ตอนที่ 6 ข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรหรือไม่
ตอนที่ 6
ข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรหรือไม่
เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาอาจินก็เอ่ยบอกนางว่าคุณชายใหญ่ส่งโจ๊กเป๋าฮื้อ มาให้ อีกทั้งฝากคำมาบอกต่อนางว่าหากตอนเย็นนางไม่มีเรื่องอะไรอยากออกไปกินมื้อค่ำที่หอลุ่ยเหยียนอีกก็ให้ส่งคนไปแจ้ง คุณชายใหญ่กู้จะมา ทานอาหารค่ำเป็นเพื่อนนาง ฉงหลงยังไม่รู้ว่านางจะไปดีหรือไม่เพราะยังรู้สึกอับอายเรื่องเมื่อคืนอยู่มากนางจึงแค่พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่อาจินเอ่ยบอก แต่ก็ยังไม่ได้สั่งการอะไรไป
อาหารเลิศรสกับความอับอายที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวต้องชั่งใจ ก่อน ทว่าหลังจากกินโจ๊กเป๋าฮื้อจนหมดหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าอาหารเลิศรสชนะขาดลอยพร้อมสั่งอาจินให้ไปแจ้งคุณชายใหญ่ว่านางจะไป ที่หอลุ่ยเหยียนเย็นนี้
“อาจินมื้อเย็นวันนี้เจ้าจะต้องคอยเตือนข้านะว่าไม่ให้กินมาก จนเกินไป” เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องน่าอายขึ้นอีกนางจึงจะต้องหาคนคอยฉุดเอาไว้อีกแรง
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าได้เลยเจ้าค่ะคุณหนูท่านวางใจได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
ตกเย็นฉงหลงก็ขึ้นรถม้าที่ถูกส่งมารับนางโดยเฉพาะเพื่อไปที่หอลุ่ยเหยียน
หอลุ่ยเหยียนยังคงคึกคักเหมือนเมื่อวานไม่มีผิดสมกับที่เป็นร้านอาหารที่กำลังโด่งดังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้ เมื่อฉงหลงและอาจินมาถึง หน้าร้านก็มีจางจงยืนรออยู่ก่อนแล้วเพื่อนำทางนางไปยังห้องอาหารชั้นบน
“คุณชายใหญ่มารอนานแล้วหรือไม่” นางเอยถามจางจง พร้อมกับก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปได้
“สักพักหนึ่งได้ขอรับ” เมื่อได้ยินคำตอบของจางจงนางจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก นางมากินของอาหารเลิศรสโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักเหวินอย่างน้อยก็ไม่ควรให้คนจ่ายเงินรอนาน
พอมาถึงหน้าห้องอาหารส่วนตัวแล้วก็พบว่ามีชายที่ไม่คุ้นหน้ายืนอยู่หน้าประตูห้องอาหารซึ่งเป็นห้องเดิมกับที่นางใช้เมื่อวานและนางก็คิดว่ายามนี้คุณชายใหญ่กู้ก็น่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวนี้เช่นเดียวกับเมื่อวาน
นางไม่รู้จักชายผู้นี้แต่ดูเหมือนจางจงจะคุ้นเคยกับเขาอยู่พอสมควร เพราะนางเห็นว่าทั้งคู่พยักหน้าทักทายกัน
“คุณชายใหญ่ คุณหนูหลิงมาถึงแล้วขอรับ” จางจงเอ่ยแจ้งผู้เป็นนายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปตามที่ได้รับคำสั่งเอาไว้ว่าให้เข้าไปได้ทันทีเมื่อพาคนมาถึงแล้ว
ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกก็ทำเอาหลิงฉงหลงที่ตั้งท่าจะก้าวไปในห้องต้องชะงักฝีเท้าของตนเอาไว้เสียก่อน พร้อมทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างของนางก็เบิกกว่าขึ้นเพราะตกใจกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าตน
กู้ซืออันกำลังโอบประคองบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้อย่างใกล้ชิด!!!
“รบกวนแล้ว” ฉงหลงเอ่ยก่อนจะดึงประตูห้องส่วนตัวให้ปิดลงอย่างรวดเร็วในทันที
นี่ข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าแล้วใช่หรือไม่?
นางทำตัวไม่ถูกรู้แค่ว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไปจึงคิดที่จะกลับก่อน ทว่ายังไม่ทันได้หันกลับเตรียมออกวิ่ง ประตูห้องที่ถูกนางดึงปิดไปเมื่อครู่ก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของกู้ซืออันเสียก่อน
“หลิงฉงหลงอยู่ก่อน” กู้ซืออันเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวที่กำลังทำหน้าตาตื่นและน่าจะกำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วต่อตัวเขาให้หยุดรั้งเท้าเอาไว้เสียก่อนเพราะเห็นว่านางตั้งท่าเตรียมจะวิ่งเต็มทีแล้ว “ส่วนเจ้า...เข้า ไปพาคุณชายของเจ้ากลับจวนไปซะ” ประโยคนี้เขาเอ่ยสั่งผู้ติดตามของสหายตนที่เพิ่งหมดสติไป
ผู้ที่ถูกน้ำเสียงเย็นๆ เอ่ยสั่งแน่นอนว่าจะอยู่เฉยไม่ได้ เขารีบไปนำ คุณชายของตนออกจากห้องในทันทีโดยมีจางจงช่วยหิ้วปีกมาคนละข้าง
การนำคนออกไปนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว ฉงหลงลอบมองบุรุษที่ถูก หิ้วปีกออกไปยามที่เขาถูกหามผ่านหน้านางไป แค่แวบเดียวก็สามารถมองเห็นได้ว่าบุรุษผู้นั้นมีใบหน้าหล่อเหล่าทีเดียวรูปโฉมถือได้ว่าไม่ธรรมดา เลย
“เชิญ” เป็นกู้ซืออันที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองมาที่นาง
ฉงหลงยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะก้าวเข้าห้องอาหารส่วนตัวไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
กู้ซืออันปิดประตูห้องก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารที่ยามนี้มีร่างเล็กของหญิงสาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของเขา
“อาหารน่าจะไม่ร้อนแล้ว ข้าจะเรียกคนนำไปอุ่นมาใหม่”
“คุณชายใหญ่ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ข้ากินได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะเริ่มขยับตะเกียบในมือโดยไม่เงยหน้าสนใจเจ้ามือที่ทำหน้าที่เลี้ยง อาหารเลย
“คนเมื่อครู่คือสหายของข้า เฉาหมิงเขาเผลอดื่มสุราเข้าไปถึงได้ หมดสติ”
“คุณชายเฉาดื่มไปมากหรือ” นางถามขึ้นอย่างสงสัย หรืออาจจะเป็นเพราะคุณชายเฉาผู้นั้นต้องการประชดรักต่อคุณชายใหญ่กู้จึงดื่มหนัก เช่นนั้น
“จอกเดียว แค่จอกเดียวเท่านั้น”
“........” จอกเดียวเมาจนถึงขั้นสลบไปมีที่ไหนกัน
“เฉาหมิงดื่มสุราไม่ได้ เขาดื่มไม่สิแค่จิบสิ่งที่เรียกว่าสุราเพียงนิด เดียวก็จะสลบไป เมื่อครู่เขาคุยกับข้าแล้วเผลอหยิบสุราข้าไปดื่มเพราะเข้า ใจผิดว่าเป็นน้ำชา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
“คนจู่ๆ สลบไปข้าก็เลยต้องเข้าไปรับตัวเอาไว้ เจ้าเปิดประตูเข้ามา เห็นพอดีตอนข้ากำลังช่วยเขา”
“อ่ออออ” หญิงสาวทำลากเสียงยาว คล้ายตั้งใจจะบอกว่านางเชื่อที่เขาพูด
“เจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูด” ท่าทีทำเป็นหลอกเด็กของนางคืออะไรกัน ทำเป็นเชื่อเขาแต่ก็ไม่เชื่อแน่ๆ ท่าทีของนางแสดงออกชัดเจน
“ข้าเชื่อ”
“เจ้าไม่เชื่อ”
“ข้าเชื่อ” นางเอ่ยย้ำ
“เจ้าไม่เชื่อแน่ๆ” เขาเองก็เอ่ยย้ำอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ถ้าคุณชายอยากให้ข้าเชื่อข้าก็ยินดีที่จะเชื่อก็ได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยออกมาพร้อมมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ายินดี...อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าไม่ต้องหลบซ่อนตัวเองเอาไว้ ต่อหน้าข้าเจ้าไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เมื่อข้าบอกว่าข้ายินดีแต่งงานกับเจ้านับตั้งแต่นั้นข้าก็ยินดียอมรับทั้งหมดที่เป็นเจ้า”
“ข้าไม่ได้มีสิ่งใดต้องปกปิด” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าเองก็ยินดีที่เจ้าเอ่ยว่าเจ้ายินดีที่จะยอมรับทั้งหมดที่เป็นข้า” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตางามของหญิงสาว
“แต่เฉาหมิงกับข้าเมื่อครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ที่จะแก้ต่างให้กับตนเอง
“ข้าเชื่อ ข้าเชื่อๆๆๆๆๆ” ฉงหลงเอ่ยตอบกับทันที ทว่าท่าทางของนางก็ยังแสดงออกมาให้เห็นเช่นเดิมอย่างชัดเจนว่ากำลังแกล้งเชื่อไม่ได้ชื่อจริงๆ อย่างที่ปากพูด
“พรุ่งนี้ข้าจะให้เฉาหมิงมาอธิบายกับเจ้าด้วยตัวเอง”
“อย่าดีกว่า ข้าเชื่อแล้วจริงๆ” ไม่ว่าจะยังไงหญิงสาวก็ปฏิเสธทันทีเมื่อเขาเอ่ยจะให้เฉาหมิงมาพบนาง เหตุผลเพราะในใจจริงนางยังคิดไม่ตกว่าจะพบเฉาหมิงของเขาในฐานะอะไร
ในตอนนี้นางถือได้ว่าเป็นว่าที่ฮูหยินของกู้ซืออัน ส่วนเฉาหมิงนั้นคือคนรักลับๆ ของกู้ซืออันกระมัง ระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์ลับๆหรือไม่นะ ข้อนี้นางก็ไม่ได้รู้แน่ชัดควรกลับไปสืบความให้ชัดเจนก่อนจริงๆ
หลังจากตัดสินใจจะกลับไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกู้ซืออันกับเฉาหมิงแล้วนั้น ฉงหลงก็ไม่ปล่อยให้ปากของตนเองว่างอีกต่อไปเพื่อที่จะหลบเลี่ยงการตอบคำถามหรือเอ่ยกับกู้ซืออัน
ทว่าเมื่อวานนางมีบทเรียนอันน่าอับอายแล้วจึงไม่ฝืนกินแต่อย่างใดเมื่อรู้สึกว่ากินไปได้พอประมาณแล้วจึงขอตัวกลับในทันที อีกทั้งยืนยันไม่ให้อีกฝ่ายไปส่งตน
ส่วนกู้ซืออันนั้นก็ไม่อยากบังคับนางจนเกินไป จึงคิดจะปล่อยให้นางคิดตามใจตนไปก่อนคิดเอาไว้ว่าในภายหน้าหญิงสาวก็จะรู้ความจริงทั้งหมดเอง
มื้อเย็นในวันนี้จึงจบลงเช่นนั้น ชายหนุ่มยังให้หอลุ่ยเหยียนจดบัญชีอาหารมื้อนี้ในชื่อของเฉาหมิง อย่างไรมื้อนี้กู้ซืออันก็เห็นว่าเฉาหมิงควรจะจ่ายเงินในฐานะที่ทำให้เขาถูกว่าที่ฮูหยินเข้าใจผิดจนยากจะแก้ไข
