ตอนที่ 13 หัวไชเท้าของข้า
ตอนที่ 13
หัวไชเท้าของข้า
เรือนไม้ไผ่ที่นางเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก ในลานบ้านจะมีแปลงผักเล็กๆ ล้อมรั้วเอาไว้สำหรับปลูกผักสวนครัว หนึ่งในผักที่แปลงผักเล็กๆ นี้ปลูกได้งามเป็นพิเศษก็คงหนีไม่พ้น หัวไชเท้า ที่มักจะได้ผลผลิตที่ลูกยาวใหญ่สมบูรณ์เป็นที่สุด
เมื่อเวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแน่นอนว่าหลิงฉงหลงนั้นมักจะลงมือขุดหัวไชเท้าเหล่านี้ด้วยตัวเองอยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นเดียวกันนางเดินตรงเข้าไปในแปลงผักพร้อมตะกร้าในมือ
มองประมาณด้วยสายตาแล้วก็พบว่าวันนี้นางอาจเก็บหัวไชเท้าได้ถึงสิบหัว นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะแบ่งส่วนหนึ่งเอาไปขายอีกส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ทำอาหาร
ต้มกระดูกหมูตุ๋นหัวไชเท้า เป็นอาหารจานแรกที่นางคิดจะทำแค่ นึกถึงก็เริ่มอยากกินแล้วเห็นทีนางควรรีบลงมือเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าให้แล้วเสร็จเสียที ว่าแล้วหญิงสาวก็ไม่รอช้านางขุดดินและพยายามดึงหัวไชเท้าขนาด ใหญ่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าหัวไชเท้านี่จะถูกนางดึงขึ้นมาจากดิน ได้สำเร็จเสียทีแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ยังใช้มือดึงเจ้าหัวไช เท้าอยู่อย่างฮึกเหิม
“ข้าดึงเจ้าจนล้าที่มือไปหมดแล้ว” นางเอ่ยอย่างเหลืออด แต่ก็ไม่ยอมแพ้ยังพยายามต่อไปวันนี้นางต้องขุดหัวไชเท้าขึ้นมาให้ได้!!!
ดูเหมือนว่าฮูหยินของเขาจะกำลังฝันถึงอะไรบางอย่าง ในความฝันเขาไม่รู้ว่านางกำลังเผชิญกับสิ่งใดอยู่ ทว่ายามนี้สำหรับเขานั้นกลับกลายเป็นเรื่องจริงที่ชายหนุ่มกำลังต้องเผชิญหน้าอย่างอดกลั้น
ที่ต้องอดกลั้นนั้นก็เพราะว่ายามนี้มือเล็กของสตรีข้างกายนั้นกำลังกุม เจ้าสิ่งนั้นที่กำลังเห่อร้อน ของเขาเอาไว้แน่นอีกทั้งยังดึงขึ้นลงไปมาเป็นว่าเล่นอีกด้วย
ใจหนึ่งเขาอยากจะจับมือเล็กออก แต่อีกใจหนึ่งก็อยากปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนี้จนสุดทาง นี่จะกลายเป็นเขาฉวยโอกาสนางหรือไม่ หญิงสาวกำลังทำบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
นางเป็นฝ่ายยื่นมือมาเอง หากคิดให้ดีก็เหมือนจะเป็นเขาที่กำลังถูกนางฉวยโอกาสใช่หรือไม่
หากเขาจะคิดไปอย่างนั้นคงไม่เป็นไรกระมัง เรื่องนี้ตั้งแต่แรกก็เป็นนางที่ยื่นมือมาก่อนให้นางรับผิดชอบการกระทำของตัวเองก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะฉะนั้นในเมื่อเขาปล่อยให้นางได้สัมผัสแตะต้องสิ่งนั้นของเขาตามใจ นางเองก็ต้องช่วยเขาปลดปล่อยเช่นเดียวกัน
คิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็แก้เชือกผูกกางเกงนอนของตนให้คลายออก ก่อนจะใช้มือของตนกุมทับมือเล็กที่แสนซุกซนนำพานางไปสัมผัสสิ่งนั้นของเขาอย่างแท้จริงแบบที่ไร้เนื้อผ้าขวางกั้น
ยามที่มือเนียนนุ่มสัมผัสกับเจ้าสิ่งนั้นของเขามันถึงขั้นเกร็งขึ้นเล็กน้อยเพื่อรับสัมผัส ไม่ต้องเอ่ยถึงยามที่มือเรียวงามค่อยๆ ลูบไล้มันเล่นหรือกุมมันเอาไว้ภายใต้การชักพาขอเขาว่าชายหนุ่มเป็นสุขเพียงใด โชคดีที่เขาคว้าผ้าเช็ดหน้าที่ข้างเตียงมาไว้ได้ทันก่อนสิ่งจะปลดปล่อยออกมาในตอนที่เขาถึงขีดสุดจึงไม่ได้เลอะมือเล็กไม่เช่นนั้นคงทำความสะอาดได้ไม่ง่าย
ผ้าชุบน้ำถูกนำมาทำความสะอาดมือเล็กอย่างเบามือและระมัดระวังจนในที่สุดร่องรอยของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็ถูกลบไปจนสิ้นด้วยฝีมือของชายหนุ่ม
อ่างใส่น้ำและผ้าชุบน้ำที่ใช้แล้วถูกเขานำออกไปนอกเรือนด้วยตัวเอง โชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาที่สาวใช้มารอท่ารับใช้พวกเขาสองสามีภรรยาตื่นนอน ครั้งนี้ชายหนุ่มจึงถือว่าทำลายหลักฐานได้อย่างหมดจด
กู้ซืออันตั้งใจแล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก ครั้งต่อไปอย่างไรนางก็ต้องตื่น ต้องมีสติ เขาจะไม่ยอมทำเรื่องเช่นนั้นด้วยตัวคนเดียวอีก เรื่องเช่นนั้นอย่างไรก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันลงแรงทั้งสามีภรรยา
หญิงสาวตื่นมาก็รู้สึกไม่สดชื่นนักแม้ว่าในวันนี้จะถือเป็นวันที่นางตื่นสายที่สุดตั้งแต่แต่งเข้าจวนสกุลกู้มาก็ตามทีทั้งๆ ที่เมื่อคืนนางก็เข้านอนเร็วไม่ได้นอนดึกเหตุใดยามเช้าที่ควรจะสดใสจึงเป็นเช่นนี้ไปได้นางเองก็ไม่เข้าใจ อีกทั้งมือของนางยังรู้สึกล้าอย่างบอกไม่ถูกคล้ายกับว่านางใช้มือทำสิ่งใดนานๆ จนเป็นเช่นนี้แต่ในขณะที่หลับอยู่นางจะไปทำสิ่งใดได้
หรืออาจจะเป็นเพราะความฝันเมื่อคืน ที่นางฝันว่ากำลังขุดหัวไชเท้า ใช่น่าจะเป็นเพราะความฝันนี้แหละ เพราะเหนื่อยในฝันวันนี้นางถึงได้เป็นเช่นนี้
“คุณชายใหญ่ออกไปแต่เช้าแล้วหรือ”
“เช้านี้คุณชายใหญ่ไม่ได้ออกไปข้านอกเจ้าค่ะ” อาจินตอบพร้อมกับที่รินน้ำชาให้ผู้เป็นนาย
“เขาไปที่เรือนท่านแม่หรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ...ตอนนี้คุณชายรับแขกอยู่ที่ศาลารับลมในสวน”
“รับแขก?...ผู้ใดมาเยือนกัน” นางเอ่ยถามต่อ
“เป็นคุณชายเฉาหมิงเจ้าค่ะ”
“ใช่ผู้ที่หมดสติที่หอลุ่ยเหยียนหรือไม่”
“บ่าวคิดว่าใช่นะเจ้าคะ”
เฉาหมิงผู้นี้มาเยือนถึงจวนแล้ว นางควรมีไปพบเขาหน่อยหรือไม่ คุณชายเฉาหมิงที่เป็นคนรักของสามี
ระหว่างที่นางกำลังชั้งใจอยู่ว่าควรไปพบและแสดงตัว...ไม่ใช่สิ แนะนำตัวในฐานะภรรยาของกู้ซืออันดีหรือไม่ ดูเหมือนจะมีคนที่ร้อนใจมากกว่านางซึ่งจะเป็นผู้อื่นใดไปไม่ได้นอกจากท่านแม่สามีของนางนั่นเอง เพราะจู่ๆ ก็มีสาวใช้ในเรือนของนางพาสาวใช้ที่นางจำได้ว่าอยู่รับใช้ใกล้ชิด ที่เรือนท่านแม่สามีเข้ามาหา
“คารวะฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่เรียกหาข้าหรือมีสิ่งใดต้องการให้ข้ารับใช้หรือไม่”
“ฮูหยินให้ข้าน้อยมาแจ้งแก่ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะว่าให้นำของว่างไปที่ศาลารับลมด้วยตนเอง” กล่องใส่อาหารถูกวางลงที่โต๊ะเมื่อนางเอ่ยขึ้นด้วยฝีมือของสาวใช้อีกผู้หนึ่งซึ่งติดตามาจากเรือนใหญ่ด้วย
“คุณชายใหญ่มีแขกอยู่ที่นั่น...ข้าไปคงไม่ดีกระมัง”
“ฮูหยินใหญ่กล่าวว่าให้ฮูหยินน้อยไปด้วยตัวเองเจ้าค่ะ...จะได้ถือโอกาสเจอสหายตั้งแต่เยาว์วัยของคุณชายใหญ่ด้วย”
สาวใช้ผู้นี้ที่ท่านแม่สามีส่งมานั้นตอบกลับมาพร้อมกับเหตุผลโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดก็สามารถสวนกลับมาได้ทันทีแล้วนางยังจะต้องบอกปัดไปอีกทำไมกันทั้งๆที่ตนก็รู้จุดประสงค์ของท่านแม่สามีดีอยู่แล้ว
ท่านแม่สามีต้องการให้นางไปพบชายชู้ซึ่งเป็นคนรักของสามีแล้วประกาศตัวซะว่านางคือฮูหยินของกู้ซืออัน
“ข้าเข้าใจแล้ว...เจ้ากลับไปเรียนท่านแม่ให้ข้าว่าของว่างจะส่งถึงมือพวกเขาแน่ขอท่านแม่โปรดวางใจ”
สาวใช้สองคนนั้นกลับไปแล้วนางก็ให้อาจินช่วยนางเปลี่ยนชุดใหม่ อาภรณ์สีชมพูอ่อนถูกฉงหลงเลือกมาสวมใส่ ทรงผมก็ให้อาจินเกล้าขึ้นให้ ง่ายๆ และปักเพียงปิ่นไผ่หยกที่ได้รับมาจากผู้เป็นสามี
ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนเพื่อให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ ครั้งนี้อาจินยังบรรจงวาดฮวาเตี้ยนรูปดอกท้อให้นางเป็นพิเศษอีกด้วย และ นี่เป็นครั้งแรกหลังจากวันแต่งงานที่นางวาดฮวาเตี้ยนบนใบหน้า
ฝีมือของอาจินแม้ว่าจะเทียบกับคนที่ท่านแม่สามีส่งมาสำหรับ แต่งหน้าในวันมงคลไม่ได้แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว เพราะฉะนั้นยามนี้ฉง หลงจึงรู้สึกว่านางสวยมากเป็นพิเศษ
เอาล่ะนางพร้อมจะไปเผชิญหน้ากับสองบุรุษที่ศาลารับลมแล้ว เมื่อพร้อมแล้วนางก็ไม่รอช้าเดินนำอาจินที่ถือกล่องไม้ที่บรรจุของว่างที่ท่าน แม่สามีนำมาให้ไปอย่างอารมณ์ดี
เจ้าของฝีเท้าเล็กที่ออกจากเรือนมาโดยที่อารมณ์ดีและมุ่งมั่นพร้อม เผชิญหน้าเป็นอย่างยิ่งเป็นอันต้องหยุดชะงักฝีเท้าของตนลงไม่กล้าก้าว ต่อไปอยู่นานทีเดียวเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้าจากไกลๆ
“อาจิน...เจ้าดูพวกเขาทั้งคู่ราวกับอยู่ในภาพวาด”
สะพานหินทอดยาวเป็นเส้นทางไปสู่สถานที่ที่เรียกว่าศาลารับลมที่ถูกสร้างขึ้นที่กลางทะเลสาป ภายในศาลารับลมมีสองร่างของบุรุษที่โดดเด่น่แม้จะมองจากไกลๆ ก็ยังสามารถมองเห็นความโดดเด่นได้อย่างชัดเจน
หนึ่งบุรุษนั้นมีรูปโฉมงดงามปานล่มเมือง ส่วนอีกหนึ่งบุรุษนั้นหล่อเหลาไม่ธรรมดา เมื่อพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันสถานที่นั้นก็ไม่เหมือนบนดินอีกต่อไปแต่กลับกลายเป็นเหมือนแดนสวรรค์เสียมากกว่า
หลิงฉงหลงเข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดท่านแม่สามีจึงต้องการส่งบุคคลที่สามเช่นนางเข้าไปร่วมวงกับคนทั้งคู่
เพียงแต่เข้าใจแล้วจะทำสิ่งใดได้ แม้หญิงสาวจะบรรจงแต่งตัวเป็นพิเศษแต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงรัศมีของพวกเขาทั้งสองคนได้จริงๆ
“อาจิน...เจ้าว่าหากพวกเรานำของว่างกลับไปกินเองที่เรือนจะได้หรือไม่” นางเอ่ยถามไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่าทำเช่นที่ปากพูดไปไม่ได้แน่ๆ
