ตอนที่ 15 ข้าเป็นเช่นไรเจ้าเข้าใจชัดเจนแล้วหรือไม่
ตอนที่ 15
ข้าเป็นเช่นไรเจ้าเข้าใจชัดเจนแล้วหรือไม่
“ผู้อื่นเห็นเข้าแล้วอย่างไร...ข้าไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่ต้องกลัวและให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้พวกเราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องมิใช่ชู้รักที่ต้องหลบซ่อน”
“ท่านพี่หากข้าทำสิ่งใดให้ท่านไม่พอใจข้ายินดีขอโทษท่าน...แต่ท่านปล่อยข้าก่อนเถิดพวกเราคุยกันเช่นนี้ไม่เข้าทีกระมัง”
“ข้ากับคิดว่าเข้าทีดีทีเดียว”
“………” เขาไม่ยอมปล่อยนางแน่แล้ว ฉงหลงถึงกับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนน “ท่านพี่มีสิ่งใดอยากเอ่ยกับข้าก็เชิญเอ่ยออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้ากับเฉาหมิงเป็นสหายกัน…นอกจากนั้นไม่มีความสัมพันธ์แบบอื่นอีก”
“ท่านพี่ความสัมพันธ์ของท่านกับคุณชายเฉาข้าเข้าใจดี...ท่านไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าเคยบอกแล้วว่ายอมรับท่านได้”
“ข้ากับเฉาหมิงเป็นสหายมิใช่คนรัก” เห็นว่านางไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อสักทีจึงได้เอ่ยออกมาตรงๆ
“ดีที่คุณชายเฉากลับไปแล้ว...ท่านพี่เอ่ยเช่นนี้หากคุณชายเฉาได้ยินเข้าจะต้องเสียใจมากเป็นแน่”
นางเอ่ยว่าเป็นห่วงความรู้สึกของเฉาหมิงแต่กลับไม่ยอมฟังในสิ่งที่เขาต้องการบอกเลย
กู้ซืออันไม่อยากถูกนางเข้าใจผิดได้อีกต่อไปแล้ว
“เหตุใดเจ้ายังไม่เข้าใจเสียที เฉาหมิงไม่ใช่คนรักของข้า ข้าไม่ใช่บุรุษตัดแขนเสื้อ ข้าไม่ได้ชมชอบบุรุษ” เพราะกลัวว่านางจะไม่ฟังที่เขาต้องการจะเอ่ยอีกชายหนุ่มจึงเผลอเสียงดังใส่หญิงสาวที่ถูกเขาโอบไว้บนตักแน่นไม่ยอมปล่อยอีกทั้งเมื่อครู่ยังเผลอประคองใบหน้าเล็กด้วยฝ่ามือของตนแล้วบังคับให้นางมองสบตากับเขา
“แต่คนภายนอกลือกัน...” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“เจ้าเชื่อที่ผู้อื่นพูดมากกว่าที่ข้าพูดหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวกลับด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ไม่ใช่นะ...ข้าก็ต้องเชื่อเจ้าที่สุดอยู่แล้ว” นางรีบเอ่ยบอกชายหนุ่มอย่างร้อนรนเพราะน้ำเสียงที่ตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจนั้นทำเอานางรู้สึกสงสารชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
“เจ้าเชื่อว่าอย่างไร”
“ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้ากับคุณชายเฉาเป็นเพียงสหายมิใช่คนรัก....อีกทั้งเจ้าไม่ใช่บุรุษตัดแขนเสื้ออย่างที่คนทั้งเมืองลือกัน” หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาของชายหนุ่ม
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังแคลงใจอยู่?”
“ไม่ใช่นะ...ไม่ใช่” นางรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ข้าพร้อมที่จะยืนยันต่อเจ้าด้วยตนเองให้หายแคลงใจ”
จู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมาเช่นนี้ฉงหลงไม่เข้าใจที่เขาเอ่ยแต่อย่างไร นางยังไม่ทันจะได้ถามออกไป ก็ถูกชายหนุ่มใช้มือใหญ่ของตนรั้งใบหน้านางเข้าไปหาใบหน้างามของเขาในทันที
ไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากเรียวงามของบุรุษตรงหน้าที่กักตัวนางเอาไว้บนตักใหญ่ก็ประกบลงกับริมฝีปากบางของนาง
หญิงสาวตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น นางดันตัวออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีทำให้ริมฝีปากที่แนบชิดกันของทั้งสองแยกจากกันได้สำเร็จ แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นหญิงสาวก็ถูกดึงเข้าไปจุมพิตอีกครั้งด้วยฝีมือของชายหนุ่มคนเดิม
ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่เพียงประกบริมฝีปากเอาไว้เพียงเท่านั้น เขายัง ดันลิ้นร้อนเข้าไปในริมฝีปากหวานอีกด้วย
ด้านหญิงสาวที่ถูกลิ้นร้อนล่วงล้ำริมฝีปากหวานเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใดเพราะตกใจอยู่กับการกระทำนี้ของชายหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นร่างเล็กก็ยกมือดันอกแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ตามสัญชาตญาณเป็นเชิงห้ามอยู่ในที
แรงน้อยนิดของนางหรือจะสามารถผลักชายหนุ่มออกไปได้ ไม่มีทางเสียหรอก เพราะฉะนั้นริมฝีปากเล็กจึงโดนลุกล้ำอยู่นานจนเจ้าของริมฝีปากน้อยแทบจะหายใจไม่ทันจนแทบจะไร้เรียวแรงที่จะต่อต้านหรือตอบสนองรสจูบอย่างเงอะงะได้อีก
เมื่อชายหนุ่มยอมถอนริมฝีปากร้อนออกจากริมฝีปากบางของร่างเล็ก หญิงสาวก็ซุกใบหน้าลงที่อกแกร่งของชายหนุ่มในทันทีอย่างหมดแรง
“ข้าเป็นเช่นไรเจ้าเข้าใจชัดเจนแล้วหรือไม่….ข้าไม่ใช่บุรุษตัดแขนเสื้อ...แต่เป็นเพียงบุรุษของเจ้า”
หลิงฉงหลงหนีมาจากกู้ซืออันได้อย่างไรนางเองก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้นัก รู้เพียงแค่ว่านางวิ่งออกมาจากจวนสกุลกู้จนมาถึงเรือนที่ถนนหมายเลขที่สิบสามโดยมีอาจินวิ่งตามมาด้วย
“ฮูหยินน้อยท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ทะเลาะกับคุณชายใหญ่หรือเจ้าคะ” อาจินพอได้จังหวะก็เอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างสงสัยหลังจากที่นางยืนหอบอยู่นานเพราะเร่งฝีเท้าตามผู้เป็นนาย
“เปล่าพวกเราไม่ได้ทะเลาะ”
“เช่นนั้นเหตุใดถึงวิ่งออกจากจวนมาเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ”
“ข้าคิดสูตรน้ำหอมอาบน้ำได้น่ะก็เลยอยากรีบมาจนสูตรเอาไว้กันลืม” หญิงสาวเอ่ยอ้างออกมา
“ฮูหยินท่านสามารถเขียนที่จวนก็ได้เช่นกันเจ้าคะ” ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจฮูหยินน้อยของนางนัก
“ข้าลืมตัวอย่างไรเล่า ขามันวิ่งออกมาเอง”
“เช่นนั้นสูตรที่ฮูหยินคิดได้คงจะล้ำเลิศมากเป็นแน่”
“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“บ่าวจะไปนำกระดาษกับพู่กันมาให้นะเจ้าคะ”
คล้อยหลังอาจินเดินออกไปแล้ว หลิงฉงหลงจึงได้หวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลารับลมอีกครั้ง
กู้ซืออันกอดจูบนางอยู่เป็นนานทีเดียว อีกทั้งยังเอ่ยถ้อยคำมากมายกับนาง
“ข้าไม่ใช่บุรุษตัดแขนเสื้อ...แต่เป็นเพียงบุรุษของเจ้า”
บุรุษผู้นั้นเพิ่งจะยืนยันคำพูดเหล่านั้นกับนางด้วยการกระทำอันวูบไหวที่ไม่ทันตั้งตัว
ริมฝีปากของนางยังร้อนวูบอยู่เลย มันเหมือนยังจำสัมผัสของริมฝีปากของชายหนุ่มเอาไว้ได้
แน่นชัดแล้วว่าสามีของนางผู้นี้มิใช่บุรุษตัดแขนเสื้ออย่างที่คนทั้งเมืองลือกัน เขาเพียงมีรูปโฉมงดงามและหลายเหตุการณ์ที่พาให้ผู้คนต่างพากันเข้าใจผิดไปเอง เขาไม่ใช่มิเป็นอย่างข่าวลือแต่ถึงขั้นไม่ใกล้เคียงกับที่ลือกันเลย
บุรุษที่มีดีทั้งรูปโฉมทั้งเงินทองผู้นี้คือบุรุษของนาง...แม้ว่าหญิงสาวจะยังตื่นตระหนกอยู่บ้างแต่ในใจกับเกิดความรู้สึกดีใจขึ้นมา
ทั้งๆ ที่แต่แรกที่แต่งงานนั้นก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าจะเป็นภรรยาให้เขาในนามอย่างดี นางจะยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่ว่าเขาจะมีความชอบเช่นไรเพียงแค่ให้นางได้ใช้ชีวิตดีๆ ในสกุลกู้สุขสบายไปทั้งชีวิตก็พอ แต่พอเวลานี้ทุกอย่างพลิกกลับกลายไปหมดว่านางเข้าใจผิดไปเอง เขาไม่ได้มีความชอบอื่น อีกทั้งไม่คิดจะแต่งงานให้เข้ามาเป็นเพียงแค่ภรรยาในนาม
ดูจากที่เขาจุมพิตนางที่ศาลารับลมเขาไม่เพียงไม่รั้งเกลียดนางแต่ก็น่าจะถึงขั้นชอบนางอยู่เล็กน้อยได้กระมัง
แม้ความคิดและความรู้สึกของนางจะยังสับสนวุ่นวายอยู่มากแต่หญิงสาวก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปฏิบัติต่อกู้ซืออันเช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อนาง
นางตัดสินใจเสร็จอาจินก็กลับมาพร้อมของในมือ ฉงหลงจึงลงมือทำงานตามที่บอกกับสาวใช้คนสนิทไป
เมื่อได้คิดเรื่องงานแล้วก็เหมือนกับนางลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้ชั่วคราว
จนกระทั่งถึงช่วงเย็นที่ถึงเวลาที่ควรจะกลับจวนได้แล้ว นางจึงคิดจะหนีปัญญาอีกสักวันก่อนกลับไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามี
ไม่รู้เหตุใดเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่านางคิดจะหลบเขาชายหนุ่มจึงได้ส่งรถม้ามารับนางกลับจวนอีกทั้งยังให้คนมาบอกอีกว่าท่านแม่สามีกำลังรอทานข้าวเย็นกับนางอยู่
หญิงสาวจำใจต้องแข็งใจเดินตรงไปที่รถม้าคันใหญ่ที่จอดรออยู่ อาจินช่วยประคองนางขึ้นรถม้า
เมื่อเข้ามาในรถม้านางถึงได้เห็นว่าในรถม้านั้นไม่ได้ว่างเปล่าทว่ามีร่างสูงอันคุ้นตานั่งอยู่ในตำแหน่งเบาะหลักอยู่ก่อนแล้ว
นางนึกว่าระหว่างทางกลับจวนพอจะมีเวลาให้ได้ทำใจเผชิญหน้ากับเขาอีกสักหน่อย แต่ปรากฏว่าชายหนุ่มนั้นอย่างไรไม่ยอมให้นางได้ใช้โอกาสสุดท้ายนี้จริงๆ
