ส่วนสงครามก็ได้แต่ตีหน้าขรึมเดินนำทางไปเงียบๆ เช่นกันโดยไม่สนใจสายตาของกลุ่มพยาบาลที่มาแอบฟังตนเองและหญิงสาวพูดคุยกัน

พอมาถึงห้องพักชั้นแปดของสามี เธอก็เดินตามเขาออกมาจากลิฟต์มายังห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ในห้องมีโต๊ะทำงานและเตียงนอนขนาดห้าฟุต และมีครัวขนาดเล็กในห้อง แถมห้องยังสะอาดสะอ้านน่าอยู่ ข้าวของถูดจัดวางอย่างเป็นระเบียบจนกลัวว่าจะทำให้ห้องของเขารก

“นี่เสื้อผ้าฉันและผ้าเช็ดตัว” สงครามนำเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเองกับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ส่งให้ภรรยาตัวน้อยที่เดินตามหลังเข้าห้องมาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณแล้วรับเสื้อผ้ากับกางเกงและผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ในมือ แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเดินไปยังห้องน้ำที่ประตูปิดอยู่ เสียงท้องของเธอก็ร้องดังขึ้น

โครก!

“อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ทานมื้อเย็น?” เขาถามคนตัวเล็กที่ก้มหน้าหลบตาตัวเองและเธอก็พยักหน้าตอบ

“งั้นไปกินข้าวด้วยกันก่อนค่อยไปอาบน้ำนอน” แล้วเขาก็พาเธอไปยังโต๊ะทานอาหารที่ระเบียงห้องของเขา

โต๊ะที่ระเบียงห้องเป็นชุดขนาดเล็กสองที่นั่ง ตอนนี้นายแพทย์หนุ่มได้เปิดอาหารในปิ่นโตออก เหมือนว่าแม่ของเขาจะเตรียมมาดี ปิ่นโตห้าเถามีข้าวเปล่าสองเถา อีกสามเถาเป็นแกงจืดซี่โครงหมูใส่ฟัก กุ้งผัดพริกหยวกและไข่เจียวกรอบ

“เดี๋ยวฉันไปหยิบจานกับช้อนมาให้ ในห้องไม่มีช้อนส้อมนะ มีแค่ช้อน” เขาบอกเธอก่อนจะลุกเดินไปหยิบช้อนมาให้เธอหนึ่งคันและของตัวเองหนึ่งคัน กับช้อนกลางมาใส่ในปิ่นโตทั้งสามเถา

“ขอโทษนะคะ” เธอขอโทษเขาที่มาเป็นภาระให้เขา

“ถ้ารู้ว่าตัวเองผิด ทีหลังก็อย่ามาที่นี่อีก และถ้ามาส่งปิ่นโตก็เอาปิ่นโตวางไว้ที่ห้องทำงานแล้วก็กลับ ไม่ต้องอยู่รอ เข้าใจไหม”

“ค่ะ” เธอตอบเสียงเบาด้วยใจที่เจ็บร้าว

ซ่า!

สงครามยืนอยู่ใต้ฝักบัวมาได้สิบนาทีกว่าแล้ว ภาพของหญิงสาวตัวเล็ก ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ใส่เสื้อตัวเองก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จนทำให้ต้องยืนสงบจิตใจใต้น้ำนานกว่าปกติ ทั้งๆ ที่เวลาดึกมากแล้วเขาจะรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วมานอนพักผ่อนเพื่อตื่นเช้าไปสู้กับงานในวันใหม่ แต่เหมือนว่าคืนนี้เขาจะนอนไม่หลับ ภรรยาที่ตัวเองไม่เคยเหลียวแลทิ้งขว้างให้อยู่บ้านกลับมาโผล่ที่แฟลตส่วนตัวของตัวเองอย่างไม่คาดคิดมาก่อนกำลังนอนอยู่ข้างนอกบนเตียงของตนเอง

“เป็นอะไรของแกสงคราม” เขาพึมพำกับตัวเองใต้สายน้ำพร้อมเงยหน้าขึ้นให้น้ำไล่ความคิดว้าวุ่นในใจออกไปให้หมด

ด้านคนที่อาบน้ำเสร็จออกมาก่อนและตอนนี้เป่าผมแห้งเรียบร้อยพร้อมจะนอนก็เหลือบตาไปเห็นแหวนแต่งงานตัวเองที่โต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียง และที่วางข้างๆ กันเป็นกล่องเล็กๆ อีกกล่องจึงหยิบมาด ก่อนจะรีบวางไว้ที่เดิมเมื่ออ่านดูหน้ากล่องแล้วพบว่ามันคือ ‘ถุงยางอนามัย’ เขามีมันติดห้องและแน่นอนว่าเขาจะต้องใช้มัน

“หรือว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว?” เธอถามตัวเองแล้วน้ำตาก็อาบคลอสองดวงตาจนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดทิ้งก่อนที่มันจะไหลอาบสองแก้มตัวเอง

“ห้องนี้ เตียงนี้ คุณคงพาแฟนมาค้างบ่อยสินะ ถึงว่าคุณไม่ใส่แหวนแต่งงานของเราและไม่มีใครรู้ว่าคุณแต่งงาน” เธอพึมพำกับตัวเองแล้วลุกขึ้นลงจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่เขาเอาไปเก็บไว้ในตะกร้าผ้าของเขาก่อนหน้านี้มากอดไว้แล้วสะพายกระเป๋า ใส่รองเท้าออกจากห้องไปทันทีและเสียงปิดประตูห้องก็ทำให้คนที่อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาพอดีรีบวิ่งเปิดประตูตามออกไปอย่างอัตโนมัติ

“มันดึกแล้วจะไปไหนแสนรัก?” คนที่เดินมาหยุดหน้าลิฟต์โดยสารหันไปมองเจ้าของคำถามที่กำลังเดินมาทางตนทันที

“กะ...กลับค่ะ”

“กลับ? จะไปทั้งสภาพนี้เนี่ยนะ กลับห้องกับฉันแสนรัก” แล้วเขาก็คว้าจับข้อมือเล็กของภรรยาเด็กของตัวเองเมื่อเดินมาถึงตัวแล้วออกแรงกระชากดึงพากลับห้องส่วนตัวของตัวเอง

“แต่ฉันจะกลับค่ะ ปล่อยฉัน!” เธอบิดข้อมือจิกเท้ากับพื้น แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของบุรุษแข็งแรงได้

“อะไรของเธอนักหนา กลับห้องกับฉัน เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นมาด่าเอาหรอก” เขาก้มหน้าบอกเธออย่างสุดทนแล้วดึงกระชากลากเธอกลับห้องพักของตัวเองด้วยความหงุดหงิด

ปึก!

เมื่อปิดประตูห้องสนิท เขาก็เหวี่ยงคนตัวเล็กไปยังเตียงนอนนุ่มจนเธอเสียหลักล้มไปกับเตียง

“บอกฉันสิจะกลับบ้านทำไม และไม่รู้รึไงว่ามันเวลาเท่าไหร่แล้ว ทำตัวเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องอยู่ได้” สองมือเท้าสะเอวหนาของตัวเองที่ยังเปียกโชกด้วยน้ำ เอวสอบของเขามีผ้าเช็ดตัวพันไว้หลวมๆ และนั่นทำให้คนตัวเล็กที่ล้มไปกับเตียงไม่กล้ามองมาทางร่างใหญ่ของบุรุษเจ้าของห้อง

“ทำไมเงียบ! ตอบฉันสิจะกลับบ้านทำไม ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะแสนรัก”

“อะ...เอ่อ...คือฉันไม่อยากทำให้คุณมีปัญหากับแฟนของคุณค่ะ” ท้ายที่สุดเธอก็ตอบเขาออกมาจนได้

“แฟน? ให้ตายเถอะ ฉันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่แสนรัก” เขาก้าวเท้าหนักๆ เดินเข้าไปใกล้คนที่ลุกขึ้นมานั่งปลายเตียง

“คะ...คือ...” จะให้บอกได้ยังไง ก็หลักฐานมันเห็นอยู่ชัดๆ และสงครามก็มองตามสายตาของภรรยาไปทางกล่องถุงยางอนามัยที่ตนเองวางไว้ที่โต๊ะโคมไฟและข้างๆ กันมีแหวนแต่งงานที่ถอดทิ้งไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านมาวันนั้น

“อ้อ...เห็นกล่องถุงยางอนามัยแล้วคิดว่าฉันอยู่กับแฟนสินะ รู้อะไรไหมแสนรัก ผู้ชายอย่างเราน่ะไม่ใช่แฟนก็ทำเรื่องแบบนั้นได้ และฉันก็เป็นชายชาตรีจะให้อดอยากมันก็กระไรอยู่ มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายเราน่ะ แต่สบายใจได้ ฉันไม่เคยพาใครมาที่นี่นอกจากเธอที่เป็นเมียแต่งของฉัน แต่ผู้หญิงพวกนั้นฉันพาเข้าโรงแรมเพราะมันสะดวกกว่ามาที่แฟลตโรงพยาบาล”

มุมปากหนาของนายแพทย์หนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการอะไรดีๆ ออก และก็เร็วเท่าความคิด สงครามผลักร่างเล็กที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งได้ไม่นานล้มลงไปกับเตียงนอนนุ่มพร้อมกับตัวของเขาที่เปลือยท่อนบนเปียกโชกน้ำลงไปคร่อมทับแสนรักอย่างรวดเร็ว

ตุ้บ!

ว้าย!

แสนรักร้องตกใจ สองมือเท้ายันดันหน้าอกแกร่งไว้ ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าและกระเป๋าของเธอหลุดมือตั้งแต่ถูกเหวี่ยงมาบนเตียงครั้งแรกแล้ว

“คะ...คุณจะทำอะไรคุณสงคราม”

“ก็ไม่ทำอะไรหรอกแสนรัก ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยให้เมียตัวเองนอนเหงาอยู่ที่บ้านเกือบเดือนได้ยังไง มองดูดีๆ ถ้าให้หลับหูหลับตา ‘เอา’ ก็พอได้อยู่หรอกแสนรัก” ทั้งๆ ที่ความจริงอยากบอกว่าเธอนั้น ‘สวย น่ารัก น่าปรารถนามาก’ แต่ก็นั่นแหละ เรื่องอะไรจะพูดความจริงออกมาล่ะว่าตอนนี้เขากำลังปรารถนาเจ้าหล่อน กลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่เขาใช้ประจำติดอยู่บนตัวเธอทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“หอม!” เขาก้มหน้าไปซุกซอกคอระหงของแม่คนตัวเล็กที่เบี่ยงหน้าหลบหนี เขาสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดบนตัวเธอและนั่นยิ่งทำให้เลือดในกายของเขามันร้อนจนปวดหนึบที่กลางร่าง จากจะแกล้งเจ้าหล่อน ตอนนี้เหมือนว่าคนที่โดนแกล้งจะเป็นตัวเองเสียมากกว่า

“นะ...ไหนคุณบอกว่าจะไม่แตะต้องฉันยังไงล่ะ”

“เราได้เซ็นสัญญากันไหมล่ะ ถ้าไม่ก็ถือว่าเป็นโมฆะแสนรัก”

น้ำเสียงของนายแพทย์หนุ่มดังพร่าข้างโคนหูของสาวน้อยพร้อมกับเคลื่อนไล้ไซ้ปลายจมูกโด่งคมสันของตนเองมายังแอ่งชีพจรที่กำลังเคลื่อนไหวเร็วกว่าปกติของหญิงสาว ปลายจมูกโด่งของสงครามเคลื่อนไซ้ขึ้นมาหยุดจูบเน้นๆ ที่คางเล็กบุ๋มของเธอก่อนจะเคลื่อนมาจรดริมฝีปากอยู่กับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ตอนนี้สงครามไม่อาจหยุดความปรารถนาที่กำลังลุกโชนในอกของตนเองได้ จากที่คิดแค่จะแกล้งเย้าหยอกคนตัวเล็กใต้ร่างเล่น แต่กลับเป็นทรมานตัวเองแทนเสียเองและเขาต้องการเธออย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่วันเข้าหอเขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ หรือเพราะว่าช่วงนี้ทำงานหนักไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองนานจึงทำให้โหยหาปรารถนาร้อนแนบเนื้อแบบนี้

“ยะ...อย่านะคุณสงคราม” มือน้อยผลักดันใบหน้าหล่อออกห่างเมื่อปากหนาของเขาทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเอง เธอพยายามบิดเบี่ยงหลบ แต่มือใหญ่หนานุ่มก็บีบล็อกคางเธอไว้ไม่ให้เบี่ยงหน้าหลบหนีริมฝีปากหนาอุ่นร้อนของคนตัวโต

หึหึ

สงครามขำในลำคอไม่ตอบคนตัวเล็ก ริมฝีปากหนากดบดจูบปากอวบอิ่มสีระเรื่อของภรรยาตัวน้อยใต้ร่างที่กำลังนอนสั่นกลัวตัวเองโดยไม่สนใจว่าตอนนี้สาวเจ้าจะสมยอมพร้อมใจไปกับตนเองรึเปล่า นายแพทย์หนุ่มเชื่อว่าเขาทำให้เธอคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย

ปากหนาและเรียวลิ้นสากดุนดันกลีบปากของเธอทำให้เธอรู้สึกกลัวและตื่นเต้นในคราเดียวกันอย่างบอกไม่ถูก มันคือจูบแรกและครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดผู้ชายแบบนี้ แถมยังเป็นชายที่ตนเองเฝ้าฝันถึงมาตลอด หัวใจของสาวน้อยเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ สองมือน้อยที่เคยดันหน้าอกของเขาก็อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน เมื่ออยู่ๆ สามีที่ทิ้งขว้างตัวเองจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เธอก็ตื่นเต้นใจสั่นจนทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จนหมดสติไป

“อือ...เปิดปากสิแสนรัก” สงครามพึมพำบอกคนตัวเล็กโดยไม่ได้ละสายตาจากริมฝีปากสีระเรื่อน่าฟัดของเธอมาสบตา และเมื่อเห็นเธอเงียบไปมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอกลับมาเป็นปกติทำให้สงครามต้องเงยหน้าละสายตาจากริมฝีปากสีระเรื่อมามองสบตาหญิงสาวและนั่นถึงทำให้รู้ว่าเธอหมดสติไปแล้ว

“แสนรักตื่นสิ!” เขาตบแก้มเธอเบาๆ เพื่อปลุกให้ได้สติ เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะหยุดแค่นี้ได้จริงๆ

“ให้ตายสิไอ้สงคราม!” ครั้งแรกที่คู่นอนเป็นลมหมดสติหลับคาเตียงแบบนี้ อยากจะบ้าตาย ตอนนี้เขาปวดหนึบจนควบคุมและให้มันหลับเองไม่ได้ มันต้องได้ปลดปล่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel