บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4

เมื่อสามารถแก้ไขวิกฤติทางการเงินได้ ความเครียดก็ลดลง ฉันจึงอารมณ์ดีมากกว่าปกติ

“ช่วงนี้ไม่เครียดแล้วเหรอมีนา” แพรพลอยถามฉันขณะเรานั่งกินข้าวมื้อเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของบริษัท

“อือ มีนาหาเงินมาให้พ่อผ่อนหนี้ได้แล้ว” ฉันตอบเพื่อนไปตามตรง แพรพลอยซึ่งรู้ปัญหาด้านการเงินของฉันดีทำหน้าอึ้งไป

“ทำไมหาเงินได้เร็วจังเลย"

ฉันอมยิ้มตอบเพื่อนรักอย่างไม่คิดปิดบัง “ไม่ใช่หาได้ทั้งหมดหรอก แต่ก็หาได้มากพอให้พ่อผ่อนกับธนาคาร”

เป็นอีกครั้งที่แพรพลอยมองจ้องมาที่ฉันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเสียงใสของคนเป็นเพื่อนจะถามขึ้นเสียงเบา

“หรือมีนามีเสี่ย…หรือผู้ชายคนเดิมที่มีนาพูดถึงครั้งที่แล้วให้มา”

ใจลึก ๆ ของแพรพลอยคงอยากจะถามฉันว่ามีเสี่ยเลี้ยงหรือเปล่า แต่หยุดปากตัวเองไว้ได้ทัน แต่ฉันไม่ได้โกรธเพื่อนที่เจ้าตัวคิดไปแบบนั้น ความจริงฉันก็พอเข้าใจได้ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนฉันยังบ่นกับเพื่อนเรื่องเงินอยู่เลย ตอนนี้ปัญหากลับได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย เธอจะนึกสงสัยว่าฉันมีเสี่ยเลี้ยงก็ไม่แปลก

“อืม ก็ผู้ชายคนเดิม” ฉันตัดสินใจตอบเพื่อนไปตามตรง

“โห น่าอิจฉาจัง ผู้ชายของมีนาเปย์มาก” ดวงตาเรียวเล็กเบิกโตขึ้นอีกครั้ง ถ้าคนอื่นได้ยินคงนึกอิจฉาฉัน แต่ใครจะรู้ว่าฉันเองก็ต้องใช้ความพยายามเหมือนกัน จากพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกันทำให้ทั้งวิธีคิดและนิสัยของฉันและอลันแตกต่างกันหลายอย่าง ถ้าจะให้พูดตามตรงคือ ฉันเริ่มรู้สึกว่าอลันเป็นผู้ชายที่ใจดีเกินไป แต่ฉันก็รีบปัดเรื่องอลันทิ้งแล้วหันมาตอบคำถามเพื่อนที่นั่งจ้องฉันอย่างใจจดใจจ่อตรงหน้า

“ไม่ได้ให้มาฟรี ๆ มีนารับจ้างทำอาหารให้เขา” ฉันรีบอธิบายให้เพื่อนฟัง

“แล้วผู้ชายคนนั้นของมีนาเป็นใครล่ะ พามาแนะนำให้แพรรู้จักหน่อยสิ”

“บอกไม่ได้…เป็นความลับ” พูดจบฉันก็อมยิ้มอย่างมีลับลมคมใน

ความตั้งใจที่จะยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของตัวเองกับอลันยังคงหนักแน่น เพราะตอนนี้แม้จะสนิทกันมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์ก็ยังไปไม่ถึงไหน ดังนั้นฉันจึงต้องการให้มั่นใจเสียก่อนว่าฉันสามารถทำให้อลันตกหลุมรักฉันได้ แต่การพัฒนาความสัมพันธ์ของฉันกับอลันจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะนิสัยส่วนตัวรวมถึงงานอดิเรกของเราทั้งคู่แตกต่างกันมาก วันหยุดถ้าไม่ไปฟิตเนสฉันก็ต้องการนอนพักผ่อนอยู่ห้อง แต่วันนี้หลังจากเราออกกำลังกายกันเสร็จ อลันก็ชวนฉันไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันต่อ

“ทำไมเราต้องไปคะ?” คำถามของฉันขณะนั่งอยู่บนรถด้วยกันทำให้อลันหันมามอง

“คือ…มีนาหมายถึง ทำไมอยู่ดี ๆ อลันถึงอยากไปทำบุญ”

“ไม่ใช่การไปทำบุญครับ แต่การไปบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ผมได้พลังงานดี ๆ มากขึ้น”

เขาพูดจบก็หันไปขับรถต่อ ไม่ได้สนใจฉันที่นั่งข้าง ๆ อีก ส่วนฉันก็เลือกนั่งต่อไปเงียบ ๆ จนกระทั่งไปถึงจุดหมายปลายทาง

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากแม่ครูที่ดูแล เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนร่างผอม รวบผมต่ำ สวมแว่น ท่าทางใจดี

“ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านนะคะ”

“พวกเราต้องการบริจาคเงินเพื่อเลี้ยงอาหารเด็ก ๆ ครับ” เมื่ออลันแจ้งแบบนั้นแม่ครูจึงนำเขาไปที่ห้องห้องหนึ่งเพื่อลงทะเบียนบริจาคและรับใบอนุโมทนาบัตร ส่วนฉันยืนรอเขาอยู่ด้านนอก เพราะเขาอยากบริจาคกี่บาทก็เป็นเงินของเขา

ระหว่างรออลันเข้าไปคุยเรื่องบริจาคเงิน ฉันก็เดินไปดูห้องเรียนฆ่าเวลา พวกเด็กในห้องนั้นหันมามองฉันซึ่งยืนอยู่ประตูด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ไม่ตั้งใจเรียนกันเลยสักนิด ดวงตาหลายคู่ที่จ้องมองมาทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก

“เราเข้าไปแนะนำตัวกับเด็ก ๆ ข้างในกันค่ะ” น้ำเสียงเย็นดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อฉันหันไปมองจึงเห็นว่าแม่ครูคนเดิมและอลันมายืนข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอพูดจบก็เดินนำไปก่อน ส่วนอลันก็ดันหลังฉันให้ตามเข้าไป ไม่เข้าใจเลยว่าแค่เอาเงินมาให้ก็พอไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเข้าไปแนะนำตัวด้วย แต่เด็ก ๆ ก็ดูกระตือรือร้นเหลือเกิน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อฉันและอลันเดินเข้าไปในห้อง

หลังการแนะนำตัวจบลงคุณครูก็ปล่อยให้ฉันและอลันเล่นกับเด็ก ๆ โดยเธอยืนมองอยู่ห่าง ๆ อลันดูเข้ากับพวกเด็ก ๆ ได้ดี เขาอ่านหนังสือนิทานให้เด็ก ๆ ฟังขณะเดียวกันเด็กพวกนั้นก็นั่งล้อมวงฟังเขาอย่างตั้งใจ ส่วนเด็กกลุ่มที่ไม่ชอบฟังนิทานก็มาล้อมรอบตัวฉันไว้

“เอ่อ…ไปฟังนิทานสิจ๊ะ” ฉันไล่เด็กกลุ่มนี้ซึ่งมีกันประมาณสิบคน คือฉันไม่ชอบเด็กจริง ๆ นะ แต่เด็กที่นั่งล้อมกันเป็นวงกลม โดยมีฉันนั่งอยู่ตรงกลางไม่ฟังที่ฉันบอกเลยสักนิด ไม่เพียงแต่จะไม่หันไปฟังนิทานของอลัน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยังชูแขนขึ้น แล้วยื่นมาทางฉัน

“อุ้ม”

ฉันอยากจะบ้าตาย เมื่อเห็นท่าทางลังเลของฉัน เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ฉันไม่อยากให้เธอร้องขึ้นมาเพราะจะทำให้เสียบรรยากาศ และฉันก็ไม่ชอบเสียงร้องไห้ของเด็กด้วย จึงตัดสินใจกางแขนออกเป็นสัญญาณว่าฉันจะอุ้มเธอ เมื่อเด็กหญิงวัยห้าขวบเห็นแบบนั้นก็โผตัวขึ้นมานั่งบนตักฉันทันที

ในจินตนาการของคนที่ไม่เคยก้าวขาเข้ามาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยแม้แต่ครั้งเดียวอย่างฉัน คิดว่าสถานที่แบบนี้จะสกปรก แต่เมื่อได้มาสัมผัสกลับตรงข้าม บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้สะอาดและเป็นระเบียบ แม้แต่เสื้อผ้าของเด็กที่ฉันกอดอยู่ก็ไม่มีกลิ่นอับ นั่นแสดงว่าคุณครูดูแลที่นี่ได้ดีเลยทีเดียว เมื่อเด็กนั่งอย่างมั่นคงบนตักฉันแล้ว ฉันจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อพบว่าตอนนี้อลันหยุดอ่านนิยายแล้วมองมาที่ฉันพร้อมกับอมยิ้ม

“เด็ก ๆ ดูชอบคุณนะครับ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ฉันจึงได้แต่ฉีกยิ้มตอบกลับ อลันอ่อนโยนและใจดีกับเด็กมาก นั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาประทับใจฉันตั้งแต่ที่ฉันช่วยเด็กอ้วนที่แกล้งหายใจหอบคนนั้นไว้ เหตุการณ์วันนี้ทำให้ฉันมั่นใจมากขึ้นว่าตัวเองเดินเกมไม่ผิด เป็นที่มาของคำว่าเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

เราอยู่ที่นั่นกันเกือบชั่วโมงจึงไปลาคุณครูเพราะจะถึงช่วงเวลาอาหารกลางวันของเด็ก ๆ พอดี

“อลันรู้จักสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นี่ได้ไงคะ” ฉันถามเขาเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถกันสองคน

“ก่อนไปเรียนผมเคยมากับคุณปู่คุณย่าครับ แต่หลังกลับมาจากอังกฤษนี่เป็นครั้งแรกที่มา”

เขาตอบขณะสายตาก็มองถนน แม้จะไม่เห็นหน้าเขาแต่ฟังจากน้ำเสียงก็เดาได้ว่าเขาต้องกำลังยิ้มกริ่มเพราะมีความสุขอยู่แน่ ๆ

“เด็กพวกนี้น่าสงสารนะคะ” ฉันกัดฟันพูดไปแบบนั้น ความจริงในใจคิดว่าใคร ๆ ก็น่าสงสารทั้งนั้นแหละ ฉันที่เกิดมายากจนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กก็ควรได้รับความเห็นใจไม่ต่างกัน

“ตอนที่คุณย่าของผมพามา ท่านบอกว่าอยากให้ผมเห็นว่าในโลกนี้ยังมีคนด้อยโอกาสมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อผมมีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็ต้องตั้งใจทำทุกเรื่องให้ดี”

ฉันนั่งฟังเขาเงียบ ๆ ในใจคิดว่าดีจังที่เขามีเวลามากพอที่จะคิดมีเมตตากับคนที่ด้อยโอกาส ส่วนฉันเติบโตขึ้นมาด้วยความคิดว่าจะหาเงินอย่างไร จะเอาอะไรกินเวลาแต่ละวันก็หมดลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าครอบครัวที่ต่างกัน จึงทำให้พื้นฐานความคิดของฉันและเขาต่างกันด้วย ถ้าได้แต่งงานแล้วมีลูกกันจริง ๆ ฉันคิดว่าจะให้เขาเป็นคนเลี้ยงลูกดีกว่า อลันคงสอนลูกได้ดี แต่เมื่อคิดแบบนั้นแล้วฉันก็ต้องตกใจที่ตัวเองเผลอคิดเพ้อเจ้อถึงขนาดสร้างครอบครัวกับเขา

“มีนา…มีนาครับ”

“คะ?” ฉันหันขวับเมื่อเขาเรียก อยู่ในรถแค่สองคนจะพูดเสียงดังทำไมก็ไม่รู้

“เป็นอะไรไปครับ”

“อ่อ…แค่คิดว่าโชคดีที่ได้มาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากับคุณคะ” ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่า แต่ใครจะไปกล้าบอกว่ากำลังคิดเรื่องสร้างครอบครัวกับเขา เดี๋ยวเขาจะได้หาว่าฉันเพ้อเจ้อกันพอดี

“วันนี้เรามาสถานที่ที่ผมอยากมากันแล้ว รอบหน้ามีนาเป็นคนเลือกสถานที่นะครับ”

รอบหน้า? ที่เขาพูดแบบนี้ก็แสดงว่าเขาอยากจะเที่ยวกับฉันอีกสินะ

“ตกลงค่ะ” ฉันบอกเขาน้ำเสียงหนักแน่น ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ฉันยิ่งมั่นใจว่าเลือกคนไม่ผิด นอกจากจะรวยมากแล้วเขายังมีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็กอีกด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel