บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 โครมไฟกระต่าย

ตอนที่ 5

โครมไฟกระต่าย

ตลอดหลายวันที่ผ่านมาหลิงฉงหลงนอกจากเลือกแบบดูแบบเกี่ยวกับชุดเจ้าสาวแล้วนั้นวันๆ นางก็ได้เพียงไม่นั่งก็นอนเล่นอยู่ในเรือนใหม่ของตน เมื่อวานก็เพิ่งจะไปที่สกุลกู้เพื่อเยี่ยมเยียนท่านป้ากู้ซึ่งดูเหมือนว่าท่านป้าจะยุ่งวุ่นวายกับงานมงคลของนางที่มีหลายอย่างที่ยังต้องวางแผนตะเตรียมและสั่งการ นางรั้งอยู่เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นก็ขอตัวกลับออกมาเพราะถึงอยู่ด้วยนางก็ช่วยอะไรท่านป้าไม่ได้อีกทั้งจะพลอยทำให้นางพะวงไปเสียเปล่าๆ

ส่วนคุณชายใหญ่กู้หลังจากที่แวะมาวันนั้นก็ไม่ได้แวะมาอีกเลย มีเพียงส่งขนมและสิ่งของมาให้บ้างเป็นบางครั้งแต่นางก็คิดว่าเป็นของที่ท่านป้ามอบให้ในนามของบุตรชายก็เท่านั้น

นางรู้มาว่ากู้ซืออันในตอนนี้ดูแลกิจการของสกุลกู้เกือบทั้งหมด แน่นอนว่าย่อมยุ่งจนเจียดเวลาอันมีค่าออกมาไม่ได้อย่างง่ายๆ อย่างแน่นอน ฉงหลงแม้จะเข้าใจดีแต่ใบหน้าโฉมสะคราญเช่นนั้นยามใดที่ได้เห็นก็ราวกับว่าได้รับพร หากได้มองคราใดดวงตาก็ราวกับกำลังถูกปลอบประโลมอย่างไร อย่างนั้น รูปโฉมเช่นนั้นต่อให้คนต้องจ่ายเพื่อให้ได้มองเต็มตาสักเพียงเสี้ยว นาทีแน่นอนว่าย่อมมีคนจำนวนมากที่เต็มใจจ่ายเงินอย่างไม่เสียดาย

ฉงหลงเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน แต่นับได้ว่านางโชค ดีกว่าผู้อื่นได้กระมัง ก็ในเมื่อภายหน้าหากเขาได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากับนางแล้วใบหน้าราวเทพเซียนรังสรรค์นั้นนางก็น่าจะมองได้มากเท่าที่ ต้องการอีกทั้งยังไม่ต้องจ่ายเงิน

หากงานวิวาห์ลุล่วงเมื่อถึงเวลานั้นจะนับได้ว่านางได้ครอบครองรูป โฉมสะคราญของเขาครึ่งหนึ่งด้วยหรือไม่นะ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็บอกว่าสามีภรรยาถือเป็นคนๆ เดียวกัน ทุกสิ่งของเขาย่อมกลายเป็นของนางด้วยเช่นกันใช่หรือไม่

นางแต่งงานครั้งนี้คิดไปคำนวณมาดูเหมือนนางจะได้ได้สมบัติเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่เคยนึกคาดหวังว่าจะได้มากมายถึงเพียงนี้

สัญญาหมั้นหมายแต่งงานนี้ท่านปู่ผู้ล่วงลับนับว่าทำเอาไว้ได้อย่างดี ตอนมีชีวิตไม่อาจทิ้งสมบัติล้ำค่าใดนอกจากความทรงจำระหว่างปู่หลาน แต่เมื่อล่วงลับไปแล้วกับพาสมบัติล้ำค่ามาให้เต็มไปหมด

วันนี้แต่เดิมนางคิดจะออกไปเดินเล่นที่ข้างนอกเสียหน่อย ทว่ายามจะออกจากบ้านฝนก็ดันตกลงมาเสียก่อนจึงได้แต่พับเก็บความตั้งใจเดิมที่มีเอาไว้ ประจวบเหมาะกับที่นางเดินผ่านส่วนที่เป็นประตูเชื่อมไปอีกฝั่งซึ่งตั้งแต่ย้ายมานางก็ยังไม่ได้แวะไปดูที่ด้านนั้นเลยแม้จะอยู่ห่างแค่เพียงหนึ่งกำแพงและหนึ่งประตูกั้นเท่านั้น

หลิงฉงหลงตัดสินใจไม่กลับเรือนพัก แต่เปลี่ยนเส้นทางไปยังอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นฝั่งที่เป็นส่วนของร้านค้าแทน

เดินพ้นประตูใหญ่มาก็คือลานกว้างด้านหลังของร้านค้า มีขนาดพอๆ กับที่ลานบ้านอีกฝั่งที่นางใช้พักอาศัยเพียงแต่ที่นี่มีข้าวของเครื่องใช้คล้ายเป็นเครื่องมือตากสมุนไพรวางอยู่มากมาย กวาดตามมองดูแล้วก็พบว่าสภาพยังดีอยู่มากทีเดียว ถัดไปเป็นในส่วนของหลังร้านที่มีห้องเก็บของสองห้องใหญ่ นางเลือกที่จะก้าวเข้าไปดูที่ภายในหน้าร้านก่อน ก็พบว่าเป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลย ภายในการตกแต่งแม้ดูเรียบง่ายแต่ก็เป็นสัดส่วน แบ่งแยกอย่างชัดเจน

ต่อมานางกับอาจินจึงไปดูที่ห้องเก็บของทั้งสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องที่ใช้เก็บของทั่วไปจริงๆ ส่วนอีกห้องนั้นเป็นห้องที่เก็บดอกไม้แห้งใส่หีบเอาไว้นับสิบหีบใหญ่ๆ

หลิงฉงหลงเห็นเช่นนั้นก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันทีเดียว

คุณภาพของดอกไม้แห้งเหล่านั้นถือว่ายังอยู่ในสภาพดีมาก ที่แท้พวกที่ตากของที่ลานด้านหลังของร้านก็มีเอาไว้ตากดอกไม้แห้งพวกนี้นี่เอง

“ดอกไม้แห้งพวกนี้ถูกทิ้งแล้วใช่หรือไม่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นนะเจ้าค่ะ”

“เจ้ารู้หรือไม่ที่นี่เคยเป็นร้านอะไรมาก่อน”

“หากบ่าวจำไม่ผิดน่าจะเป็นร้านขายดอกไม้นะเจ้าคะ”

“เพราะอย่างงั้นเลยมีดอกไม้แห้งเต็มไปหมดสินะ”

เจ้าร้านของคนเก่าทิ้งเอาไว้ที่นี่ตอนนี้นางที่เป็นเจ้าของคนใหม่จึงถือว่าเป็นเจ้าของดอกไม้ตากแห้งเหล่านี้สินะ

“อาจินประเดี๋ยวเจ้าให้คนมายกหีบดอกไม้แห้งออกไปไว้ที่เรือนพัก สักหีบหนึ่งนะ” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ของตน นางอยากนำดอกไม้แห้งเหล่านี้ไปทำอะไรสักอย่างเป็นการคั่นเวลาที่ว่างอยู่ในทุกๆ วัน ส่วนที่จะนำไปทำอะไรนั้นฉงหลงเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้แต่ก็มีคิดเอาไว้ในใจแล้วอีกทั้งยังถือว่าเป็นสิ่งที่นางค่อนข้างจะถนัดใช้ได้เลยทีเดียว

บ่ายคล้อยหลังจากฝนหยุดตกได้สักพัก ฉงหลงจึงได้โอกาสออกไปเดินเล่นอย่างที่ใจปรารถนาไว้ตั้งแต่เช้าแต่ฟ้าฝนในเวลานั้นกลับไม่เป็นใจ

บนถนนในยามนี้ถือว่าครึกคักใช้ได้ ผู้คนอื่นๆ ก็คงเป็นเช่นเดียวกับนางกระมังที่ไม่อาจออกมาเดินได้อย่างใจนึกตลอดวันเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ พอฝนหยุดผู้คนต่างก็พากันหลั่งไหลออกมา

“โคมไฟนั้นไม่เลวเลย” หญิงสาวเอ่ยพลางชี้ไปที่โคมไฟที่ถูกแขวนเอาไว้ไกลๆ ที่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยโคมไฟรูปแบบต่างๆ

“หากเจ้าชอบก็ซื้อกลับไปสักอัน” ไม่ใช่เสียงของอาจินที่เอ่ยกลับมาอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับเป็นเสียงทุ้มต่ำของบุรุษที่นับได้ว่าฉงหลงนั้นเร็วจะคุ้นหูอยู่มากในระยะนี้

กู้ซืออันและจางจงยืนอยู่ด้านหลังนางและอาจิน ชายหนุ่มในวันนี้สวมหมวกกว้างที่มีผ้าโปร่งสีขาวซึ่งสามารถปกปิดใบหน้าได้

นางสังเกตได้ว่าหากอยู่ที่จวนหรือที่บ้านเลขที่สิบสามของนางยามเมื่อพบเขาจะเปิดเผยใบหน้า แต่หากอยู่ข้างนอกจวนกับจะต้องสวมหมวกปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้

“บังเอิญจริงคุณชายใหญ่กู้ก็มาเดินเล่นที่นี่หรือเจ้าคะ” ฉงหลงเอ่ยทักทายชายหนุ่มโฉมเฉิดฉายพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ข้าทำธุระอยู่แถวนี้พอดี” เสียงเรียบเอ่ยตอบ

“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเวลาท่านแล้ว เชิญคุณชายทำธุระของท่านเถิดเจ้าค่ะ ข้ากับอาจินจะไปเดินเล่นต่อแล้ว” นางเอ่ยพร้อมเตรียมตัวจะกล่าวลา เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงกำลังยุ่งอยู่

“ธุระของข้าเสร็จแล้ว”

“เช่นนั้นคุณชายคงกำลังจะกลับเรือนกระมัง” นางเอ่ยถามต่อ

เขาไม่ได้เอ่ยตอบที่นางถาม แต่กลับถามนางกลับมาแทน

“มื้อค่ำเจ้ากินอะไรหรือยัง”

“ยังเจ้าค่ะ” นางคิดหาของกินตามแผงบนถนนที่ดูจะมีของกินหลากหลายตั้งขายอยู่

“หอลุ่ยเหยียนที่หัวมุมถนนฝั่งโน้นมีหมูตุ๋นน้ำแดงที่ขึ้นชื่อ แม่นางหลิงอยากลิ้มรสดูหน่อยหรือไม่”

“อยากเจ้าค่ะ” นางตอบรับในทันทีด้วยแววตาแวววาวเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับอาหารการกิน

อาหารเลิศรสบนโต๊ะกว่าสิบอย่าง ถูกบรรจงส่งมาบนโต๊ะอาหารเบื้องหน้าหลิงฉงหลงในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ ด้วยซ้ำหลังจากที่สั่งรายการอาหารที่ต้องการลงไป

“ชิมดูว่าถูกปากหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยหลังจากที่คับหมูตุ๋นน้ำแดงให้ว่าที่ฮูหยินของตนที่เมื่อครู่ตั้งแต่อาหารจากแรกจนจานสุดท้ายถูกส่งมา สายตาของนางก็แวววับไม่หยุดแต่กลับไม่ยอมลงตะเกียบเสียที

“เนื้อนุ่มละลายในปากเลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบจนแทบหลั่งน้ำตา รสชาติความอร่อยและความละมุนลิ้นยังชัดอยู่ในปาก

“หากชอบภายหน้าอยากกินเมื่อไหร่ก็ให้คนมาซื้อ”

“ของขึ้นชื่อเช่นนี้ราคาคงไม่น้อย หากซื้อทานบ่อยๆ ออกจะสิ้นเปลืองเจ้าค่ะ นานๆ ซื้อกินสักครั้งก็พอ”

“หอลุ่ยเหยียนแห่งนี้เป็นกิจการหนึ่งของสกุลกู้ อีกอย่างหากภายหน้าภรรยาของข้าต่อให้กินหมูตุ๋นน้ำแดงทุกมื้อก็ไม่ใช่ว่าข้าจะจ่ายไม่ไหว”

“คุณชายใหญ่กู้ท่านช่างดีจริงๆ ชาตินี้ฉงหลงได้แต่งกับท่านถือว่ามีวาสนานัก”

กู้ซืออันมองเจ้าของใบหน้าเล็กที่เมื่อครู่กล่าวคำซาบซึ้งต่อเขาเสียยาวเป็นประโยคเพียงเพราะของอร่อยตรงหน้า...

“คุณชายใหญ่ก็รีบทานสิเจ้าคะ หมูตุ๋นน้ำแดงนี่เลิศรสจริงๆ” นางเป็นฝ่ายคีบอาหารให้เขาบ้าง

ทั้งสองผลัดกันคีบอาหารให้กันตลอดมื้อ กู้ซืออันไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามื้อนี้เขานั้นกินข้าวได้มากกว่าเดิมกว่าครึ่งถ้วย ด้านฉงหลงนั้นยิ่งไม่กล่าวถึงไม่ได้นางกินมื้อค่ำไปถึงสองถ้วยใหญ่เต็มๆ อิ่มจนกระทั่งต้องนั่งพักอยู่ที่ห้องอาหารส่วนตัวอยู่พักหนึ่งเลยถึงจะเดินลงมาขึ้นรถม้าพร้อมกับกู้ซืออันได้

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างไม่เร่งรีบนักตามคำสั่งของชายหนุ่ม ที่คอยดูท่าทีของฉงหลงอยู่ตลอด

“เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องดีขึ้นหรือไม่” เขาไม่น่าปล่อยให้นางกินมากไปเลย

“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” นางยิ้มกว้างเมื่อตอบ “ข้าตะกละเกินไปหน่อยจริงๆ กลับไปแล้วนั่งพักให้อาหารย่อยก็พอแล้ว”

หลิงฉงหลงตอนนี้ในสายตาของชายหนุ่มน่าสงสารอยู่นิดหน่อยจริงๆ นางคล้ายกับเด็กน้อยที่กำลังไม่สบายและอ่อนแอที่กำลังต้องการถูกปกป้อง

“เมื่อครู่ตอนที่ขึ้นรถม้าไม่เห็นจางจง เขากลับไปก่อนแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยหาเรื่องคุยจะได้ไม่ต้องมัวสนใจกับอาการจุกท้องของตัวเอง

“ข้าใช้เขาไปทำธุระอื่นน่ะ”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง...แล้ว....” ยังไม่ทันที่นางจะถามสิ่งใดต่อ รถม้าที่เคลื่อนไหวราบรื่นคงที่มาตลอดจู่ๆ ก็เกิดการเคลื่อนไหวอย่างแรงดูเหมือนว่ารถม้าจะตกหลุมขนาดใหญ่

ฉงหลงที่แทบจะไม่มีแรงทรงตัวนั่งให้ติดเบาะด้านข้างเป็นอันถูกแรงสะบัดเกือบที่จะกลิ้งตกไปที่พื้นของรถม้า หากไม้ใช่ว่ากู้ซืออันคว้าตัวหญิงสาวเขามาโอบเอาไว้ได้เสียก่อน เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่งแล้วเขาจึงประคองนางลงจากรถม้าในทันที

อาจินประคองคุณหนูของนางต่อจากคุณชายใหญ่ที่ละออกไปเพื่อที่จะดูว่าล้อของรถม้าสามารถไปต่อได้หรือไม่พร้อมกับคนบังคับรถม้า

“คุณหนูไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ” ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยถามออกมาอย่างเป็นห่วง อาจินนั้นเมื่อครู่นั่งอยู่หน้ารถม้าพร้อมกับคนบังคับรถยังเกือบจะถูกแรงกระแทกเหวี่ยงลงจากรถเลย โชคดีที่นางเกาะฐานรถม้าเอาไว้แน่นจึงรอดเคราะห์ร้ายไปอย่างหวุดหวิด

“ข้าไม่...ข้าไม่....ไม่ไหวแล้ว...” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากพร้อมสะบัดตัวออกจากอาจินผู้เป็นสาวใช้และวิ่งอย่างทุลักทุเลไปที่ข้างทางก่อนจะอ้วกทุกอย่างที่กินไปเป็นมื้อค่ำออกมาทั้งหมด

หญิงสาวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ

ต่อจากนี้นางไม่กล้าตะกละอีกแล้ว

“อ้วกออกมาแล้วก็ดี...ยามนี้คงโล่งแล้วใช่หรือไม่”

เขาไม่เอ่ยถามเปล่ายังยื่นถุงใส่น้ำที่ไม่รู้นำมาจากไหนส่งให้อีกนางด้วย

นางพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปรับถุงใส่น้ำจากเขา

“คุณชายใหญ่กู้ คืนนี้ท่านกลับบ้านไปบอกท่านป้าให้ยกเลิกงานมงคลของพวกเราเถิด วันนี้ข้าขายหน้าเกินไปแล้วไม่กล้าสู้หน้าคุณชายได้อีกตลอดชีวิต”

ฟังร่างเล็กเอ่ยจบเป็นครั้งแรกที่กูซืออันกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้

สุดท้ายในคืนนี้เนื่องด้วยรถม้าไม่อาจใช้งานได้อีกต่อไปเพราะล้อตกหลุมขนาดใหญ่จนล้อหลุดออกมา โชคดีที่ไม่นานจางจงก็ขี่ม้าตามมาพอดี กู้ซืออันจึงตัดสินใจอุ้มหลิงฉงหลงขึ้นม้าตัวเดียวกันและเป็นผู้ส่งนางกลับบ้านที่ตรอกที่สิบสามด้วยตนเอง

หลิงฉงหลงเงียบมาตลอดทางที่ชายหนุ่มขี่ม้าไปส่งนางกลับบ้าน เขากับนางขี่ม้าตัวเดียวกันจึงไม่อาจไม่ใกล้ชิด แต่ในตอนนี้นางไม่มีอารมณ์ไปดีใจที่ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามหรอกนะ ตอนนี้แค่ถือโคมไฟกระต่ายน้อยในมือให้มั่นคงก็เต็มกลืนแล้ว

เจ้าโคมไฟกระต่ายนี่มาได้อย่างไรน่ะหรือ มาพร้อมกับจางจงที่ตามมาสบทบอย่างไรล่ะ

ที่แท้ธุระที่สั่งให้จางจงไปทำก็คือซื้อโคมกระต่ายให้นางนี่เอง

โชคดีที่อย่างน้อยก็มีโคมไฟกระต่ายติดมือกลับบ้าน หลังจากนางเสียหน้าพร้อมกับอาหารในท้องไปจนหมด...หลิงฉงหลงในตอนนี้ทั้งอับอายทั้งเสียดายของชั้นดีที่กินไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel