บท
ตั้งค่า

4

หลี่ซูไป๋ยิ้มอย่างสาแก่ใจ “สตรีนางนั้น ข้าไม่อยากได้แล้ว ถ้าเจ้าอยากได้ก็เอาไป” กล่าวจบนางโยนถุงเงินให้แม่เล้าอี๋ จากนั้นก็ออกจากหอบุปผาอย่างสบายใจ

“คุณชายเดี๋ยวก่อน” เทพธิดาบัวสวรรค์เรียกหลี่ซูไป๋ แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เดินเร็วอย่างกับผี ฉู่หนานร้องอย่างเจ็บปวด บ่าวชายรีบประคองเจ้านายออกไปทันที เขาทั้งก่นด่าหลี่ซูไป๋

ทางด้านหลี่ซูไป๋เมื่อเดินมาถึงตรอกซอย ข้ามไปอีกสองตรอกซอยก็จะถึงโรงเตี๊ยมที่นางพักอยู่แล้ว นางรู้สึกว่าเหมือนมีคนสะกดรอยตามมา หญิงสาวจึงรีบวิ่งแต่ทว่ามีบุรุษสวมชุดน้ำตาลดูเป็นผู้ดี มายืนดักหน้านาง

“เจ้าเป็นใครกัน” บุรุษผู้นั้นใบหน้าสีเหลี่ยม ดวงตากลมโต นัยน์ตาขาวดำราวกับดอกท้อบานสะพรั่ง น่าค้นหายิ่งนัก

บ้าน่า ข้าจะชมเขาทำไม ยังมิรู้เลยว่ามาดีหรือมาร้าย นางหมายจะชักกระบี่ออกมา

“ช้าก่อน” บุรุษผู้นั้นประสานมือคำนับนาง

“คุณชาย เมื่อครู่ข้าดูการประลองเจ้ากับบุรุษผู้นั้น ข้าสนใจในเพลงกระบี่เจ้ายิ่งนัก อยากให้เจ้าช่วยคุ้มกันข้า เพราะข้าเป็นคนแคว้นเหลียง มากับผู้คุ้มกันไม่กี่คนเอง ถ้าเกิดว่าได้คุณชายทำงานด้วยก็คงดีไม่น้อย” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นราวกับเขากำลังเกี้ยวพาสตรี บุรุษผู้นี้แค่น้ำเสียงก็ทำให้นางหลงเสียแล้ว

นางมีภารกิจที่จะต้องทำ

“ข้ามีงานต้องทำ ขอตัวก่อน” กล่าวจบนางประสานมือคำนับเขา

“เดี๋ยวก่อนคุณชายท่านแซ่อะไร”

เสิ่นหยางหยางมองบุรุษร่างน้อยเดินไปอย่างไม่สนใจเขา

“เรียกข้าว่าคุณชายไป๋”

เสิ่นหยางหยางไม่เคยเห็นใครมีความสามารถเช่นนี้มาก่อนเลย บุรุษผู้นั้นหายไปในเงามืดเสียแล้ว เมื่อไรไม่รู้จะได้พบเจอกันอีก คุณชายไป๋ ข้ารัชทายาทแคว้นเหลียงยังไงก็ต้องพลิกแผ่นดินหาเจ้า…

ตำหนักเย็นเพลานี้ สายลมพัดกิ่งไม้ไหวเอนทำให้ดอกอวี้หลันภายในตำหนักร่วงหล่นลงมา ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง

สตรีชุดขาวยืนกอดอกปรายตามองดอกไม้งามร่วงลงมาอย่างช้าๆ นางหวนคิดและคะนึงหาคนผู้หนึ่ง เมื่อแปดปีก่อน ภายในตำหนักเหลียนฮวา ยามเมื่อดอกอวี้หลันสะพรั่งบานลงมา บุรุษผู้นั้นนำดอกอวี้หลันมาทัดใบหูนาง เอ่ยชมว่า งามยิ่งนัก

เมื่อครอบครัวโดนใส่ร้ายสาดโคลนเป็นกบฏคบหากับแคว้นอื่น ทุกอย่างที่กำลังจะไปได้อย่างงดงามความรักที่เขามีให้นาง อย่างไม่มีใครมาแทรกแซงได้กระนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทันที

เขาเป็นบุรุษที่ปกครองใต้หล้าจากที่นางเคยได้รับความรักอย่างสุดหัวใจ วันนั้นนางได้ถูกย้ายมาตำหนักเย็นอย่างเดียวดาย

“พระสนมเข้าตำหนักเถอะพ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกลมแรงนัก” อี้กงกงขันทีน้อยเป็นห่วงเจ้านายจะโดนไอเย็นเป็นไข้ได้ อีกทั้งโรคเก่ายังรักษาไม่หาย ยังมีโรคใหม่มาเพิ่มคงจะแย่กระมัง

หลี่ซูอวี้หันไปยิ้มบางๆ ให้ขันทีน้อย “ข้าขอยืนอยู่สักพัก เจ้าเข้าไปข้างในก่อนเถอะ”"

“ข้าน้อยจะนำเสื้อคลุมจิ้งจอกมาให้พระนาง”

หลี่ซูอวี้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ขันทีน้อยใส่ใจนางทั้งที่นางหมดอำนาจในวังหลังแห่งนี้แล้ว ชีวิตนี้คงจะมีแต่น้องสาวกับอี้กงกงเท่านั้นที่ดีกับนาง

เสื้อคลุมจิ้งจอกสีขาวถูกสวมไว้บนร่างงามอย่างงดงาม เสื้อคลุมตัวนี้บุรุษผู้นั้นก็ประทานให้นาง ตั้งแต่นางเข้ามาในวังหลวงเมื่อเยาว์วัย

“พี่หญิง!!!” บุรุษชุดน้ำเงินเรียกหลี่ซูอวี้ว่าพี่หญิง หลี่ซูอวี้มั่นใจว่านางไม่เคยรู้จักบุรุษผู้นี้มาก่อน นางเบิกตากว้าง

“เจ้าเป็นใคร ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

หลี่ซูไป๋พลันยิ้มหวานจากนั้นดึงปิ่นปักผมบุรุษออก ผมยาวสยายลงมากระนั้นจึงทำให้หลี่ซูอวี้หายตกใจ “น้องหญิง เจ้าปลอมเป็นบุรุษรึ”

“เจ้าค่ะ ข้าไปหอนางโลมมา เลยปลอมตัว”

“ข้าตกใจแทบแย่นึกว่าใครจะมาทำร้าย”

“ข้าคิดว่าพี่หญิงหลับไปแล้ว ข้ามาเสียดึกดื่น”

“ข้ารอเจ้าอยู่”

“ฉู่เฟยเฟยมาหาพี่หญิงหรือไม่”

“มาสิ นางมาแล้วยังบอกเรื่องรัชทายาทแคว้นเหลียงเสด็จมาเจริญสัมพันธไมตรีอีกไม่กี่วันนี้ นางเหมือนกับว่าอยากจะให้ข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย นางอยากจะทำให้ข้าขายหน้ากระมัง นางจะทำให้ข้าได้ไปแล้วร่วมงานเลี้ยงโดยมิทรงรายงานฝ่าบาท”

“ดีสิเจ้าคะ พี่หญิงเข้าทางเรา ในวันนั้นข้าจะปลอมเป็นพี่หญิง รับรองฝ่าบาทต้องสนใจในตัวท่าน”

“น้องหญิงถ้าพวกเราสองพี่น้องแก้แค้นคนตระกูลฉู่สำเร็จ พวกเราจะไม่อยู่เมืองหลวงใช่ไหม” หลี่ซูอวี้เอ่ยถามน้องสาว

จะอยู่ทำไมเล่า

“ใช่แล้ว ข้าจะพาพี่หญิงไปอยู่ที่หุบเขาเหลียงซาน ชมดอกท้อที่บานสะพรั่งอย่างงดงาม ในเมื่อแก้แค้นให้บิดามารดาได้ ก็มิจำเป็นต้องอยู่ในเมื่องหลวงหนานอันอีกต่อไป”

สองพี่น้องกอดกัน

“ได้ข้าจะได้แก้แค้นให้คนตระกูลฉู่รู้สำนึกเสียบ้าง”

“ดีเจ้าค่ะ พี่หญิง ยาแก้ดอกหญ้าพิษ พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะหามาให้ท่านเร็วๆนี้”

“ขอบใจเจ้ามาก” คืนนั้นสองพี่น้อยคุยกันทั้งคืน กว่าหลี่ซูไป๋จะออกจากตำหนักเย็นเกือบรุ่งสาง

เช้าวันต่อมาข่าวที่บุตรชายตระกูลฉู่โดนบุรุษนิรนามเฉือนจมูกแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง อัครเสนาบดีฉู่ไม่นิ่งนอนใจ เขาติดประกาศหาบุรุษผู้นั้นทั่วทั้งเมือง

หลี่ซูไป๋แต่งกายเป็นสตรีที่มีผ้าแพรขาวบางปกคลุมใบหน้างามไว้ ยืนอยู่ป้ายหน้าประกาศ กระดาษหนึ่งของชินอ๋องที่ประกาศตามหาสตรี ประกาศหนึ่งที่ตามหาบุรุษ สองประกาศนี้เป็นนางคนเดียว หลี่ซูไป๋รู้สึกขนลุกยิ่งนัก ไม่ได้แล้วนางต้องรีบไปอยู่ตำหนักเย็นกับพี่สาวดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปคงถูกจับตัวเป็นแน่แท้ คิดได้กระนั้นหญิงสาวเบียดฝูงชนออกไปทันที…

หน้าโรงเตี๊ยมเพลานี้เต็มไปด้วยเหล่าทหาร หลี่ซูไป๋ตกใจแทบแย่ นางค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อร์ยืนคุยกับเหล่าทหาร

“นั่นไงแม้นางผู้นั้น” เสี่ยวเอ้อร์เห็นนางเข้าแล้ว

หญิงสาววิ่งขึ้นชั้นสอง เหล่าทหารตามไป นางปิดประตูกระแทกหน้าเหล่าทหาร “เปิดเดี๋ยวนี้” เปิดให้โง่สิ ถ้าขืนโดนจับล่ะก็ตายอย่างเดียว หญิงสาวเก็บถุงย่าม จากนั้นหมายจะกระโดดลงหน้าต่าง

“โอ๊ย!!!” แต่ทว่ามือหนาใหญ่กระชากผมนางอย่างแรง

“ปล่อยนะ”

“เจ้าจะไปไหน นังเด็กเหลือขอ”

หญิงสาวหันไปมอง “บุรุษหน้าวอก”

สามหาวเกินไปแล้ว ใบหน้าหล่อแดงจัด “เจ้าว่าใคร”

“ว่าเจ้า” ชายหนุ่มทนไม่ไหวสกัดจุดนาง หญิงสาวตัวแข็งทื่อทันที

“เสร็จข้าล่ะ” กล่าวจบชายหนุ่มแบกร่างบางขึ้นพาดบ่า แล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะออกทางหน้าต่าง ครานี้นางไม่รอดเป็นแน่แท้

เมื่อมาถึงจวนอ๋อง เขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่มองอย่างอยางรู้อยากเห็น ร่างบางถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรง

“โอ๊ย เจ็บ” ก้นนางกระแทกอย่างแรง

“เมื่อวาน เจ้าทำข้าแสบตา วันนี้ เจ้าต้องชดใช้” ใบหน้าหล่อมองร่างงามที่นั่งอ้อยอิ่ง

“จับข้ามาทำไม ถ้าอยากได้ค่าเสียหาย ค่าจ่ายให้ก็ได้”

ชายหนุ่มยืนกอดออกมองหน้าด้วยสายตาเย็นชา เมื่อวานนั้นตาเขาแทบจะบอดทั้งปวดแสบปวดร้อน เพราะนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

“ว่ามาจะเอายังไง” บุรุษหน้าวอกไม่คิดบัญชีแค้นกับนางคงจะไม่ยอมเลิกรากระมัง

“ข้าออยากจะให้เจ้าร่วมเป็นหน่วยลับของข้า วรยุทธเจ้านั้นไม่ธรรมดา” เขาเห็นฝีมือร้ายกาจของจิ้งจอกน้อยอยากจะให้นางเป็นลูกน้องของเขา

ดวงตางามมองไปหน้าหล่อเหลา นางมีเรื่องต้องจัดการจะมาเล่นของเล่นกับบุรุษผู้นี้ไม่ได้ คิดได้กระนั้นหญิงสาวจึงเอ่ยวาจาขึ้น “ขอข้าคิดดูก่อน”

“ได้ วันพรุ่งนี้ข้าจะเอาคำตอบกับเจ้า”

“ปล่อยข้าไปได้รึยัง”

“ใครว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปเล่า เด็กๆ ลากนางไปห้องเก็บฟืน”

อะไรกัน “เจ้าคนถ่อย ปล่อยข้านะ”

ห้องเก็บฟืนร่างบางถูกมัดมือแล้วถูกผลักเข้าไปในห้องเก็บฟืน เสียงปิดประตูดังโครมกระแทกใส่หน้าของนาง

“ไอ้บุรุษหน้าวอก หน็อย!!!” นางนั่งชันเข่าในห้องเก็บฟืนที่เหม็นอับ อีกทั้งยังมัดมือนางอีกด้วย คงจะกลัวว่านางจะหนีกระมัง น่าเจ็บใจยิ่งนัก คอยดูเถอะข้าจะหาทางเล่นงานเจ้า

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา บรรยากาศยามเช้าช่างดียิ่งนัก ร่างหนาในชุดผ้าต่วนสีแดงปักด้วยดิ้นทองลายมังกรเดินเฉิดฉายในศาลา ใบหน้าหล่อยิ้มไม่หุบ วันนี้เขาหวังว่าจิ้งจอกน้อยจะให้คำตอบที่พึงพอใจแก่เขา ชายหนุ่มหยิบพักหยกสะบัดไปมา

โครม!!!

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง ทำให้ผู้ที่นั่งอิงเสาปรือตาขึ้นมาทันที เมื่อคืนนางนั่งนอนจนหลังแข็งทั้งคืน เพราะบุรุษหน้าวอกทำร้ายนาง ที่นอนนุ่มๆ ก็มิให้นางนอน

ชายหนุ่มหันไปทางลูกน้องเป็นเชิงปิดประตู

“ว่าอย่างไร ตกลงหรือไม่” น้ำเสียงราบเรียบถามนาง

“ตกลง” คำตอบของนางทำให้เขาพอใจยิ่งนัก จากนั้นชายหนุ่มแก้มัดให้นาง “ไปคุยค่าจ้างที่ห้องโถง” จังหวะที่ชายหนุ่มหันหลังไปนั้น

ฉึก!!!

เขาได้แต่เบิกตากว้าง และอ้าปากค้าง ร่างหนาล้มทับลงอิงอกของนาง หลี่ซูไป๋ยิ้มอย่างมีความสุข “คิดจะให้ข้าเป็นลูกน้องเจ้านั้น ฝันไปเถอะ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎบนใบหน้างามอย่างกระจ่าง…

“ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เมื่อชินอ๋องก้าวออกมาจากห้องเก็บฟืนลูกน้องคนสนิทอย่าง หลงเสียจึงเอ่ยถามเจ้านาย

ชินอ๋องปรายตามองหลงเสีย “นางมิยอมตกลง ขังนางไว้เฝ้าไว้ให้ดี” กล่าวจบองครักษ์ทั้งสองปิดประตูห้อง ชินอ๋องหยักยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

เจ้าพวกโง่!!!

หลงเสียเดินตามหลังเจ้านาย เห็นท่าเดินเจ้านายเดินราวกับผู้หญิงเหมือนมีอะไร ติดขัดที่ระหว่างเป้า “ท่านอ๋องเป็นออะไรหรือขอรับ เหตุใดจึงเดินเยี่ยงนั้น”

หลี่ซูไป๋ที่ปลอมเป็นอ๋องหัวใจกระตุบวาบขึ้นมา นางเป็นระดูนะสิถึงได้เดินเยี่ยงนี้

“ข้าเจ็บที่ตรงนั้น สงสัยโหมหนักไปหน่อย” คำตอบของชินอ๋องทำให้หลงเสียทั้งหน้าแดง และกลั้วหัวเราะไว้

“ขอรับ” หลงเสียไม่ถามต่อได้แต่ก้มหน้าเดินตามหลังเจ้านาย

วันนี้นางจะเป็นเจ้าอ๋องนั้นสักวัน วันพรุ่งนี้เจ้าอ๋องหน้าวอกคงจะตื่นกระมัง เข็มนั้นทำให้สลบได้เป็นวัน ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก

“เรียนท่านอ๋อง คุณหนูสามตระกูลฉู่มาขอพบเจ้าค่ะ” คุณหนูสามตระกูล ก็น่าจะเป็นฉู่อิงเอ๋อ แล้วฉู่อิงเอ๋อมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเจ้าอ๋องหน้าวอกผู้นี้

“นางอยู่ที่ใด” หลี่ซูไป๋เลียนแบบน้ำเสียงชินอ๋อง

“ศาลาแปดเหลี่ยมดอกบัวเจ้าค่ะ”

“ข้าจะไปพบนาง”

สาวใช้ผู้นั้นล่าถอยออกไปเมื่อรายงานเจ้านายแล้ว แต่ทว่าหลงเสียมีใบหน้าฉงนยิ่งนักจึงฉุดคิด ปกติเจ้านายของเขามักจะไล่คุณหนูสามตระกูลฉู่ไป แล้วไฉนวันนี้จึงอยากพบนาง

หลี่ซูไป๋เดินไปไม่กี่ก้าวหันไปมองหลงเสีย “เจ้ามีกระไรรึ”

“ท่านอ๋องปกติ ท่านมิชอบคุณหนูฉู่นิขอรับ ถ้าวันไหนคุณหนูฉู่มาท่านมักจะไล่นางออกไป”

“วันนี้ข้าอยากจะพบนาง เจ้ามีอะไรข้องใจ”

“เปล่าขอรับ”

กล่าวจบนางมุ่งหน้าไปศาลาแปดเหลี่ยม นางแค่อยากจะไปดูสหายเก่าลูกขุนนางชั่วที่ใส่ร้าย ครอบครัวของนางจนได้สิ้นทั้งตระกูลแค่นั้น ใบหน้างามหยักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ร่างงามนั่งเก้าอี้หินอ่อนสีขาว ใบหน้างามฉุดคิดถึงบุรุษรูปงามที่นางเฝ้าถวิลหามาหลายปีนางอายุสิบแปดปีแล้ว ฉู่อิงเอ๋อชอบชินอ๋องยิ่งนัก แต่ทว่าเขามิเคยแย่แสนาง

ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา นางแวะเวียนมาหาเขาที่จวนอ๋อง เขานั้นปฏิเสธนางไม่ยอมพบนาง แต่ทว่าวันนี้เขากลับยอมพบนาง ทำให้นางมีความสุขยิ่งนัก ในเทศกาลโคมลอยนั้น นางยืนอยู่สะพานโค้งเกือบล่วงตกลงไป แต่ทว่าบุรุษชุดขาวราวกับเทพเซียนได้ช่วยเหลือนางได้ทันเวลา กระนั้นทำให้ฉู่อิงเอ๋อในวัยสิบห้าปี ถวิลหาชินอ๋องตลอดมา นางตกหลุมรักเขาตลอดมา

บุรุษชุดแดงย่างกรายเข้ามาในศาลาปรายตามองสตรีตรงหน้าสวมชุดกระโปรงสีชมพูลายดอกโบตั๊นใบหน้า ช่างงามหยดย้อย คิ้วงามดั่งกระบี่เฉียง ริมฝีปากบางยักโค้ง แต่ก็อัปลักษณ์อยู่ดี

“คารวะท่านอ๋อง” นางลุกขึ้นยอบกายอย่างนอบน้อม

ชายหนุ่มนั่งลง “ไม่ต้องมากพิธี”

ฉู่อิงเอ๋อหน้าแดง นางรินน้ำชาให้เขา หลี่ซูไป๋ในคราบชินอ๋องนึกสมเพช นางคงจะต้องหลุมรักอ๋องหน้าวอกสินะ ดูจากแววตาแล้ว ช่างหวานซึ้งเหลือเกิน

ฉู่อิงเอ๋อยื่นจอกน้ำชาให้ชินอ๋อง ชินอ๋องตัวปลอมมิรอช้ารับน้ำใจของนาง แล้วยกขึ้นจิบ

พรวด!!!

ท่ามกลางสายตาบ่าวไพร่ หลงเสีย ทุกคนต่างอึ้งงัน ไม่คิดว่าชินอ๋องผู้หล่อเหลาจะเสียมารยาท พ่นน้ำชาใส่หน้าคุณหนูสามตระกูลฉู่

“ไอ้หยา!!! ข้าขอโทษ” หลี่ซูไป๋เอ่ยอย่างสำนึกผิด

ฉู่อิงเอ๋อได้แต่ยิ้มแห้ง ดึงผ้าเช็ดหน้าจากสาบเสื้อมาซับน้ำชาบนใบหน้างาม “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ชินอ๋องตัวปลอมหยักยิ้มที่มุมปากช่างสาแก่ใจนัก

นี่คือการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆ จากข้า หลี่ซูไป๋ เจ้าคงอยากจะแต่งกับบุรุษหน้าวอกมากสินะ ข้าไม่มีทางให้เจ้าได้สมหวังหรอก

“บรรยากาศช่างดีนัก เจ้าดูนกพวกนั้นสิบินว่อนในสระบัว” ชินอ๋องตัวปลอมยืนขึ้นชมนกน้อย ราวกับว่าเรื่องเมื่อกี้นี้มิได้เกิดขึ้น

“คุณหนูฉู่ เจ้าดูสิงดงามหรือไม่”

ฉู่อิงเอ๋อลุกขึ้นยืนข้างๆ ชินอ๋อง นางได้เห็นรอยยิ้มของชินอ๋อง ราวกับสายลมวสันต์พัดมาให้หัวใจของนางชุ่มฉ่ำ แม้เขาจะร้ายเพียงใดนางก็จะรัก

“เจ้าค่ะ” นางมิได้มองนก แต่ทว่านางมองใบหน้าหล่อเหลาต่างหากเล่า บ่าวไพร่ในศาลาอึ้งงันทำไมคุณหนูฉู่ไม่เกรี้ยวกราดชินอ๋องเล่า หรือว่านางสมองเพี้ยนไปแล้ว อนิจจังความรักทำให้คนตาบอดไปเสียแล้ว

ทันใดนั้นฉู่อิงเอ๋อก็คิดแผนการอันชั่วร้ายออก ถ้านางแกล้งตกลงไปในสระบัว แล้วชินอ๋องลงไปช่วย ชินอ๋องก็ได้เห็นเสื้อผ้าที่เปียกแนบเนื้อ เท่ากับว่าชินอ๋องต้องรับผิดชอบนาง

พริบ

ชั่วพริบตาเดียวสาวงามก็ล่วงลงไปในสระบัวเสียแล้ว ตูม!!!

กระแสน้ำตีเป็นวงกว้างเมื่อร่างงามจมอยู่ใต้น้ำ “ช่วยด้วย!!!”

สตรีนางนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก คิดจะให้ข้าลงไปช่วยแล้วแต่งงานกับนางแผนโสโครกนี้ไม่ได้ผลหรอก ท่ามกลางความตกใจของคนในศาลา

“หลงเสียไปช่วยนาง”

หลงเสียกระโดดลงไปช่วยฉู่อิงเอ๋อทันที ร่างงามขึ้นมาจากสระบัว สาวใช้รีบนำผ้ามาห่ม “คุณหนู” บ่าวที่ตามนางมาจวนอ๋องร้องอย่างตกใจ

“เจ้ารีบพาคุณหนูเจ้ากลับไปเสีย แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก นางตกลงไปสระเองทุกคนก็เห็น”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบประคองเจ้านายไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวนทันที

“ท่านอ๋องจะดีหรือขอรับรีบส่งนางกลับจวน”

“ดีสิ”

ให้นางขายหน้าไปเสียยิ่งดี

“เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหอบุฟผา”

“ท่านอ๋องวันนี้ไม่ออกว่าราชการหรือขอรับ” หน้าที่ชินอ๋องคือผดุงคุณธรรมดูแลทุกข์สุขประชาชนในเมืองหนานอัน

“ไม่!!!” วันนี้นางจะทำให้ชื่อเสียงบุรุษหน้าวอกเละเป็นข้าวต้มเสียเลย ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel