ตอนที่ 3 ข้ายินดีแต่งกับเจ้า
ตอนที่ 3
ข้ายินดีแต่งกับเจ้า
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน
กู้ซืออันเดินทางไปทำการค้าที่นอกเมืองสามวันกลับมาถึงจวนกลับถูกผู้เป็นมารดาเรียกพบในทันทีที่เหยียบเข้าประตูจวน
“ท่านแม่เรียกพบลูกมีเรื่องใดหรือขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากที่เขาทำความเคารพมารดาของตนเสร็จและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว
“สามวันก่อนมีคนมาทวงสัญญาแต่งงานที่สกุลกู้เรา”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่าสกุลกู้เราเคยทำสัญญาแต่งงานเอาไว้ด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่เชื่อหู นึกคิดไว้ในใจว่าอาจจะเป็นเรื่องที่มารดาของเขากุขึ้นมาเป็นอุบายก็เท่านั้น
“เจ้าไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก สัญญานี้ทำเอาไว้นานกว่าสิบปีแม่กับบิดาเจ้าก็เกือบจะลืมไปแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเพราะบุญคุณช่วยชีวิตของบิดาเจ้าเอาไว้จึงได้มีสัญญานี้ขึ้น….” กู้ฮูหยินเล่าเรื่องราวในอดีตให้บุตรชายของนางฟังทั้งหมด
“ยามนี้ผู้มีคุณช่วยชีวิตจากไปแล้ว เหลือเพียงหลานสาวของเขาเพียงคนเดียว เด็กสาวผู้นี้ดูใสซื่อน่าเอ็นดูนักนางอุตส่าห์มาถึงสกุลกู้เพื่อทวงถามสัญญาเก่าก่อน”
“ท่านแม่กล่าวมามากมายเช่นนี้ แท้จริงก็คือต้องการให้ข้าแต่งงานกับสตรีผู้นั้นสินะขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ของมารดาว่าที่แท้จริงแล้วนางต้องการสิ่งใดกันแน่
“เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของสกุลกู้ให้เจ้าแต่งกับนางก็ยิ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสกุลกู้เรายึดมั่นในคำสัญญาแค่ไหน มิใช่เพียงผู้มีคุณล่วงลับไปแล้วสัญญาก็ไม่อาจยึดถือเอาไว้ดังเดิมได้อีก” กู้ฮูหยินกล่าวต่อ “อีกอย่างลูกก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว ข้างนอกข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าฟังเข้าทีเสียที่ไหนกัน”
“ข่าวลือไร้สาระเช่นนั้นข้าหาได้ใส่ใจไม่”
“มารดาเช่นข้าไม่ใส่ใจไม่ได้” นางกลัวว่าจะไม่ใช่เพียงข่าวลืออีกต่อไป ในอนาคตหากกลายเป็นจริงขึ้นมานางย่อมไม่อาจรับได้แน่ อย่างไรนางก็ต้องให้งานแต่งนี้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด “มื้อเย็นที่จวนวันนี้อย่างไรที่โต๊ะอาหารต้องมีเจ้าร่วมด้วยข้าจะแนะนำคู่หมั้นให้เจ้ารู้จัก เสียดายเจ้ากลับมาช้าไปนางออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนแล้วไม่เช่นนั้นข้าจะให้คนไปเรียกนางมาเจอเจ้าเสียเดี๋ยวนี้เลย”
“ท่านแม่ต่อให้ท่านบอกว่านางคือคู่หมั้นของข้า ต่อให้เจอกันถ้าข้าไม่อยากแต่งกับนางต่อให้เป็นสัญญาเก่าก่อนท่านก็ไม่อาจบีบบังคับข้าได้ มากน้อยเพียงใดมอบเงินมอบที่ดินให้นางเป็นการตอบแทนในกาลก่อนก็คงเพียงพอแล้วกระมัง”
เอ่ยจบเขาก็คำนับมารดาตนอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินจากมาในทันที ท่ามกลางเสียงไล่หลังของมารดาที่ดังตามาให้ได้ยิน
“รั้นไม่เข้าเรื่องสัญญาแต่งงานนี้อย่างไรก็ไม่อาจบิดพลิ้วได้!!!”
กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
ยามนี้กู้ซืออันนั่งอยู่บนรถม้าสกุลกู้พร้อมกับคู่หมั้นของตน ซึ่งเขาก็เพิ่งรู้ว่าสตรีตัวน้อยที่ตนได้พบที่เพิงน้ำชาเมื่อหลายวันก่อนจะคือคู่หมั้นที่มาทวงถามสัญญาแต่งงานถึงจวนที่ท่านแม่เอ่ยถึง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองที่มาทวงสัญญาแต่งงานถึงจวน” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถม้าที่แม้ภายนอกจะมีฝนตกลงมาบางเบาไม่ขาดสายแต่ก็ไม่อาจทำให้เสียงของเขาฟังดูเบาลงหรือไม่ชัดเจนเลย
“ดูเกินตัวไปมากใช่หรือไม่ ความจริงข้าก็รู้ตัวเองดีอยู่ว่าเป็นเพียงสตรีบ้านป่าจะไปเหมาะสมกับคุณชายได้อย่างไร แต่ข้าก็มาเพราะคำสั่งเสียสุดท้ายเลี่ยงไม่ได้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “ข้าเคยบอกกับท่านป้ากู้ไปแล้วอย่างชัดเจนว่าหากต้องการยกเลิกสัญญาเก่าก่อนข้าก็ยินดี”
“ท่านแม่เองก็บอกกับข้าอย่างชัดเจนเช่นกันว่าสัญญาเก่าก่อนจะไม่อาจยกเลิกได้อย่างแน่นอน”
“.....” เจ้าของใบหน้าเล็กได้ฟังก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าจะไปพูดกับท่านลุงท่านป้าอีกครั้งดีหรือไม่ รอบนี้ยกเรื่องไม่เหมาะสมกันอย่างถึงที่สุดและทุกด้านของพวกเราให้พวกท่านฟังว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ”
“มารดาข้าหากเป็นเรื่องที่นางต้องการแล้วย่อมไม่มานั่งสนใจอยู่ว่าแตงจะหวานหรือไม่หวาน” ใบหน้าของเขาและน้ำเสียงเรียบเฉยเมื่อกล่าว
“คุณชายกู้ไม่ว่ารูปสมบัติทรัพย์สมบัติของท่าน ข้าล้วนไม่อาจเทียบหากรู้ก่อนหน้าว่าเป็นท่านและสกุลกู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองข้าย่อมไม่กล้ามาแสดงตัวทวงสัญญาอะไรนั่นแน่” นางเอ่ยอย่างจริงใจ
“เช่นนี้ดีหรือไม่ หากว่าท่านให้เงินข้าสักเล็กน้อยเอาไว้ใช้ตั้งตัว ข้ายินดีที่จะจากไปอย่างเงียบๆ สัญญาเก่าก่อนไม่ถือว่านับเป็นอะไรอีก ไม่ถือว่ามีสิ่งใดติดค้างกัน”
“หากทำอย่างที่เจ้าว่ามา เจ้าจะไปที่ไหนมีเรื่องที่อยากทำอยู่ก่อนแล้วหรือ” เขาเอ่ยถามนาง หญิงสาวผู้นี้ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้มีท่าทีต้องการฝืนหรือหลงใหลในทรัพย์สินของสกุลกู้เลย หากตั้งแต่แรกใจจริงนางหมายจะมาตกถังข้าวสารย่อมต้องยื่นกรานที่จะต้องตบแต่งเข้าจวนมาให้ได้ มิใช่หวังเพียงเงินเล็กน้อยซึ่งคล้ายว่านางจะคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้วว่าจะจากไป
“ท่านปู่ไม่อยากให้ข้ากลับไปอยู่บนเขาอีก ข้าอาจจะเดินทางไปที่เมืองใกล้ๆ แล้วหาอะไรทำเลี้ยงชีพกระมัง” คำตอบของนางช่างใสซื่อนัก สตรีผู้นี้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกและเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรีก็มีเพียงความหวังดีจากใจจริงมอบให้มาเสมอแถมไม่หวังสิ่งตอบแทน
“ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะแต่งงานกันไม่ได้”
“คุณชายใหญ่จะแต่งงานกับข้าหรือ?” นางถามอย่างไม่เชื่อหู
“อย่างไรในสักวันข้าก็ต้องแต่งงานกับสตรีสักคน แต่งงานเร็วหน่อยตามความต้องการของท่านแม่ให้จบๆ ไปเสียก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร”
ตอนนี้ในสายตาของเขา สตรีตัวน้อยนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในฐานะภรรยาของเขา อย่างน้อยๆ นางก็ใสซื่อและไม่น่ารำคาญเท่าสตรีอื่นและที่สำคัญไม่มีความโลภในแววตาสุกสกาวไร้ซึ่งมารยาซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่ง “แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรู้ ที่จริงเหตุผลสำคัญที่ท่านแม่ของข้านางอยากให้พวกเราแต่งงานกันนั้นไม่ใช่เพราะว่านางอยากยึดหมั้นต่อคำมั่นสัญญาแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ทั่วทั้งเมืองต้าไห่นี้ต่างก็ลือกันไปทั่วว่าข้าเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ หากเจ้ารับได้ข้าก็ยินดีแต่งงานกับเจ้า”
“ข้าย่อมยินดีอยู่แล้ว” อย่างน้อยเขาก็กล้าจะบอกความจริงกับนาง ที่แท้คุณชายใหญ่กู้ก็น่าสงสารถึงขนาดนี้
เขาเป็นในสิ่งที่ตนเองอย่างเป็นไม่ได้ ซ้ำยังถูกทางบ้านกดดันให้ต้องแต่งงานกับสตรีบ้านป่าเช่นนางซึ่งไม่มีอะไรดีเลยเพื่อปกป้องชื่อเสียงของสกุล หลิงฉงหลงรู้สึกสงสารบุรุษโฉมสะคราญผู้นี้มากจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกุมมือของเขาเอาไว้อย่างต้องการปลอบโยน
“ข่าวลือพวกนั้นต่อไปเจ้าไม่ต้องไปใส่ใจอีก พอพวกเราแต่งงานกันแล้วใครกล้าลือเรื่องเจ้าในทางไม่ดีอีกข้าจะตีคนพวกนั้นให้เจ้าเอง”
ท่าทางและน้ำเสียงขึงขันของนางทำเอากู้ซืออันนึกเอะใจอยู่เล็กน้อย หรือว่าสตรีผู้นี้อาจเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่จึงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกไปประจวบเหมาะกับรถม้ามาถึงสกุลกู้พอดีจึงพากันเข้าจวนไปพบท่านแม่เพื่อแจ้งข่าวดี
แน่นอนว่าเมื่อกู้ฮูหยินได้ฟังว่าบุตรชายของนางยอมแต่งงานแต่โดยดีแล้วก็เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ นางสั่งการให้คนตามแม่สื่อ ซื้อของเตรียมงานมงคล รวมไปถึงหาวันไปดูฤกษ์มงคลอย่างกระตือรืนเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งจวนชุลมุนวุ่นวายนับตั้งแต่วันนี้และคงจะยาวไปถึงวันมงคลที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
