ตอนที่ 2 ข้อตกลง
“ไม่เห็นตั้งนานโตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อแล้วนะเรา”
“ขอบคุณครับคุณลุง คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่า” ด้วยความเป็นหมอทำให้ชายหนุ่มมีความอ่อนโยนกับผู้ป่วยเสมอ ทำอย่างนี้มานานจนรู้สึกชินและกลายเป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้ว
“ลุงไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหนเลย” ที่พูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องรู้สึกเครียดไปด้วย
“ดีแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ลุงห้ามเครียดนะครับ ทำใจให้สบาย ๆ แล้วก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ”
“มีความอ่อนโยนกับคนป่วยสมแล้วที่เรียนหมอ ขอบใจนะที่ช่วยแนะนำลุง”
ภวัตยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้าสวยที่แปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาไม่ได้ทำให้ความสวยลดลงเลยสักนิด แต่ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกพิศวาสเธอเลยสักนิด เขามีคนรักอยู่แล้วแต่กลับโดนบังคับให้แต่งงานกับสาวน้อยคนนี้ และรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับตัวเองสักเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ” เมื่อมีโอกาสได้มองหน้ากัน สาวเจ้าจึงยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีครับน้องดาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะพี่คิว” เธอยิ้มน้อย ๆ เห็นหน้าชายหนุ่มก็ต้องร้องอ๋อในใจ เธอเคยเห็นเขาแต่ไม่นึกว่าจะเป็นลูกชายของเพื่อนบิดา ที่สำคัญเห็นเขาควงแฟนสาวมานั่งดื่มกาแฟหน้าคณะเภสัชอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย
“ลุงฝากน้องด้วยนะคิว ดูแลน้องแทนลุงด้วยนะ”
“พ่อคะ....” เธอพยายามจะเอ่ยปากห้ามบิดา แต่เขากลับแทรกเสียงเข้ามาก่อน
“ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุดครับ คุณลุงไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นแล้วนะครับ”
ฤชุดามองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เขาพูดอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากการแช่งบิดาของเธอ แต่ทว่าอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจ ส่งยิ้มให้คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงต่อไป
“ได้ยินอย่างนี้ลุงก็ดีใจแล้วล่ะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” เห็นรอยยิ้มอันผ่อนคลายของบิดาจึงได้คลายความสงสัย เขาพูดเอาใจเพื่อให้บิดามีกำลังใจที่ดีขึ้นสินะ
“เห็นไหมล่ะว่าลูกชายฉันนิสัยดีขนาดไหน แกไม่ต้องเป็นกังวลว่าหนูดาแต่งงานแล้วจะไม่มีความสุข ฉันกับพิมพ์จะรักหนูดาเหมือนลูกสาวแท้ ๆ เลยล่ะ” รณภพกล่าวกับเพื่อนรักที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น รักกันมากกว่าพี่น้องร่วมสายเลือดกันเสียอีก
“ฉันมั่นใจแล้วว่ายัยดาจะต้องมีชีวิตที่สวยงามหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว”
“พ่อคะไม่พูดคำนี้นะ”
“คนเราเกิดมาก็ต้องตาย จะเร็วหรือช้าก็ต้องตายกันทั้งนั้น ลูกไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ตั้งใจเรียนให้จบ และใช้ชีวิตคู่กับพี่คิวให้มีความสุข แค่นี้พ่อก็มีความสุขมากแล้ว”
“ดาจะทำทุกอย่างให้พ่อมีความสุขค่ะ”
“ดีมากลูกพ่อ”
“เอ่อ...น้องดาพี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
ฤชุดาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม อีกฝ่ายส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ หันกลับมามองบิดาก็พยักหน้าให้เชิงสั่งว่าให้รีบออกไปคุยกับพี่เขา
“พ่อคุยกับคุณลุงคุณป้าไปก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงลุงจะดูแลพ่อเราให้เอง ไปคุยกับพี่เขาเถอะ ทำความคุ้นเคยกันไว้อีกหน่อยก็จะได้ร่วมหอลงโรงกันแล้ว”
“ค่ะคุณลุง”
ภวัตลุกขึ้นก่อนแล้วผายมือเชิญหญิงสาวให้นำหน้าออกไปก่อน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนอ่อนโยนต่อหน้าผู้ใหญ่ ให้ทุกคนวางใจว่าเขานั้นเต็มใจกับการสมรสครั้งนี้มากแค่ไหน
..........
เดินออกมาถึงหน้าบ้านแล้วฤชุดาก็ยืนประสานมือไว้แน่น รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก เพราะอีกไม่นานเขาก็จะมีสถานะเป็นสามีของเธอแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบรับมือไม่ไหว แต่ก็ต้องทำใจเพื่อให้บิดามีความสุขก่อนจะต้องจากโลกนี้ไป
“พี่คิวมีอะไรจุคุยกับดาหรือคะ”
“รู้แล้วใช่ไหมว่าเราจะต้องแต่งงานกัน” ภวัตเดินมายืนข้างหญิงสาว ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบาย ๆ
เธอเอียงหน้าไปมองแวบหนึ่งเมื่อเห็นสีหน้าอันแสนเย็นชาก็หันกลับมาที่เดิม
“เพิ่งรู้เมื่อครู่นี้เองค่ะ”
“แล้วรู้ใช่ไหมว่าพี่มีแฟนแล้ว และพี่ก็รักแฟนพี่มาก” เขาเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด ต่างจากเมื่อครู่ที่เห็นในบ้าน จนเธอนึกแปลกใจว่าแท้ที่จริงแล้วนิสัยของผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่
“ค่ะดารู้ ดาเคยเห็นพี่สองคนที่มหา’ ลัยบ่อย ๆ”
“ที่เห็นเมื่อครู่พี่แค่อยากให้คุณลุงสบายใจเท่านั้นเอง พี่เรียนหมอรู้ดีว่ากำลังใจสำคัญกับคนป่วยมากแค่ไหน แต่สำหรับเรื่องของเราแล้วพี่ว่า...” เขาถอนหายใจแล้วหันหน้ามามอง เธอรู้ว่าฝ่ายชายอึดอัดใจไม่ต่างจากเธอเช่นกัน แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองทำให้เขาต้องเดือดร้อนมากพอแล้ว จึงอยากจะให้การแต่งงานครั้งนี้มันเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ดาเข้าใจค่ะ พี่คิวไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ การแต่งงานของเราจะมีคนรู้แค่ไม่กี่คน ดาจะขอร้องให้คุณลุงคุณป้าทำพิธีอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย และมันจะเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น แฟนพี่จะได้ไม่ต้องรู้เรื่องนี้โอเคไหมคะ”
“ก็โอเคนะ พี่จะได้ไม่ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้”