2 (2)
นั่นหมายความว่ามีคนอยู่ในบ้านหลังนั้น ซึ่งแน่นอนเธอไม่ได้หมายถึงลุงพงษ์ เพราะลุงพงษ์แกอยู่ประจำอยู่แล้วเพียงแต่ถ้าแกอยู่เพียงแค่คนเดียวไฟข้างในตัวบ้านจะถูกปิดมีเพียง ไฟหน้าบ้านและบริเวณรอบบ้านเท่านั้นที่ถูกเปิดเอาไว้
ใครมากันนะหรือจะเป็นไออุ่น เธอนึกถึงเพื่อนรักที่ล่าสุดคุยกันผ่านโซเชียลเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยถึงเลยว่าจะมาเที่ยวเมืองไทย ที่ปกติก็มาเป็นประจำทุกปี และปีนี้ยังไม่ได้มา อาจจะเป็นไปได้
คิดได้อย่างนั้นไม่รอช้ากิ่งแก้วรีบเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านทันที ถามลุงพงษ์ก็คงจะรู้ และไม่นานคนที่เธอรอก็วิ่งเหยาะแหยะๆ ออกมา
“อ้าว นึกว่าใครคุณแก้วนี่เอง” ลุงพงษ์ทักทายหญิงสาวพร้อมกับเปิดประตูต้อนรับอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะลุง แก้วเห็นไฟในบ้านเปิด มีคนมาหรือคะ” เธอถามพลางชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในด้วยรอยยิ้มเต็มวงหน้า
“ครับมาถึงวันนี้เองครับ”
“แก้วขอเข้าไปทักหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยปากขอเสียงแผ่ว
“ได้สิครับ เชิญเลยครับ” ว่าแล้วผู้สูงวัยก็ผายมือเชื้อเชิญหญิงสาวโดยไม่ลังเล อย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้าน และทุกครั้งที่มีคนมาพักหญิงสาวก็จะแวะมาที่นี่เป็นประจำ จึงไม่แปลกใจที่คราวนี้หญิงสาวจะแวะมา
“มาไม่บอกไม่กล่าวกันเลย” เธอบ่น นั่นทำให้ลุงพงษ์หัวเราะแล้วบอกอย่างเห็นด้วย
“ใช่ครับ บอกจะมามะรืนวันนี้โผล่มาซะแล้ว แถมยังมาแกล้งลุงอีก”
“หรือคะ เป็นคนช่างแกล้งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หญิงสาวบอกเสียงกลั้วหัวเราะกลับไปบ้าง พลางคิดไปว่าการมาที่เที่ยวเมืองไทยโดยที่ไม่บอกเธอล่วงหน้าคราวนี้ เพื่อนของเธอคงกะจะเซอร์ไพส์และแกล้งเธอเหมือนลุงพงษ์แน่ๆ แต่ไม่ทันซะหรอก “งั้นแก้วขอตัวไปพบทุกคนก่อนนะคะ”
“คะ...ครับ” ลุงพงษ์ตอบรับอย่างงงๆ ในบ้านมีคาร์ลอสอยู่คนเดียว ทำไมหญิงสาวพูดเหมือนมาหาคนหลายคน สงสัยเข้าใจผิดคิดว่ามีคนอื่นมาด้วยละมั้ง แต่ก็ช่างเถอะอย่างไรพวกเขาก็คนรู้จักกันจะพบใครก็คงดีใจหมดแหละ ลุงพงษ์คิดสรุปเอาเอง
ร่างบางเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก ก่อนจะหันซ้ายหันขวา แล้วชะเง้อคอมองหาเจ้าของบ้าน หากแต่ไม่พบใครเธอจึงร้องเรียก
“มีใครอยู่ไหม ยัยอุ่น...ยัยอุ่น...” สิ้นเสียงเรียกเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายเสียงวางจานดังมาจากห้องครัว กิ่งแก้วเปิดยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินตรงรี่ไปหาคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนรักทันที
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ...มาเมื่อไหร่ไม่บอกกันเลยนะ” เธอทักทายพร้อมกับแสร้งตัดพ้อทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องครัว และต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนแทนที่จะเป็นร่างเล็กบอบบางของเพื่อนรัก
ใครกัน...ไมก้าห์หรือ เธอคาดเดาและก่อนที่เธอจะเรียกสามีของเพื่อนรักออกมา ร่างสูงนั้นก็เอี้ยวตัวมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ผมไม่คิดว่าคุณอยากรู้เลยไม่ได้บอก” เจ้าของร่างสูงบอกยิ้มๆ ขณะหยิบอาหารออกจากไมโครเวพ “ทานด้วยกันไหม”
“คาร์ล...” หญิงสาวครางชื่อคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ แต่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่เปลี่ยนมากนักถึงผมจะยาวขึ้นไว้หนวดเครารกรุงรังก็ตาม
“นึกว่าลืมกันเสียแล้ว”
“ฉันมาหายัยอุ่นค่ะ ยัยอุ่นอยู่ไหมคะ” เธอเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเลี่ยงถามถึงคนที่ต้องการเจอ ทว่าสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือหน้าตางงๆ ของอีกฝ่าย
“มาหาคุณอุ่น”
“ค่ะ” เพียงเท่านั้นคาร์ลอสก็หัวเราะในลำคอ เดินเอาอาหารที่เพิ่งจะเวฟเสร็จมาวางบนโต๊ะพร้อมทาน “ถ้าจะหาคุณอุ่นคงต้องไปไกลถึงอังกฤษแล้วละ เพราะที่บ้านหลังนี้มีแค่ผมกับลุงพงษ์...สองคนเท่านั้น” ชายหนุ่มชูนิ้วเรียวยาวขึ้นมาสองนิ้วแล้วส่ายมันไปมา อย่างยียวน
และตอนนี้เองทำให้กิ่งแก้วรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิดยกใหญ่ตอนเข้ามาก็ไม่ได้ถามลุงพงษ์ให้ชัดเจน เห็นแกคุยเอ่อออด้วยก็นึกว่าลุงแกพูดถึงไออุ่น แต่ที่ไหนได้ลุงแกหมายถึงคาร์ลอสนี่เอง
“งั้น...ฉันกลับดีกว่า” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวรีบเดินออกมาทันที “เดี๋ยวสิคุณจะรีบไปไหน ทำไมทนมองหน้าผมสักนาทีสองนาทีมันจะขาดใจหรือไง” คาร์ลอสผละจากอาหารที่ยังไม่ได้เริ่มทานด้วยซ้ำแล้วรีบเดินตามร่างบางมาติดๆ
“เป็นคุณมากกว่ามั้ง เห็นหน้าฉันแล้วจะพานทานข้าวไม่ลง” หญิงสาวบอกอย่างประชดประชัน ขณะเดียวกันก็เร่งฝีเท้า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู คืนนี้เธอคงต้องไปหาโรงแรมสักแห่งนอน จากที่ก่อนหน้านี้คิดว่าอาจจะขอเพื่อนพักที่นี่สักคืน แต่เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดการเอาไว้ เธอก็คงต้องกลับไปใช้แผนเดิม
“ผมจำได้ว่าชวนคุณทานเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ”
“ก็แค่มารยาท...ส่งฉันแค่นี้ก็พอค่ะ” กิ่งแก้วหันมาบอกเมื่อเดินออกจากบ้านมาแล้วคาร์ลอสยังเดินตาม แทนที่จะปิดประตูบ้านแล้วกลับเข้าไปทานอาหารต่อ
“ใครบอกว่าผมมาส่ง ผมจะไปด้วยต่างหาก ว่าแต่คุณจะไปไหนนี่” คาร์ลอสถามอย่างสงสัยเมื่อกิ่งแก้วเดินไปคนละทิศกับบ้านของเธอ
“เปล่านี่คะ”
“เปล่าหมายความว่ายังไง จะบอกว่ากำลังกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ แต่ผมจำได้ว่าบ้านคุณหลังนู้นไม่ใช่หรือไง” ว่าพลางเอี้ยวตัวพยักพเยิดไปที่บ้านถัดจากบ้านของตนไปอีกสองหลัง
“ฉันจะไปเที่ยวบ้างไม่ได้หรือไงคะ” กิ่งแก้วแก้ตัวไปเรื่อยคิดออกอย่างไหนก็พูดไปอย่างนั้น ขอให้คนที่เดินตามต้อยๆ ยอมกลับบ้านและเธอจะได้ไปหาโรงแรมนอนเสียที
“ผมไปด้วย”
“ไม่ได้!” หญิงสาวรู้ตัวว่าเผลอตะคอกออกไปอย่างไม่มีเหตุผลจึงรีบหาข้ออ้าง “คือ...ฉันนัดเพื่อนเอาไว้นะคะ”
“ไปถึงคุณก็แยกไปสนุกกับเพื่อนๆ ส่วนผมก็จะแยกไปหาอะไรดื่มคนเดียวก็ได้” ชายหนุ่มเสนอพลางยักไหล่ถึงอย่างไรเขาก็จะไป
“ไม่ได้ คือ...”
“เพื่อนที่ว่าคือแฟนของคุณใช่ไหมล่ะ” เขาเอ่ยแทรกเมื่อเห็นหญิงสาวอ้ำๆ อึ้งๆ ท่าทางไม่อยากให้เขาตามไปด้วย เมื่อคิดอย่างนั้นสีหน้ายิ้มๆ ก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงออกมากนักอย่างรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์
“ค่ะ” กิ่งแก้วก็สมอ้างยอมรับหน้าตาเฉย เพราะคิดว่านั่นจะทำให้ชายหนุ่มกลับบ้านไปซะ และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่แท็กซี่ที่เข้าไปส่งผู้โดยสารภายในหมู่บ้านวิ่งกลับออกมา เธอจึงรีบโบกมือเรียก “ฉันไปนะคะ” พูดจบก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ โดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่เธอเพิ่งบอกลาได้วิ่งอ้อมไปขึ้นรถอีกด้าน
“นี่คุณ” กิ่งแก้วอุทานอย่างตกใจเมื่อขึ้นมาบนรถแล้วเจอคนตัวโตนั่งกอดอกยิ้มแฉ่งรออยู่
“ออกรถเลยครับ” ชายหนุ่มรีบบอกก่อนจะหันมาถามกิ่งแก้วที่นั่งจ้องหน้าเขาตาเขียว “ไปที่ไหนดี” ถามอย่างไม่สนใจว่าคนที่เขาชวนนั้นอยากจะให้ไปด้วยหรือไม่ เขาอยากไปด้วยใครจะทำไม ไล่ให้ตายก็ไม่ไป
“คุณจะตามฉันมาทำไมเนี่ย” เธอถามอย่างหัวเสีย
“เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็อยากหาที่พักผ่อนหย่อนใจบ้างสิคุณ”
“อยากพักก็นอนอยู่ที่บ้านสิ”
“ผมไม่ชอบพักแบบนั้น เอาน่าคุณไปถึงก็ตัวใครตัวมัน คุณก็ไปกับแฟนส่วนผมก็...” กิ่งแก้วถลึงตามองอย่างลืมตัว “ก็ดื่มคนเดียวก็ได้ สบายใจดี”
กิ่งแก้วถอนหายใจ จากที่จะหาที่ซุกหัวนอนคงต้องเปลี่ยนไปหาที่เที่ยวจริงๆ แล้วสินะ เมื่อทำอะไรไม่ได้กิ่งแก้วจึงบอกชื่อผับแห่งหนึ่งกับแท็กซี่
เที่ยวก็เที่ยว...ดีเหมือนกันนานๆ ปลดปล่อยเสียที