ตอนที่8 สตรีเกินคาด
หลังจากที่ต้นหญ้าได้ตายลงอย่างสงบเกือบทั้งหมดแล้ว
โดยที่จิวซินไม่ต้องลงมือลงแรงทำแต่อย่างใด เพียงยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ ไม่นาน นางพลันตัดสินใจแอบย่องหนีให้ห่างจากบ่าวชายทั้งสองออกมาได้อย่างรวดเร็วไม่เห็นแม้ฝุ่น
หญิงสาวย่างเท้าเดินหลบมุมตามทางเดินของเรือนต่างๆ เรื่อยมาจนเจอเข้ากับมุมสงบมุมหนึ่งมีตั่งยาวให้นั่งภายใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง รอบตั่งตัวนี้มีมวลบุบผาเต็มไปหมด มีผีเสื้อบินล้ออวดปีกสวยหลายตัว
อา...สวรรค์!
จิวซินคิดในใจด้วยดวงตาเริ่มพองโตสีหน้าสุกใสคลี่ยิ้มบางเบา ท้ายที่สุดรอยยิ้มในหน้าก็ยิ่งกว้าง จนกลายเป็นเบิกบาน
นั่นเพราะตั่งตัวนี้ควรค่าแก่การนั่งทำสมาธิยิ่งนัก นั่งอ่านตำรา หรือคัดบทสวดมนต์ก็คงดียิ่ง
หญิงสาวคิดอย่างนั้นพลันเดินปรี่เข้ามาหาตั่งตัวนี้อย่างไม่มีรีรอ
นางรีบนั่งลงด้วยท่วงท่าสวยงามลืมไปเลยว่าปลอมตัวอยู่ พลางลูบๆ คลำๆ รอบตั่งอย่างนึกรักใคร่หลงใหล
อืม...ที่นี่ช่างเป็นสถานที่ดั่งสวรรค์โดยแท้ เจ้านายรูปงาม สถานที่สวยงาม บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้มีดอกไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมาะเจาะสบายตาสบายใจเมื่อได้พิศได้ชื่นชม
อา...คิดไม่ผิดเสียจริงที่ปลอมตัวมาอยู่ที่นี่
นางขออยู่นานๆ ได้หรือไม่?
หวังว่าท่านพ่อจะยังไม่ออกตามล่าหานางให้กลับไปแต่งงานนะ
จิวซินคิดไปนั่งยิ้มในหน้าไปอย่างเพลิดเพลิน
ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ใต้ร่มไม้ร่มรื่น นางเพียงนั่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามที่อาทิตย์ใกล้อัสดง พลางหลับตาพริ้มคลี่ยิ้มงดงามรับสายลมยามเย็นไล้เบาๆ ที่ผิวข้างแก้มนวลเนียนเปล่งปลั่งล้อเล่นกับแสงแดดทอประกาย เกิดเป็นภาพเกินบรรยายในสายตาของใครบางคน
ใครบางคนนั้นกำลังยืนสังเกตพฤติกรรมของนางอยู่ไกลๆ
เขายืนมองนางเป็นเวลานานแล้ว...
อาภรณ์ของบุรุษเพศไม่ได้ช่วยอันใดให้แก่นางเลยจริงๆ
จ้าวหนิงหลงคิดอย่างนั้นในใจ นางจะใส่อาภรณ์บุรุษเพื่ออะไร ในเมื่อนางช่าง...
แต่ก่อนที่จ้าวหนิงหลงจะคิดอะไรลึกซึ้งมากกว่านั้น เขาหรี่ตามองไปยังสตรีในอาภรณ์บุรุษนามว่าอาซินอย่างนึกเข่นเขี้ยวขึ้นมาทันใด
ด้วยเพราะว่าตรงตั่งมุมนั้นมันเป็นมุมโปรดของเขา เป็นมุมที่เขาไม่เคยให้ใครได้เข้าไปนั่ง
แล้วดูนาง...
นั่งไปยิ้มไปนั่นคืออันใด?
ไยนางอารมณ์ดียิ่ง!?
จิวซินยังคงนั่งคลี่ยิ้มอ่อนหวานคล้ายเมากำยานอยู่อย่างนั้น โดยมิได้รู้สึกรู้สาอันใดกับเจ้าของที่ทาง ซึ่งกำลังมองมาทางนางด้วยสายตาคมดำแฝงความหวงแหนอย่างต้องการห้ำหั่นเพื่อตั่งตัวโปรด
เขากำลังเดินเข้ามาทางจิวซินอย่างเยือกเย็น แววตาเย็นเยียบ
ในขณะที่จิวซินยังคงเงยหน้ารับแสงตะวันยามเย็นอย่างรื่นเริง
ทันใดนั้นหญิงสาวพลันเจ็บแปลบที่ตรงช่วงหัวไหล่บริเวณที่นางใช้แบกถังน้ำในวันนี้ เนื่องจากนางใช้ฝ่ามือยันไว้กับตั่งนานจนเกินไป รอยระบมจากการทำงานแบกหามจึงเริ่มออกอาการ
จิวซินขมวดคิ้วมุ่นแต่ยังคงเงยหน้าหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น พลางเอื้อมมืออีกข้างหนึ่งขึ้นลูบๆ คลำๆ บริเวณหัวไหล่ก่อนจะล้วงเข้าสาบเสื้อไปบีบเนื้อนวลของตนเบาๆ
นางสัมผัสได้ถึงรอยถลอกตรงช่วงไหล่ของตัวเอง รอยยาวเชียว
มิน่าเล่า ถึงเจ็บแปลบยิ่งนัก!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นจิวซินจึงเปิดผ้าตรงสาบเสื้อออกกว้าง ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาเพื่อเอียงหน้าชำเลืองมองช่วงบ่าเปลือยของตน
หญิงสาวเปิดสาบเสื้อช่วงลำคอออกจนเผยผิวช่วงไหล่กลมมนในขณะที่ใครบางคนเดินมาจนถึงตัวของนางพอดิบพอดี
นางปรือตาหมายจะเอียงใบหน้าลงมองช่วงไหล่ของตัวเอง กลับเจอกับสัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือใหญ่ตรงช่วงหัวไหล่พร้อมสบสายตาเข้ากับใครบางคนที่กำลังก้มลงมาพอดิบพอดี
จ้าวหนิงหลงที่เดินเข้ามาจนถึงตัวของบ่าวชาย หมายจะจับดึงตัวนางออกจากตั่งอันหวงแหน
หากแต่จังหวะที่เขาก้มหน้าลงมาเพื่อจะเอื้อมมือขึ้นจับช่วงไหล่แล้วดึงตัวนางออกไป จู่ๆ นางก็เปิดช่วงบ่าขาวนวล เผยผิวขาวเนียน ในขณะที่ฝ่ามือของเขาเข้าจับกุมตรงหัวไหล่ของนางพอดิบพอดี
สรรพสิ่งคล้ายกับชะงักงันอยู่กับที่ สายลมคล้ายกับหยุดเดินทาง
กาลเวลาคล้ายกับหยุดหมุนกันเลยทีเดียว
ทั้งสองถึงกับเบิกตามองสบอย่างอึ้งงันแข็งค้างกลางอากาศ คล้ายกับภาพวาดในบัดดล
จิวซินกะพริบตาปริบๆ สู้สายตาคมที่กำลังก้มหน้าลงมา
ทว่าจ้าวหนิงหลงกลับไม่กล้ากะพริบตา เขาพลันกลายร่างเป็นเสาหินไปเสียแล้ว
เพียงอึดใจจิวซินก็ได้สติด้วยเกรงว่าความลับที่ปลอมตัวเป็นชายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างงามเร็วกว่าความคิด รีบดีดตัวลุกผึงขึ้นมา
จ้าวหนิงหลงยังไม่ทันได้กะพริบตาหรือหลบเลี่ยง ร่างเล็กของบ่าวชายตรงหน้าก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาจนปลายคางของเขากระแทกเข้ากับศีรษะของนางอย่างแรง
“โอ้ย!”
ทั้งสองอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงในขณะที่ปลายจมูกของพวกเขาแนบชิดจนริมฝีปากเกือบจะติดกัน
จิวซินยังคงรั้งสติของตนเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ความคล่องแคล่วลื่นไหลอันไร้ที่ติในทุกสถานการณ์ยังคงเบ่งบานได้อย่างน่าชม นางจึงรีบเอ่ยออกมาก่อนที่คุณชายของนางจะนึกเอะใจสงสัยอันใด
“อา...คุณชาย ข้าน้อยต้องขออภัยขอรับ โอว...ปลายคางคมสันของคุณชาย แย่แล้ว แย่แล้ว มาขอรับ มามา ข้าน้อยจะพาท่านไปทายา”
จบคำก็รีบจับประคองร่างหนาให้หันหน้าไปอีกทาง พลางดันแผ่นหลังกว้างของเขาให้เดินออกไปอย่างแนบเนียน
จ้าวหนิงหลงยังคงไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้แม้แต่ครึ่งคำ เขาทำได้แค่ออกเท้าก้าวเดินตามฝ่ามือเล็กๆ เรี่ยวแรงน้อยๆ ที่กำลังดุนดันแผ่นหลังของเขาได้แค่นั้น
การกระทำของนางช่างเกินคาดการณ์ในทุกๆ สิ่ง นี่เพราะว่านางเป็นคู่หมายที่จะหมั้นของเขาจริงๆ ใช่หรือไม่?
ชั่วขณะหนึ่งจิวซินที่บังอาจถือวิสาสะจับประคองเรือนร่างสูงค่าดันแผ่นหลังงามสง่าของคุณชายรูปงามพลันได้สติขึ้นมา นางจึงรีบผละฝ่ามือออกจากแผ่นหลังของเขาคล้ายโดนไฟร้อนลวกมือกระนั้น
ทำเอาเจ้าของแผ่นหลังถึงกับชะงักงันหยุดฝ่าเท้าที่กำลังก้าวเดิน แต่ทว่าจิวซินยังก้าวเท้าเดิน นางยังมิได้หยุดเท้าลงแต่อย่างใด
หญิงสาวจึงเดินชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาเต็มๆ
“อ่ะ!”
ร่างเล็กอุทานได้แค่นั้น เมื่อใบหน้าของนางฝังเข้าไปในแผ่นหลังของชายหนุ่มแบบจมมิด
อา...กลิ่นหอมนี้
จิวซินที่จมูกแนบสนิทกับแผ่นหลังของบุรุษในอาภรณ์สีขาวซึ่งมีกลิ่นกายสะอาดรูปร่างงดงามอย่างนั้น นางถึงกับเผลอไผลนิ่งขึงอยู่กับที่
จ้าวหนิงหลงถึงกับยืนตรึงกับที่นิ่งงัน ในขณะที่ใครบางคนยังคงยืนเงียบอยู่ตรงแผ่นหลังของเขาไม่ยอมถอยออกไป
ชายหนุ่มจึงเอียงหน้าหันกลับมามองใครคนนั้นอย่างเข่นเขี้ยว แต่ทว่าเขากลับได้เจอกับใบหน้าอมชมพูระเรื่อตรงแผ่นหลัง
ใบหน้าเล็กน่ารักของนางยามนี้นั้นทำแววตาบุรุษระริกไหวทันที ยิ่งเห็นนางกำลังคลี่ยิ้มประจบส่งให้ นัยน์ตากรุ่มกริ่มหยาดเยิ้มปานนั้น ในอกแกร่งพลันร้อนรุ่มอย่างประหลาด
ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกครา
สตรีนางนี้นี่...
เขาควรทำอย่างไรกับนางดี?
“คุณชาย ไยท่านไม่เดินขอรับ” จิวซินถามออกมาอย่างใสซื่อ
“เจ้าจะสิงร่างข้าหรือไร?” จ้าวหนิงหลงถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ใบหน้ารูปงามฉายแววเย็นเยียบอย่างคนอดอนอดกลั้นบางประการ
“หากสิงได้ข้าน้อยสิงไปแล้วขอรับ”
จิวซินยังคงตอบคำด้วยท่าทางรื่นเริง
นางชอบเจ้านายผู้นี้เสียจริง ใบหน้าของเขาช่างเยือกเย็นสุขุม ท่าทางของเขาหรือก็ช่างสงบเรียบนิ่งเคร่งขรึมตลอดเวลา
อา...กลิ่นกายของเขาก็หอมเสียด้วย
จ้าวหนิงหลงไร้ซึ่งวาจา เขาหันหน้ากลับไปแล้วออกเท้าก้าวเดินด้วยอากัปกิริยาเยือกเย็นอย่างเก็บข่มอารมณ์ขั้นสุดก่อนเอ่ยสั่งการ
“ตามมา...”
“ขอรับ”
จิวซินรีบรับคำพลางเดินตามไปติดๆ
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่
จ้าวหนิงหลงเดินนำทางจิวซินมาถึงห้องกว้างขวางห้องหนึ่ง
ภายในห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยตู้หนังสือหลายชั้น มีขนาดใหญ่โต ทุกตู้ทุกชั้นมีหนังสือตั้งเรียงรายอยู่จนเต็มพื้นที่ ทั้งหมดเต็มไปด้วยศาสตร์ความรู้ทุกแขนงในปฐพี มีขนาดอลังการเกินประมาณ
จ้าวหนิงหลงก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้าห้องมาแล้วหยุดเดิน ก่อนหันหน้าเข้าหาบ่าวชายของเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดุจเดิม
เขาเอ่ยอย่างเยือกเย็นซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้ได้อย่างมิดชิด “ห้องหนังสือแห่งนี้เป็นหน้าที่ของเจ้า”
เขาจ้องมองใบหน้าของอาซินนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็นมากกว่าเดิม “ทำความสะอาดให้หมดทุกซอกทุกมุม”
จบคำก็เดินผละไปด้วยท่าทางเคร่งขรึมตามวิสัย ทว่าในใจกลับเบิกบาน เหตุเพราะได้กลั่นแกล้งมอบภาระหนักให้ใครบางคน
จิวซินได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างเงียบงัน
กลิ่นกายสะอาดสอ้านของเขายังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของนาง เช่นนั้นแล้วอาการคล้ายกับเมากำยานของนางจึงยังคงอยู่
อา...เขามีหนังสือเยอะแยะมากมายปานนี้ได้อย่างไร
นี่มันขุมสมบัติเชียวนะ
เขาให้นางทั้งหมดนี่เลยหรือ?
จุ๊ๆ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่ง น่านับถือเสียจริง นางต้องตอบแทนเขา โดยการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม
กระทั่งทุกหน้าของกระดาษใบหนาเลยเชียว...
จิวซินคิดได้อย่างนั้น พลันคลี่ยิ้มเบิกบานสว่างจ้า เริ่มต้นทำงานอย่างรื่นเริงไม่เปลี่ยนแปลง
จ้าวหนิงหลงเพียงหันหน้ากลับมามองสตรีในอาภรณ์บุรุษนิ่งงัน ดวงตาคมปลาบของเขาถึงกับฉายแววสั่นพร่าวูบไหว
นี่นางเป็นอันใดมากหรือไม่? ไยถึงอารมณ์ดียิ่ง?