บท
ตั้งค่า

1 - งานแต่งงาน

แขกเหรื่อมาเต็ม เจ้าสาวก็แต่งตัวพร้อมแล้ว และอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะได้ฤกษ์เข้าพิธี แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่โผล่มาในงาน ทำให้คนเป็นแม่กังวลกลัวว่าลูกชายจะหนีงานแต่งงานในครั้งนี้ เพราะงานแต่งงานถูกจัดขึ้นโดยที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่ได้เต็มใจเข้าพิธีด้วยกันทั้งคู่ แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจให้เกิดงานนี้ขึ้น

“คุณ...ทำไมสงครามยังไม่มาอีก?” นางดึงแขนสามีที่กำลังเดินผ่านเข้ามาคุยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ลูกอาจจะติดผ่าตัดก็ได้คุณกิ่ง” เจ้าสัวชนะบอกพร้อมกับตบหลังมือภรรยาให้คลายความกังวล

“ให้มันจริงเถอะเจ้าสัว ถ้าสงครามไม่มาจะทำยังไง แขกก็เต็มงาน มีแต่แขกสำคัญทั้งนั้น ถึงเราจะจัดงานแต่งกันแบบส่วนตัวไม่ได้เชิญนักข่าวมาทำข่าว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตาในวงสังคมทั้งนั้น และพ่อกับแม่ของหนูแสนก็ใช่ใครอื่นที่ไหน ฉันจะเป็นลมพูดแล้วก็” แล้วนางก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเอนซบไหล่สามีที่ตัวสูงของตนเอง

“คิดมากน่าคุณกิ่ง เดี๋ยวลูกก็มาหรอกน่า สงครามมันอายุไม่น้อยแล้ว มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อีกอย่างมันก็รับปากเองว่าจะแต่งงานให้เรา” เจ้าสัวบอกภรรยาพร้อมตวัดแขนอีกข้างตวัดโอบกอดปลอบประโลมใจภรรยาไม่ให้คิดมาก

“ไม่ให้คิดมากได้ยังไง ก็เพราะว่าอายุมากเนี่ยแหละ เราถึงได้บังคับให้ลูกแต่งงานกับหนูแสน” นางเอนตัวผละจากอ้อมแขนของสามีมายืนเอง

“คุณกิ่งก็รู้ ถ้าสงครามพูดอะไรออกมาแล้วจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันคุณกิ่ง เชื่อเถอะว่าสงครามไม่ทำให้เราขายหน้าแน่นอน” แล้วเจ้าสัวก็โอบประคองภรรยายอดดวงใจตัวเองเข้าไปในงานเพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน

ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบ้านด้วยชุดสูทสีดำเหมือนที่แต่งไปทำงานทุกวัน บ้านที่ตอนนี้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แน่นอนงานมงคลสมรสในวันนี้คืองานของเขาเอง เขารับบทเจ้าบ่าว แม้จะไม่เต็มใจ เมื่อเป็นคำสั่งของพ่อกับแม่ เขาจึงยอม และที่ยอมเพราะเขาจะไม่ยอมให้หุ้นของบริษัททั้งหมดตกไปเป็นของครอบครัวธนโชติแน่นอน เขาไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงได้ทำพันธะสัญญากับคุณอาสาม เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันว่าให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกันเมื่อโตขึ้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา หุ้นของบริษัทจะถูกโอนไปเป็นของอีกหนึ่งครอบครัวโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าเขาทำงานหนักขนาดนี้จะยอมให้มันถูกโอนไปให้ใครอื่นงั้นเหรอ ไม่มีทาง และก็รู้ดีว่าเจ้าสาวของเขาในวันนี้ก็คงไม่ต่างจากเขา ยอมจำนนฝืนใจเข้าพิธีกับตน เพราะหุ้นของบริษัทเช่นกัน

สงคราม ส่งบุญธรรม วัย 40 ปีย่าง 41 ปี ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวชนะกับคุณนายกิ่งเพชร เขามีหลากหลายหน้าที่ในแต่ละวัน ชายหนุ่มเป็นประสาทศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล และยังเป็นอาจารย์ ซึ่งหน้าที่หลักคือบริหารกิจการอุตสาหกรรมการบินของครอบครัว ใช่...เขามีแค่คนเดียว ทำไมทำงานเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าหน้าที่ไหน เขาก็ทำได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องสักงาน ทุกงานที่ผ่านมือของสงครามจะเพอร์เฟคทุกงาน

“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ที่ตนรู้จักขณะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่จัดทำพิธี

“ทำไมมาช้าแบบนี้สงคราม” กิ่งเพชรเดินมาหาลูกชายพร้อมกับถาม

“ผมติดผ่าตัดน่ะครับ พอออกจากห้องผ่าตัด ผมก็รีบเปลี่ยนชุดมาที่บ้านทันที” เขาบอกผู้เป็นแม่

“ไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมสงคราม” กิ่งเพชรมองชุดของลูกชาย

“ถ้าเปลี่ยนชุดจะเสียฤกษ์ดีได้นะครับแม่กิ่ง”

สงครามก้มโน้มหน้าลงกระซิบให้คุณแม่ของตัวเองได้ยิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้แขกในงานที่มองมาและส่งยิ้มมาให้ตนเอง ก่อนจะเดินตามแม่ไปนั่งรอเจ้าสาวที่จะมาเข้าพิธีให้เสร็จสมบูรณ์ในครั้งนี้ จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่เคยเจอเจ้าสาวสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอหญิงสาวและเจอในพิธีแต่งงาน แน่นอนเขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหน้าตาเป็นยังไงและอายุเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเขาต้องแต่งรักษาหุ้นของบริษัทตัวเองไว้เท่านั้น เรื่องอื่นช่างมัน!

แสนรัก ธนโชติ หรือแสน สาวน้อยวัย 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบเศรษฐศาสตร์มายังไม่ทันได้รับปริญญาก็ต้องมาเข้าพิธีแต่งงาน ยังไม่ได้เริ่มทำงานตามที่ใฝ่ฝันก็ต้องมาเป็นเจ้าสาวในวันนี้ แน่นอนว่าเธอยังไม่พร้อม แต่เมื่อพ่อกับแม่บอกว่าเจ้าบ่าวคือ ‘สงคราม’ พี่ชายใจดีตอนเด็กที่แบ่งขนมให้ตนทานเมื่อครั้งตอนอายุแปดขวบ เธอก็ยินดีจะเป็นเจ้าสาวในวันนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เจอเขานานแล้ว แต่เธอก็จำใบหน้าหล่อของชายหนุ่มได้ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะจำเธอได้รึเปล่า แต่เธอจำได้ไม่เคยลืม และนั่นคือรักแรกและรักเดียวของเธอมาตลอดจนถึงตอนนี้

ร่างเล็กเพรียวระหงเดินเข้ามาในงานพิธีวิวาห์ของตนเองในชุดไทยสีครีม ข้างๆ มีพ่อกับแม่เดินมาด้วย พอเข้ามาถึงในงาน เธอมองไปยังเจ้าบ่าวที่นั่งรอตนเอง เขาทำไมไม่ใส่ชุดไทยเหมือนเธอล่ะ เขาทำไมใส่ชุดสูทสบายๆ แบบนั้น และพอเดินมานั่งลงข้างเจ้าบ่าวที่ไม่แม้แต่จะชายตามองตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าสงครามนั้นใช้หางตาเหลือบมองใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของเธอตลอด

‘ก็งั้นๆ’ นายแพทย์หนุ่มพึมพำในใจ เมื่อตอนนี้ได้ฤกษ์ทำพิธีแล้ว ส่วนเรื่องชุดของเขา พ่อกับแม่ของเขาก็ได้อธิบายกับพ่อและแม่เจ้าสาวแทนเขาเพื่อไม่ให้ทั้งสองท่านนึกเคืองโกรธตัวเอง

งานแต่งงานผ่านไปอย่างราบรื่น เจ้าบ่าวมาทันเข้าพิธี ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองกำลังนั่งหันหลังให้กันบนเตียงนอนนุ่มหลังจากผู้ใหญ่พากันออกไปจากห้อง แสนรักไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี ส่วนเจ้าบ่าวป้ายแดงอย่างนายแพทย์หนุ่มสงครามก็ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ หน้าเคร่งขรึมเหมือนตอนเข้าพิธีกัน ใบหน้าของเขานิ่งขรึมไร้ความรู้สึกแบบนี้ตลอดเวลา

“ฉันแต่งงานกับเธอเพราะความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ หวังว่าเธอจะเข้าใจที่ฉันพูดแสนรัก” สงครามเอ่ยทำลายความเงียบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนเอง

คำพูดของเจ้าบ่าวที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของตนเองทำให้แสนรักต้องหมุนเอี้ยวตัวหันมามองทางต้นเสียงพร้อมขมวดคิ้วเป็นปมสงสัยในคำพูดของชายหนุ่มอย่างใสซื่อ

สีหน้าและหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมชนกันของหญิงสาวทำให้สงครามเม้มปากแน่น หล่อนกำลังแสร้งทำเป็นใสซื่อในสิ่งที่เขาพูด

“ยังไงคะ?”

แสนรักถามสามีตีทะเบียนของตนเองอย่างไม่เข้าใจ และยิ่งสีหน้าของเขาในตอนนี้แสดงความไม่พอใจในตัวเธอออกมาชัดเจน แม้จะเป็นคนอ่อนต่อโลก ไร้เดียงสา แต่เธอก็มองคนออกว่าใครชอบตนและไม่ชอบตน สายตาเย็นชาของสงครามทำให้หัวใจของสาวน้อยหนาวเหน็บอย่างบอกไม่ถูก ทำไมไม่เหมือนเมื่อครั้งที่ตอนเธอรู้จัก เหมือนไม่ใช่พี่ชายคนนั้น คนตรงหน้าเหมือนกับเป็นคนละคนที่เธอเคยเจอในตอนอายุแปดขวบ

“หน้าตาไม่เหมือนคนโง่นี่” สงครามไขความสงสัยให้สาวเจ้า แต่เลือกพูดให้สาวเจ้าโกรธชังตัวเองแทน และมันก็ได้ผล คนที่นั่งมองตัวเองตอนนี้ได้ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“คุณรู้จักฉันดีแค่ไหนถึงมาพูดกับฉันแบบนี้”

บทจะสู้คน เธอก็สู้นะ และรู้สึกผิดหวังกับคนตรงหน้าเหลือเกิน ชายหนุ่มในความทรงจำช่างแสนดี อ่อนโยน แต่คนตรงหน้านี้กลับไม่ใช่ ตรงข้ามทุกอย่าง ทำไมไม่เหมือนคนเดิมในความทรงจำ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน หรือว่าตัวตนที่แท้จริงของสงครามเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

“ก็ไม่ต่างจากเธอนักหรอกแสนรัก เธอรู้จักฉันดีแค่ไหนถึงกล้ามาแต่งงานกับฉันทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอกันสักครั้ง” นายแพทย์สงครามถามกลับภรรยาตีทะเบียนของตนเอง ที่วันนี้ทั้งเข้าพิธีมงคลสมรส แถมยังจดทะเบียนสมรสต่อหน้าพ่อกับแม่ของตนและของหญิงสาวด้วย

‘พี่จำแสนไม่ได้?’ พอได้ยินเขาตอบสวนกลับมา แสนรักก็ได้แต่พึมพำถามตัวเองและมองจ้องสบดวงตาสีสนิมของบุรุษตรงหน้าแล้วก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพูดตอบโต้กลับ

“ใช่ เราต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้เราสองคนก็...” แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงเข้มห้วนก็พูดแทรกขึ้น

“หนึ่งปี”

“อะไรคือหนึ่งปี?” เธอถามเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาพูดขึ้นมาสั้นๆ ห้วนๆ แล้วก็เงียบไป

“หนึ่งปีที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และหลังจากนั้นเราจะหย่ากัน ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เพราะฉันยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันอยากทำ และฉันคิดว่าเด็กอย่างเธอก็คงจะมีทางเดินที่ตัวเองวาดฝันไว้เช่นกัน” สงครามบอกภรรยาแต่งของตัวเอง

‘ทางเดินที่แสนวาดฝันไว้คือพี่ ฝันของแสนคือพี่ตั้งแต่วันนั้นที่เจอกันจนตอนนี้ก็ยังเป็นพี่’ แสนรักตอบสามีในใจ ส่วนสงครามเมื่อเห็นภรรยาตัวน้อยของตัวเองนิ่งเงียบไม่ตอบตัวเอง เขาจึงพูดต่อ

“ระหว่างที่อยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา ฉันจะไม่แตะต้องให้เธอเสียหายแม้แต่ปลายเส้นผม แต่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ฉันอาจจะแตะต้องเธอบ้างเพื่อเป็นการแสดงให้พวกท่านสบายใจ แต่สบายใจได้เมื่อลับตาพวกท่าน ฉันจะไม่ทำให้เธอเสียหายมีราคีแน่นอน ทุกอย่างจะยังสมบูรณ์จนถึงวันหย่า แต่ขออย่างเดียวระหว่างที่อยู่ด้วยกันกรุณารักษาหน้าตาของตัวเองและครอบครัวฉันบ้าง อย่าเพิ่งไปคิดคบใคร และฉันเองก็จะทำเช่นกัน ถ้าจะรักใคร ชอบใคร คบใครก็ให้เป็นหลังที่เราหย่ากัน” ในเมื่อคนสองคนไม่ได้รักกัน แต่ต้องแต่งงานกันเพราะข้อตกลงของผู้ใหญ่ เขาจึงคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดระหว่างเขาและแสนรัก

‘เขาคิดเองเออเองหมดแล้ว แล้วความคิดเห็นของเราจะมีประโยชน์อะไร’ แสนรักเอ่ยในใจ มองจ้องดวงตาเย็นชาและว่างเปล่าของสามี ก่อนจะฝืนยิ้มแห้งๆ แล้วตอบกลับไม่เต็มเสียงไปว่า

“ค่ะ เมื่อคุณคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับเราสองคนก็ตามนี้ค่ะ หนึ่งปีเราจะหย่ากัน” แม้จะเจ็บปวดทรวงอก แต่ก็ต้องฝืนยิ้มกลืนก้อนสะอื้นไว้ในอก ก่อนจะเดินผ่านสามีตีทะเบียนตัวเองไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน เมื่อคืนเข้าหอไม่เป็นดั่งฝัน และชายที่เฝ้าฝันไม่ได้เป็นแบบที่ฝันไว้

“แค่หนึ่งปีเท่านั้นสงคราม”

สงครามพึมพำกับตัวเอง มองตามแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมเสียงปิดประตูแนบสนิท ก่อนจะยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในตัวเองสองเม็ด แม้จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากดวงตาที่สบประสานก่อนหน้านี้ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมากดต่อสายไปหาเพื่อนสายอาชีพของตนเอง เพราะดูท่าวันนี้คงไม่ได้เข้าเวรที่โรงพยาบาล เพราะพ่อกับแม่ได้ให้คนเฝ้าหน้าห้องหอไว้ จะออกจากห้องได้ก็คงพรุ่งนี้เช้านั่นแหละ

กลางดึกแสนรักได้แต่นอนลืมตาในความมืด ไม่กล้าขยับพลิกตัว ส่วนสามีตีทะเบียนที่นอนร่วมเตียงตอนนี้ได้หลับไปแล้ว จะหลับสนิทหรือไม่สนิทก็มีเสียงกรนมาให้ได้ยิน เขาคงเหนื่อยมากถึงได้หลับเร็วขนาดนี้ ทิ้งให้เธอนอนตาค้างบนเตียง และกลัวว่าถ้าขยับพลิกตัวจะทำให้สงครามตื่น

‘ทำยังไงดียัยแสน ทำยังไงจะนอนหลับ’ เธอพึมพำกับตัวเองพร้อมหันหน้าไปทางคนที่หลับกรนเสียงดังข้างๆ ในความมืด แม้จะมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายเพราะความมืดในห้อง แต่เธอก็พอจะมองออกว่าใบหน้าสวรรค์ปั้นของสงครามมันน่าหลงใหลมากแค่ไหน ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น สงครามก็คงจะดูดีไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

‘แกะตัวที่หนึ่ง...แกะตัวที่สอง...’ เธอนับแกะในใจพร้อมกับสองมือประสานกันแน่นที่หน้าท้อง และก็ต้องตกใจเมื่อคนที่หลับข้างๆ ขยับพลิกตัวยกพาดแขนมาโดนหน้าอกของตัวเอง และนั่นยิ่งทำให้แสนรักเกร็งมากกว่าเดิม

คร่อก! อือ! คร่อก!

เสียงกรนและเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของสงครามเป่ารดใบหน้าของเธอเมื่อตอนนี้ใบหน้าของเขาขยับมาใกล้ชิดเธอพร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงกอดรั้งเธอเข้าหาแนบแน่น

‘ตายแล้วยัยแสน...’ แสนรักได้แต่กรีดร้องในใจและไม่กล้าขยับตัวดิ้นหนีจากอ้อมกอดแข็งแรงของสามี ตอนนี้หัวใจของสาวเจ้าเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เหงื่อไคลผุดขึ้นเต็มหน้าพร้อมกับเสียงหายใจติดขัด ตอนนี้เธอบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดกับชายที่เฝ้าปรารถนามันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ เธอทั้งตื่นเต้นและโกรธ เมื่อคำพูดเมื่อตอนเย็นได้ดังก้องในหัวให้เจ็บช้ำและนั่นทำให้เธอผลักไสคนตัวโตออกห่างตัวเอง ส่วนคนที่หลับสนิทไม่รู้ตัวและตั้งตัวไม่ทันจึงถูกภรรยาตัวน้อยผลักจนกลิ้งตกเตียง

ตุ้บ!

โอ๊ย!

สงครามร้องเจ็บจุกเมื่อร่างกระแทกพื้นพรมของห้องและนั่นทำให้เขาตื่นเต็มตาในกลางดึก

“เธอทำบ้าอะไรของเธอ” เขาตะโกนถามเธอในความมืดพร้อมใช้สองมือยันกายตัวเองลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟที่มุมห้องให้ความสว่าง

“กะ...ก็คุณกอดฉัน” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร้อมกับกอดผ้าห่มแน่น

“เธอก็บอกฉันดีๆ ได้นี่ ไม่ใช่ผลักฉันจนตกเตียง” สงครามบอกภรรยาแต่งตัวเองพร้อมกับมองคนที่กอดผ้าห่มหวาดกลัวตัวเองแล้วส่ายหน้าแล้วพูดต่อ

“ขอโทษ! ฉันจะนอนที่พื้นก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบเมื่อกี้อีก” แล้วสงครามก็พูดขอโทษในสิ่งที่ตัวเองได้ล่วงเกินแสนรักไปตอนหลับแล้วดึงกระชากผ้าห่มและหมอนลงมานอนที่พื้นพรม

แสนรักไม่ตอบ เธอเม้มปากแน่นมองดูสามีของตนเองเดินไปปิดไฟพร้อมฟังเสียงเดินกลับมาที่เดิมเพื่อทิ้งตัวลงนอนที่พรม ส่วนเธอก็ได้แต่เลิกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวข่มตาหลับในความมืด ส่วนนายแพทย์หนุ่มที่เสนอตัวเองมานอนที่พื้นพรมก็ได้แต่ขยับพลิกตัวไปมาด้วยความปวดหลัง

“เธอหลับรึยัง?” สงครามถามภรรยาสาวในความมืดเมื่อไม่อาจทนนอนกับพื้นพรมแข็งๆ ของห้องได้

“ยะ...ยังค่ะ”

“ฉันขอขึ้นไปนอนบนเตียงได้ไหม”

“คะ?” เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะขอขึ้นมานอนด้วยทำไม ก็ในเมื่อเขาเสนอตัวเองไปนอนที่พื้นพรมเอง

“พื้นพรมมันแข็งน่ะ ฉันนอนไม่ได้ อายุฉันก็มากแล้ว หลังก็ไม่ค่อยจะดี” สงครามบอกภรรยาและคำพูดของเขาทำให้คนตัวเล็กอมยิ้มกับคำว่า ‘อายุฉันก็มากแล้ว’ สำหรับแสนรักแล้วเธอว่าอายุและหน้าตาของเขาสวนทางกันมาก หากคนไม่รู้คงคิดว่าเขาอายุยังไม่สี่สิบแน่นอน คงคิดว่าสามสิบต้นๆ ก็ผิวพรรณของเขาดีขนาดนั้น

“ได้ค่ะ และเมื่อกี้ขอโทษด้วยนะคะที่ผลักคุณจนตกเตียง”

“อืม!” สงครามครางรับคำขอโทษในความมืดพร้อมกับหอบผ้าห่มและหมอนคลานกลับขึ้นมาบนเตียงเหมือนเดิม ครั้งนี้เขานอนชิดขอบเตียงด้วยกลัวว่าตัวเองหลับแล้วจะเผลอไปกอดเจ้าหล่อนอีกครั้ง และความเงียบก็ปกคลุมในห้องอีกครั้งจนมีเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอออกมาและมีเสียงกรนปะปนออกมาตามเสียงลมหายใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel