อยากเป็นแฟนตัวจริงหรือเปล่า
เอิงเอย...
กว่าฉันจะเก็บเศษซากทุกอย่างภายในห้องจนมันสะอาดเหมือนไม่เคยเละเทะมาก่อนก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ตื่นคือฉันไม่ได้มาแค่สองวันเท่านั้นสภาพห้องแทบดูไม่ได้ หลังจากนั้นฉันก็เดินไปที่ครัวเพื่อลงมือทำอาหารค่ำให้เขาทาน ฉันเป็นแฟนหลอกๆของเขามาเกือบสี่ปีฉันก็เลยรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร วันนี้ฉันทำผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสดกับต้มจืดแตงกวายัดไส้ให้เขาทานเพราะได้ยินเขาบ่นที่มหาลัยว่าอยากกินผัดไทยที่มันอร่อยๆเพราะเขาไปสั่งในโรงอาหารมากินแล้วมันไม่อร่อยเขากินไปได้ไม่ถึงคำก็คายทิ้งทันที
และในขณะที่ฉันกำลังยืนทำอาหารอยู่ก็มีคนโทรเข้ามาพอดีเป็นพี่มานพพี่ข้างบ้านที่เขาอาสามาช่วยดูแลพ่อให้ฉันรีบกดรับสายทันทีโดยการเปิดสปีกเกอร์โฟนเพราะคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับพ่อ
"พี่นพมีอะไรหรือเปล่าคะพ่อเอยเป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า"
"พ่อเอยไม่ได้เป็นอะไรหรอก คือพี่แค่จะโทรมาถามเอยว่าเสาร์นี้เอยจะกลับน่านหรือเปล่า"
"เสาร์นี้เหรอคะเอยไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ถ้าที่มหาลัยไม่มีอะไรเอยก็น่าจะกลับนะ"
"คือพอดีว่าศุกร์นี้พี่จะไปสัมมนาที่กรุงเทพเสร็จประมาณเย็นๆพี่ก็เลยอยากจะชวนเอยออกไปทานข้าวแล้ววันเสาร์เราก็ขึ้นเครื่องกลับน่านพร้อมกัน"
"ก็ได้ค่ะ ยังไงพี่นพโทรมาอีกทีนะคะเอยกลัวทำงานจนลืม"
"ครับได้ครับไว้เจอกันศุกร์นี้นะ"
"ค่ะ"
"เอ้อเดี๋ยวเอยอย่าเพิ่งวางพี่มีเรื่องจะถามเอยหน่อย"
"ถามเรื่องอะไรคะ"
"เห็นพ่อเอยบอกว่าเอยจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังจากเอยเรียนจบจริงหรือเปล่า"
"ค่ะเอยคิดว่าจะกลับไปดูแลพ่อแล้วก็หางานทำที่นั่นถึงเงินเดือนจะไม่สูงเท่าที่กรุงเทพก็ตาม"
"พี่ดีใจนะที่เอยตัดสินใจแบบนั้น ไว้เดี๋ยวพี่จะถามฝ่ายบุคคลให้เผื่อว่ามีตำแหน่งไหนว่างที่ตรงกับสาขาที่เอยเรียนมา ถ้ามีเราก็จะได้ทำงานด้วยกันเจอหน้ากันทุกวัน"
"เอ่อ ค่ะขอบคุณนะคะพี่นพถ้างั้นเอยขอวางสายก่อนนะคะพอดีทำงานค้างอยู่" ฉันรู้ว่ามานพรู้สึกยังไงกับฉันแต่ฉันก็ให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้นเพราะหัวใจของฉันได้มอบให้กับปากร้ายใจดำไปหมดแล้ว
หลังจากที่คุยกับพี่มานพเสร็จฉันก็กดวางสายแล้วลงมือทำอาหารต่อเพราะกลัวว่าคนปากร้ายจะหิว
"ทำอะไร" ฉันสะดุ้งเสียงของธีร์ที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเพราะฉันคิดว่าเขาจะยังไม่ตื่น
"ทำอาหารให้ธีร์ไง" ฉันตอบโดยที่ไม่หันไปมองเพราะกำลังรีบแกะเปลือกกุ้งอยู่
"รู้ว่าทำอาหารที่อยากรู้ก็คือทำอะไรให้กิน"
"ทำผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสดกับต้มจืดแตงกวายัดใส้ไง"
"นี่คืออาหารแก้แฮ้งค์บ้านเธอเหรอวะ"
"ก็เราได้ยินธีร์บ่นอยากกินเราก็เลยแวะซื้อของมาจากตลาดมาทำให้กิน ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไรนะ" ถ้าเขาไม่อยากกินฉันก็จะไม่ทำเพราะแต่ละอย่างมันต้องใช้เวลาฉันไม่อยากทำแล้วไม่มีคนกิน
"ไหนๆก็ซื้อของมาละรีบๆทำหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว"
"รอประมาณครึ่งชั่วโมงนะเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยกำลังแกะกุ้งอยู่"
"อะไรวะ มาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอวะหิวแล้วนะเว้ย!!!" เขาทำไมเอาแต่ใจตัวเองได้ขนาดนี้ยิ่งนับวันก็ยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้วฉันก็ทนนิสัยแบบนี้ของเขามาได้ถึงสี่ปีเต็มๆฉันทนได้ยังไงฉันยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
"ขอโทษก็เรามัวแต่เก็บขยะเก็บเศษซากถุงยางก็เลยช้า"
"เออ เออ งั้นก็รีบๆทำละกันฉันจะเข้าไปนอนต่อถ้าเสร็จแล้วไปปลุกด้วย"
"อื้มม"
ปั้ง!!! เสียงประตูปิดดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งห้องตามแรงอารมณ์ของเจ้าของห้องที่หงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจ ฉันลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าอ่อนใจก่อนจะก้มหน้าทำอาหารต่อ
ยี่สิบนาทีต่อมา..
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันไปเคาะห้องเรียกเขาเพราะตอนนี้อาหารทำเสร็จแล้ว
"ธีร์ อาหารเสร็จแล้ว ธีร์"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันเคาะห้องเป็นรอบที่สองแต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ได้ยินเพราะไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน
เขาเป็นอะไรหรือเปล่าเพราะเมื่อกี้ฉันสังเกตน้ำเสียงของเขามันแหบๆเหมือนจะเจ็บคอ หรือเขาจะไม่สบาย คือถ้าเขาจะป่วยก็คงไม่แปลกเพราะเขาเล่นดื่มแอลกอฮอล์มาสองคืนติด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันเคาะห้องเขาเป็นรอบที่สามแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับฉันลองเปิดประตูห้องเข้าไปคือในห้องมืดมากและเย็นมากเขาเปิดแอร์เบอร์อะไรทำไมถึงเย็นได้ขนาดนี้จากฉันก็เดินเข้าไปกดสวิตไฟ พอห้องทั้งห้องสว่างก็เห็นธีร์นอนคลุมโปงอยู่บนที่นอนโดยที่ขาของเขาโผล่ออกมาจากผ้าห่ม
"ธีร์ ธีร์" ฉันเดินไปเขย่าตัวเขาที่นอนอยู่บนเตียงปรากฏว่าเขาตัวร้อนมากฉันรีบหยิบรีโมทมาปิดแอร์ที่เขาเปิดไว้ในอุณหภูมิสิบเจ็ดองศาก่อนที่เขาจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน ฉันเขย่าตัวเขาอีกรอบเพื่อให้เขารู้สึกตัว
"ธีร์ ธีร์"
"หื้มมมมม"
"ธีร์ไม่สบายตัวร้อนมากเลยเดี๋ยวเราไปเอายาแก้ไข้มาให้นะ" เขาพยักหน้าเบาๆเหมือนรู้ตัวฉันรีบวิ่งออกไปเพื่อเอายาแก้ไข้กับน้ำเปล่าโดยที่ไม่ลืมแผ่นเจลแปะลดไข้ที่ฉันมักจะซื้อมาทิ้งไว้เพราะธีร์ไม่สบายบ่อยคือถ้าช่วงไหนเขาดื่มหนักพักผ่อนน้อยเขาก็จะไม่สบายแบบนี้เป็นประจำยาแก้ไข้กับแผ่นแปะลดไข้จึงต้องมีติดห้องไว้เสมอ
ฉันกลับเข้ามาในห้องพร้อมของในถาดไม่ว่าจะเป็นยาแก้ไข้แก้ไอแก้อักเสบ แผ่นเจลลดไข้ ข้าวต้มที่ฉันทำแบบเร่งด่วนเพราะเขาต้องกินข้าวก่อนกินยาไม่อย่างนั้นยาจะไปกัดกะเพาะ
"ธีร์ลุกมาทานข้าวก่อนเดี๋ยวจะได้ทานยา"
"ไม่เอา ปวดหัวลุกไม่ไหว"
"ไม่ไหวก็ต้องลุกไม่อย่างงั้นไม่หายนะอย่าลืมว่าพรุ่งนี้เรามีสอบน่ะ"
"สอบก็สอบไปดิคนมันลุกไม่ไหวให้ทำไงวะ" เสียงงอแงอย่างคนเอาแต่ใจทำให้ฉันถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาคิดว่าตัวเองเป็นหลานเจ้าของมหาลัยก็เลยจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ โดยที่เขาลืมไปว่าเมื่อเทอมก่อนเขาขาดสอบทำให้เขาถูกหักคะแนนไป
"ลุกมาทานข้าวทานยาเถอะนะธีร์" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเพราะไม่อยากให้เขานอนซมอยู่แบบนี้
"โอ๊ยจะอะไรนักหนาวะเป็นแม่ฉันรึไงบังคับอยู่ได้" เขาตะคอกใส่ฉันเสียงดังทำให้ฉันอดน้อยใจไม่ได้ ฉันหวังดีกับเขาแท้ๆ
"ถ้าอย่างั้นเราวางยาแก้ไข้กับเจลแล้วก็ข้าวต้มไว้ตรงนี้นะถ้าหิวก็ลุกมาทานเองนะเรากลับล่ะค่ำแล้ว" ฉันบอกกับธีร์โดยที่ไม่รู้ว่าเขาสนใจฟังหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันจะสามทุ่มแล้วฉันต้องรีบกลับก่อนที่รถเมล์จะหมดเพราะจากคอนโดของเขาไปหอพักของฉันมันไกลกันมาก อยากจะบอกว่าตั้งแต่คบกันมาเขายังไม่เคยรู้เลยว่าฉันพักอยู่ที่ไหนหรืออยู่กับใครเพราะเขาไม่เคยไปรับไปส่ง มีแต่ฉันที่ต้องนั่งรถเมล์มาหาเขาเอง หึ น่าอายจังเลยเนอะ เป็นแฟนปลอมๆนี่มันลำบากจริงๆไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาควง ฉันเห็นเขาขับรถไปรับไปส่งผู้หญิงพวกนั้นไม่เคยหรอกที่เขาจะทำแบบนั้นกับฉัน คบกันมาสี่ปีฉันยังไม่เคยขึ้นรถเขาเลยสักครั้ง
ก่อนจะออกมาจากห้องของเขาฉันก็รีบจัดการเก็บผัดไทยกับต้มจืดเข้าตู้เย็นเพื่อเขาจะอุ่นกินวันพรุ่งนี้ถ้าเขาลุกไหว แต่พอฉันกำลังจะก้าวขาออกจากห้องฉันก็ได้ยินเสียงแก้วแตกในห้องของธีร์ฉันรีบถอดรองเท้าแล้ววิ่งเข้าไปดูก็เห็นธีร์นั่งอยู่ข้างเตียงมือของเขากำลังคือยาแก้ไข้ส่วนแก้วน้ำมันหล่นแตกอยู่ข้างๆ
"ธีร์เป็นอะไรมั้ยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ฉันรีบไปจับดูที่แขนของเขาว่าโดนเศษแก้วบาดหรือเปล่า
"แม่งมือไม่มีแรงเลยว่ะ" ฉันมองมือของเขาที่สั่นพอแตะไปที่ตัวตัวของเขาร้อนมากกว่าเดิมอีกฉันก็เลยวิ่งออกไปเอาขวดน้ำเปล่าขวดใหม่เข้ามาให้เขา
"ถ้างั้นธีร์ทานยาแก้ไข้ไปก่อนนะส่วนยาที่เหลือทานหลังอาหารนะไม่อย่างงั้นมันจะไปกัดกระเพาะ"
"ป้อนทีกินเองไม่ไหว" เสียงเขาแหบพร่ามากจนน่าสงสารฉันก็เลยหยิบมาแก้ไข้ในมือป้อนให้เขาเองจากนั้นก็เอาขวดน้ำจดจ่อไปที่ริมฝีปากแห้งที่แดงจัดเพราะพิษไข้
"อึก อึก แค่ก แค่ก"
"ดื่มช้าๆสิ" ฉันดุเขาเบาๆเพราะเขารีบดื่มน้ำจนสำลัก จากนั้นฉันก็ค่อยๆพยุงเขาขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนที่ฉันจะก้มลงเก็บเศษแก้วน้ำที่เขาทำแตกก่อนหน้านี้เพราะกลัวเขาจะไปเหยียบเข้า พอฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันจนฉันเขิน
"ธีร์มองหน้าเราทำไม"
"ก็แค่อยากมองทำไมวะมองหน้าแฟนตัวเองไม่ได้รึไง"
"ก็แค่แฟนปลอมๆ"
"แล้วอยากเป็นแฟนจริงๆดูบ้างไหมล่ะ"
"พูดอะไรของธีร์เนี้ยะ"
"พูดเรื่องจริง"
"อย่างเราคงจะสู้ผู้หญิงสาวๆสวยๆที่ธีร์ควงไม่ได้หรอกอย่างเราเป็นได้แค่แฟนปลอมๆแบบนี้ก็ดีแล้ว"
"พูดเหมือนน้อยใจ"
"เราจะไปน้อยใจอะไร เปล่าซะหน่อย"
"แน่ใจ" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ คือมันใกล้มากจนฉันหวั่นไหวฉันรีบขยับตัวออกทันที
"เราว่าธีร์นอนพักเถอะนะเราจะกลับแล้วดึกแล้ว"
"ดึกแล้วก็นอนที่นี่ดิห้องอีกห้องก็ยังว่างไม่มีใครนอน"
"ไม่เป็นไรเราไม่อยากรบกวนธีร์"
"บอกให้นอนที่นี่ก็นอนดิ หรือจะนอนห้องนี้บนเตียงนี้"
"บ้าไม่เอาหรอก เราจะนอนเตียงเดียวห้องเดียวกับธีร์ได้ยังไง"
"ทำไมจะไม่ได้เป็นแฟนกันนอนห้องเดียวกันมันผิดตรงไหน"
"มันไม่ผิดถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆแต่นี่มันไม่ใช่ไง"
"ก็ถึงถามเมื่อกี้ไงว่าอยากเป็นแฟนตัวจริงหรือเปล่า"
".........." ยอมรับว่าฉันไม่เข้าใจที่ธีร์พูดเขาต้องการอะไรกันแน่