ตอนที่ 1 พบเจอ
หญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยในชุดนักศึกษา สบายกระเป๋าผ้าใบใหญ่เดินเร่งฝีเท้าไปยังบ้านไม้สองชั้นหลังเก่า ๆ ที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต โดยเธอและบิดาอยู่กันเพียงลำพังสองพ่อลูก ส่วนมารดานั้นจากไปตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนชั้นอนุบาลแล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านก็พบว่ามีรถคันหรูจอดอยู่ริมกำแพงรั้ว พอจะเดาออกว่าคงเป็นบรรดาผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาเหมือนทุกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้ผู้เป็นบิดานั้นกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ในระยะสุดท้ายแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเครียดมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
เข้าไปในบ้านก็พบว่าตอนนี้มีแขกสองคนกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงผู้เป็นบิดา ดูจากการแต่งตัวแล้วคงมีอันจะกินไม่น้อย ‘ฤชุดา’ จึงถือโอกาสนี้รีบเดินเข้าไปทักทายแขกผู้มาเยือนทันที
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ที่ใคร ๆ ได้เห็นก็ตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้อย่างแน่นอน
“อ้าว! สวัสดีจ้ะหนูดา” สาวใหญ่กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ทำตัวราวกับรู้จักและสนิทสนมกับเธอมาก่อนเสียอย่างนั้น
“สะ...สวัสดีค่ะคุณป้า”
“ยัยดามาหาพ่อเร็วลูก” ผู้เป็นบิดาที่นอนบนเตียงในสภาพซูบผอมเอ่ยเรียกลูกสาวเข้าไปหา
“ค่ะพ่อ”
เธอเดินอ้อมไปอีกฝั่ง จากนั้นจับมือบิดาเอาไว้หลวม ๆ ให้กำลังใจเหมือนทุกครั้งที่เคยทำมาโดยตลอด
“นี่ลุงภพเพื่อนสนิทพ่อ ส่วนนั่นป้าพิมพ์ภรรยาคุณลุงเขา”
“สวัสดีอีกครั้งนะคะคุณลุงคุณป้า”
“โตขึ้นเป็นสาวแล้วสวยเหมือนแม่จริง ๆ เลย หนูดาคงจำลุงกับป้าไม่ได้สินะ สมัยตอนเป็นเด็กเรายังวิ่งซนกับพี่คิวอยู่หน้าบ้านลุงทุกวันเลย” รณภพกล่าว
เธอได้แต่ยิ้มเพราะจำเรื่องพวกนั้นไม่ได้เลย แต่ทว่าชื่อบุคคลที่สามกลับสะดุดหู “ใครคือพี่คิวคะคุณลุง”
“เราคงจำพี่เขาไม่ได้สินะ พี่คิวเป็นลูกชายลุงเองล่ะ อีกหน่อยเดี๋ยวก็ตามมา ตอนนี้เรียนหมอปีสุดท้ายแล้ว ลุงว่าหนูคงจะเคยเห็นหน้าพี่เขาในมหาวิทยาลัยบ้างอยู่นะ คนนั้นออกจะฮอตคนรู้จักทั้งมหาวิทยาลัยเชียวนะ” รณภพกล่าวถึงสรรพคุณลูกชายให้ฟัง เพื่อเกริ่นนำเรื่องที่กำลังจะบอกกล่าวให้สาวน้อยได้รับรู้
“พี่เขาเรียนที่ไหนคะ”
“ก็มหาวิทยาลัยเดียวกับหนูนั่นล่ะ ลุงถามพ่อเราหมดแล้วว่าหนูเรียนคณะอะไรที่ไหน”
“ออค่ะ...สงสัยคงจะเคยเห็นผ่าน ๆ เพราะหนูเคยเข้าไปเรียนในตึกคณะแพทย์บ้างเหมือนกัน”
“ป้าถามจริง ๆ นะ ตอนนี้หนูดามีแฟนหรือยังจ๊ะ หรือมีคนที่กำลังคุยอยู่หรือเปล่า”
“ยังไม่มีเลยค่ะ พ่อป่วยอย่างนี้ดาไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอย่างนั้นหรอกค่ะ แค่เรียนกับดูแลพ่อก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ไหนจะกลับมาขายเสื้อผ้าออนไลน์อีก” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นดีเลย ทั้งเก่งทั้งขยันอย่างนี้เหมาะกับตาคิวที่สุดเลยนะคุณ” พิมพ์พจีกล่าวกับสามี
“คุณป้าหมายความว่ายังไงคะ” เจ้าหล่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เรื่องนี้พ่อจะเป็นคนอธิบายให้ลูกฟังเอง ดารู้ใช่ไหมว่าพ่อคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
“ทำไมพ่อพูดอย่างนี้ล่ะคะ”
“พ่อพูดถึงความเป็นจริง พ่อรู้ตัวดีว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เช่นนั้นแล้วพ่อจึงอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ได้คู่ครองที่ดีและเป็นคนที่พ่อไว้ใจ”
“พ่อหมายความว่ายังไงคะ ตอนนี้ดาไม่อยากคิดเรื่องนั้น ดาจะอยู่กับพ่อเท่านั้น ดาจะดูแลพ่อ” เธอกล่าวด้วยแววตาเศร้า รู้ดีว่าอีกไม่นานมันก็จะเกิดขึ้น แต่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียคนที่รักสุดหัวใจไป
“ดารักพ่อไหม”
“รักสิคะ ฮึก...รักที่สุดในโลกเลย”
“ถ้าดารักพ่อแต่งงานกับพี่คิวนะ พ่ออยากเห็นงานแต่งของลูกสาวพ่อก่อนจากโลกนี้ไป ดาทำให้พ่อได้ไหม เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างปุบปับ แต่พ่อกับลุงภพสัญญากันไว้ว่าลูกโตขึ้นจะให้แต่งงานกัน” ธณวิชญ์กล่าวกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะเริ่มรู้สึกปวดที่ช่วงท้อง
“ค่ะพ่อดาจะแต่งงานกับพี่คิว อะไรที่ทำให้พ่อมีความสุขดาก็จะทำทั้งนั้น” เธอจับมือบิดาขึ้นมาแนบแก้ม มองหน้าคนที่นอนป่วยบนเตียงน้ำตาเอ่อคลอ
เมื่อสาวน้อยวัยใสตอบรับแล้ว แขกทั้งสองต่างก็ยิ้มด้วยความดีใจ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อรักษาสัญญาเท่านั้น แต่รณภพอยากให้เพื่อนมีความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต และอีกอย่างก็เห็นความน่ารักสดใสในตัวฤชุดา และคิดว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะมาเป็นสะใภ้ที่สุดแล้ว
ในระหว่างนั้น ‘ภวัต’ ก็เดินถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มสวมกางเกงสแลคสีดำเข้าคู่กับเสื้อกาวน์สีขาวขนาดพอดีตัว ส่องสายตาหาบิดามารดาจนเจอแล้วเดินตรงเข้ามาหา
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ”
“อ้าว! ตาคิวมาพอดีเลย ไหว้คุณลุงซะสิลูก”
ภวัตวางของไว้บนโต๊ะจากนั้นเดินตัวเปล่าเข้ามานั่งลงเก้าอี้ข้างมารดา ยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ
“สวัสดีครับคุณลุง”