บท
ตั้งค่า

ตอนที่7 บ่าวชายเจ้าเล่ห์ไม่ควรห่างกาย

ผ่านไปหนึ่งวันสำหรับงานเป็นบ่าวชายของจิวซินในคราบของอาซิน

จิวซินยังคงสนุกสนานร่าเริงหลังจากทำงานหลายอย่างตามแต่เจ้านายรูปงามของนางจะสั่งให้ทำ

นางชอบออกกำลัง มันเทียบเท่ากับการฝึกยุทธ์ก็ไม่ปาน

แท้จริงแล้วนางอยากฝึกยุทธ์แต่ท่านพ่อไม่ค่อยจะมีเวลาให้นาง

ท่านพ่อต้องคอยติดตามคอยอารักขาฮ่องเต้เป็นเงาตามตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทุกเวลาทุกย่างก้าว

มิรู้ได้ว่าท่านพ่อมีเวลายามใดมาหาท่านแม่เพื่อผลิตนางออกมา

เช่นนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่ทำให้นางได้ออกกำลังนั่นจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดี

นางชอบทำงานหลายอย่าง ทั้งซักผ้า ทั้งกวาดถู ทั้งแบกน้ำ เพราะบางทีการทำเช่นนี้อาจหมายถึงพื้นฐานของเหล่าจอมยุทธ์ อา...นางแถมพรวนดินบำรุงต้นหญ้าให้อีกด้วยนะ ต้นหญ้าจะได้งามๆ

จิวซินยิ้มไปเดินไปสำรวจตรวจตราผลงานต่างๆ ที่นางได้ทำไปจนตลอดทั้งวันของวันนี้

หญิงสาวเดินสำรวจไปอย่างถ้วนทั่วที่บริเวณรอบๆ โรงซักล้างและที่ราวตากผ้าบนพื้นดินที่มีต้นหญ้าเขียวขจีขึ้นเบียดกันอย่างงดงาม

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดัง “ข้าบอกให้เจ้าถอนหญ้าบริเวณนี้ ตั้งแต่สองวันที่แล้ว ไยเจ้าไม่ทำ?”

เสียงนั้นเป็นเสียงของบ่าวชายผู้หนึ่ง เขาตะโกนดังลั่นใส่หูของบ่าวชายอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินกันอยู่ไม่ไกลจากที่จิวซินกำลังยืนจัดผ้าที่ซักตากเอาไว้

บ่าวชายผู้นั้นยังคงบ่นตะเบ็งเสียงดังออกมา “เจ้าเห็นหรือไม่? ว่าหญ้ามันเติบโตเสียจนจะมีงูพิษสร้างอาณาจักรได้อยู่แล้ว”

“งานข้าก็มีเต็มมือไยเจ้าไม่ทำเองเล่า การถอนหญ้าใครก็ทำได้” บ่าวชายอีกคนหนึ่งที่เดินมาด้วยบ่นออกมาเพียงเบาๆ มิกล้าสบตา

“แล้วงานข้าไม่มีหรือไร หา!”

บ่าวชายคนแรกที่แลดูมีเรี่ยวแรงมากกว่าเริ่มมีโทสะจึงตะโกนคำรามออกมาอย่างดัง ทำเอาอีกคนต้องรีบหดคอหนีอย่างกล้าๆ กลัวๆ

จิวซินยืนมองอยู่ไม่ไกล นางเพียงมองตามทิศทางของต้นหญ้าที่บ่าวชายทั้งสองกำลังพูดถึง

ต้นหญ้าพวกนั้นคือต้นที่นางพรวนดินให้แน่ๆ อา...นางเห็นว่ามันงามต้นโตสูงใหญ่ก็นึกว่าพวกเขาตั้งใจปลูกมันเอาไว้ ที่แท้ก็เกี่ยงกันไม่ยอมจัดการนี่เอง

จิวซินยืนกอดอกมองบุคคลผู้เป็นบ่าวชายทั้งสองอย่างเข้าใจ คล้ายกับผู้ล่วงรู้ในทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน

ทันใดนั้นบ่าวชายคนแรกที่มีท่าทีเกรี้ยวกราดก็สาดสายตามืดดำขุ่นมัวมาทางจิวซินพอดิบพอดี

จิวซินถึงกับผงะเมื่อมองเห็นสายตาฉายแววแปลกๆ นั่น

“เจ้า!” เสียงของบ่าวชายผู้นั้นพลันเอ่ยพร้อมชี้นิ้วมาทางจิวซิน

“หือ!” จิวซินถึงกับตาโตตกใจพลางยกนิ้วขึ้นชี้ใบหน้าของตน “ข้าหรือ?”

“ใช่! เจ้านั่นล่ะ” บ่าวชายคนนั้นเดินแบบย่างสามขุมท่าทีคุกคามเข้ามาทางจิวซินพลางเอ่ยต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงไร้มิตรไร้ไมตรีฉายชัด

“มาวันแรกก็ได้เป็นบ่าวชายคนสนิทของนายน้อยผู้สูงส่งของข้า ฮึ! เจ้าคงใช้กลโกงอันใดเป็นแน่”

บ่าวชายอีกคนคล้อยตาม “นั่นนะสิ พวกเราอยู่มาก่อนตั้งนาน ยังไม่เคยได้เข้าใกล้คุณชายเลย” เขากล่าวเสริมอย่างดุดันคุกคามเช่นกัน

จิวซินยิ่งตระหนกมากกว่าเดิมแล้ว เมื่อครู่พวกเขากำลังพูดคุยถึงต้นหญ้าใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดกลับกลายมาเป็นนางไปได้ล่ะ?

“เจ้าคงว่างมากถึงได้มายืนกอดอกทำท่าทางคล้ายเจ้านายอยู่ตรงนี้ ไปเลย ไปถอนหญ้าตรงนั้น ไป!” บ่าวชายคนแรกกล่าวออกมาอย่างเบ่งอำนาจใส่หน้าจิวซินเมื่อเดินมาจนถึงนางในระยะสามก้าว

“ใช่ๆ ไปเลย ไปถอนหญ้า” บ่าวชายคนที่สองยังคงคล้อยตาม เขาเดินตามกันมาติดๆ กล่าวคำเน้นย้ำให้คนแรกอย่างหนักแน่น

จิวซินถึงกับกะพริบตามองปริบๆ

เอาอย่างไรดี?

นางอุตส่าห์พรวนดินบำรุงให้ต้นหญ้าพวกนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วอย่างนี้ นางจะทำร้ายพวกมันได้อย่างไร อืม...

หญิงสาวในชุดบุรุษนามอาซินเริ่มมุ่นคิ้วคิดหนักด้วยนิสัยใจจริงของนางช่างเป็นสตรีแสนดี นอกจากงดงามแล้วยังมีคุณธรรมยิ่งนัก

นางทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่บ่าวชายทั้งสองยังคงยืนกดดันไม่วางตา

อึดใจต่อมาจิวซินพลันเอ่ย

“กลิ่นหอมทำให้ต้องรีบลงจากม้า

รู้รสชาติแล้วต้องรีบหยุดเดินทาง

กลิ่นหอมของสุราลอยอวลอยู่ในอากาศ

นกสามัญดมกลิ่นยังกลายเป็นหงส์

กระทั่งของเสียที่กลั่นทิ้งลงไปในน้ำ

หากปลากินยังแปลงร่างเป็นมังกรในฉับพลัน”

ประโยคยาวเหยียดของจิวซินทำเอาบ่าวชายทั้งสองถึงกับผงะจ้องมองนางนิ่งงันอย่างเผลอไผล

จิวซินยังคงเอ่ยต่อ “พี่ชายทั้งสองเคยได้ยินบทกวีนี้หรือไม่?”

บทกวีนักปราชผู้สูงส่งในประวัติศาตร์ ผู้น้อยยากนักเคยได้ยิน บ่าวชายทั้งสองจึงมองอาซินตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจในชีวิตขึ้นมา

จิวซินที่สามารถตรึงให้บุรุษทั้งสองยืนอยู่กับที่ได้เป็นผลสำเร็จ ไม่มีเสียเวลาให้ไร้ค่า นางรีบเอ่ยต่ออีกว่า

“นี่คือบทกวีร่ายถึงน้ำกลั่นสุราสุดเลิศล้ำหยางเหอต้าชวู เป็นสุราไร้สี โปร่งใส กลิ่นหอมแรง รสชาติหวานนุ่มนวล พี่ชายสนใจหรือไม่?”

บ่าวชายทั้งสองได้ยินพลันตาโตหูผึ่งกันอย่างพร้อมเพรียง

จิวซินยังคงเอ่ยคำอย่างมีชั้นเชิงเหนือชั้นมากมาย

“หากพี่ชายสนใจ อืม...ข้าอาจจะทำให้พี่ชายได้ลิ้มลอง แต่...หากข้าต้องเสียเวลาไปกับการถอนหญ้าพวกนี้ ข้าคงไม่มีโอกาสออกไปตามหาเอาเหล้าชั้นเลิศเข้ามาเสียแล้ว ทำอย่างไรดี” จบคำก็ทำท่าทางครุ่นคิดหนักหน่วง ประหนึ่งปรารถนาสุดใจแต่ไร้หนทางอย่างยิ่ง

นางส่ายหน้า “อนิจจา คงต้องยอมสละสุรารสเลิศให้ไกลห่าง...”

เมื่อแผนหนึ่งยังไม่เป็นผล คนสองคนยังลังเลไม่แน่ใจ ห้าในสิบอาจผิดพลาดได้ จิวซินจึงคิดแผนสองออกมา นางหมุนตัวย่อกายลงทำทีถอนหญ้าแต่แอบล้วงสาบเสื้อหยิบเงินก้อนออกมาโยนใส่กอหญ้า

“โอ๊ะ! หญ้าต้นนี้ไฉนถึงมีเงินตกอยู่เล่า? ไอ่หย่า!”

นางแสร้งอุทานเสียงดัง ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ว่าลืมตัว จากนั้นก็ทำจิ๊ปากกลอกตาไปมา แอบยิ้มพราวระยับ เร่งมือถอนหญ้าอย่างเร็ว กระทำการอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดกระโตกกระตากอีก

ท่าทางคล้ายกำลังเก็บงำความลับสุดยอด

ทำเอาบ่าวชายสองคนเบิกตาโต

ต่อให้เชื่องช้าปานใดย่อมมองทัน แม้นโง่เขลาปานใดก็เข้าใจ ต้องมีเงินฝังอยู่ใต้ดินตรงนี้แน่ๆ

บ่าวชายเม้มปากพลางส่งสายตาให้กันก่อนผงกศีรษะ

“ข้าจะจัดการหญ้าพวกนี้เอง” บ่าวชายคนแรกรีบขันอาสา

“ข้าด้วยๆ” คนที่สองพลันเอ่ยตาม เขาช่างทำหน้าที่คล้อยตามคนแรกได้อย่างดีเยี่ยม

จิวซินพยักหน้าหงึกหงักอมยิ้มพร่างพราย นางประสานหมัดตอบรับอย่างนอบน้อม “ลำบากพี่ชายแล้ว”

บ่าวชายคนแรกฉุกคิดอยู่อึดใจก่อนกล่าว “ว่าแต่ เจ้าจะออกไปเอาเหล้ารสเลิศนี้กับคุณชายหนิงหรือ?”

จิวซินเริ่มกะพริบตาอีกครา

อา...นางพลาดเสียแล้ว นางลืมไปว่าตนเองมาเป็นเพียงบ่าว หาใช่นายหญิงที่สามารถสั่งเหล้าชั้นดีมาเก็บเอาไว้ในตู้ไม้สลักทองคำให้ท่านพ่อเหมือนเช่นเคยไม่

แต่ยังไม่ทันเอ่ยแย้ง เสียงของบ่าวชายอีกคนพลันเอ่ยแทรก

“คุณชายของเรา เหล้าไม่ร่ำนารีไม่ยุ่ง แล้วเหตุใดถึงได้สั่งให้เจ้าหาเหล้าให้ดื่มกินกันนะ ช่างน่าแปลกยิ่งนัก”

จิวซินได้ยินพลันหูผึ่ง

เหล้าไม่ร่ำ นารีไม่ยุ่ง คุณชายของนางน่ะหรือ?

อา...

นางคิดไม่ผิดจริงๆ

เขาช่างน่าเลื่อมใสยิ่ง

น่าเลื่อมใสจริงๆ

จิวซินคิดในใจอย่างปลื้มปริ่ม บังเกิดความรู้สึกนับถือในตัวของคุณชายรูปงามผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่อาจห้ามใจ

“ว่าอย่างไร?” เสียงของบ่าวชายคนเดิมยังคงกดดัน “ไม่ใช่ว่าเจ้าโกหกพวกเราหรอกหรือ? เรื่องเหล้าน่ะ ข้าจริงจังนะ”

จิวซินได้ยินพลันได้สติขึ้นมาจากห้วงความคิดที่กำลังนึกชมชอบเจ้านายของตน นางจึงรีบเอ่ย “อะไรกันเล่าพี่ชายทั้งสอง สุราดีปานนั้น ใครเขาจะป่าวประกาศว่า ข้าจะดื่มแล้วนะ...กันเล่า”

จิวซินหรี่ตาโกหกหน้าตายเอ่ยคำอย่างไหลลื่นต่อเนื่องว่า “คุณชายดื่มเหล้าจำต้องให้พวกพี่ชายเห็นหรืออย่างไร แต่เอาเถิด ข้าจักแอบเอาใส่กาเล็กๆ มาฝากพวกพี่ชายให้ได้จิบพอได้รู้รสชาติว่าเลิศล้ำเป็นเช่นไร หากตายไปจะได้ไม่เสียชาติเกิด มาเถอะ มามา มาถอนหญ้า”

นางกล่าวยาวเหยียดพลางกอดไหล่ของบ่าวชายทั้งสองเดินไปตามทางที่มีต้นหญ้าได้อย่างแนบเนียน

บ่าวชายทั้งสองถึงกับย่อเข่าลงตามแรงกดจากฝ่ามือของจิวซินโดยไม่รู้ตัว พวกเขาพากันถอนหญ้าอย่างมึนๆ เนิ่นนานก็ยังถอนอยู่

จิวซินยกยิ้มชอบใจด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ พลางยืนกอดอกคุมเชิงให้ยอดหญ้าได้ตายกันอย่างสงบอยู่อย่างนั้น

ในขณะที่จ้าวหนิงหลงเองมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นกัน

เขายืนกอดอกมองจิวซินอยู่เป็นนาน

ภายในเรือนตรงมุมทางเดินของคฤหาสน์กว้างขวาง บุรุษหนุ่มชุดขาวยืนกอดอกเงียบเชียบ เขาเพียงยืนมองบ่าวชายนามว่าอาซินอยู่อย่างนั้น แอบมองนางมาตั้งแต่บนยอดไม้ในป่าใหญ่จนกระทั่งนางกลายมาเป็นบ่าวชายและทำงานไปยิ้มไปได้ทั้งวี่ทั้งวัน

ในความคิดของจ้าวหนิงหลงนึกขัดเคืองใจที่จิวซินกล้าปลอมตัวหนีเขา หาญกล้าที่จะเป็นแค่บ่าวชาย ทั้งยังเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ถึงขั้นบังอาจหว่านล้อมล่อลวงบ่าวชายคนอื่นๆ ในคฤหาสน์ของเขา

แววตาคมหรี่แคบ นางร้ายกาจถึงเพียงนี้ ควรทำอย่างไร

บุรุษหนุ่มนิ่งคิดก่อนสรุปว่าไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ จักต้องจัดการนางให้อยู่ข้างกายไม่ให้ห่างหายไปที่ใด หากเขาปล่อยให้นางได้ห่างหายไกลตา นางอาจจะกระทำการอย่างย่ามใจจนกระทั่งบ่าวรับใช้ในคฤหาสน์ของเขาต้องกลายเป็นทาสของนางจนหมดเป็นแน่

เขาไม่อาจยอม...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel